ตอนที่ 42 เขามีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว
หลังจากที่ทุกคนกินกันอิ่มหนำสำราญแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืดลง พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงยามอัสดงที่งดงามสาดส่องจนผืนนากลายเป็นสีเหลืองทอง หย่งหนิงจับมือของอาชิงไว้ “พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่ เจ้าต้องคิดถึงข้าด้วยนะ”
อาชิงพยักหน้ารับคำหนักแน่น “วางใจเถอะ ข้าจะดูแลแมวเมี๊ยวเมี๊ยว อย่างดี”
เซียวเย่เจ๋อมุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย เลิกบอกลากันอย่างอาลัยอาวรณ์สักทีเถอะ ยังจะมาเมี๊ยวเมี๊ยวอีก นั่นมันเสือนะ ใครอนุญาตให้พวกเจ้าเรียกมันว่าเมี๊ยวเมี๊ยวกัน
กว่าจะส่งหย่งหนิงขึ้นรถม้าได้ ทว่าเมื่อขึ้นไปแล้วหย่งหนิงก็ยัดตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กของตนให้เซียวเย่เจ๋อ “นี่เป็นหอยขมน้อยของข้า เจ้าหาชามให้ข้าสักใบแล้วเลี้ยงมันให้ดี ถ้าไม่เชื่อฟังข้าจะตีก้นเจ้า”
เซียวเย่เจ๋อ “…”
หอยขมดี ๆ แบบนี้ไม่เอาไปต้มบะหมี่ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ
เซียวเย่เจ๋อขึ้นไปบนม้าและออกเดินทางทันที เขาไม่ไปบอกลาสาวชาวบ้านผู้นั้นหรอก หากเขาทำเช่นนั้นมิเท่ากับให้เกียรตินางหรอกหรือ?
สุดท้ายก็เป็นเซียวเย่เจ๋อเองที่ต้องหันกลับไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะพบว่าที่ประตูบ้านไม่มีคนอยู่ตั้งนานแล้ว เหลือเพียงหมูเสี่ยวปาที่ยังไม่เข้าคอกและกำลังหันบั้นท้ายกลมกลึงมาทางเขา!
ครอบครัวนี้ไม่มีมารยาทและการศึกษาจริง ๆ!
เซียวเย่เจ๋อแค่นเสียงเย็นชาออกมา “หญิงชาวบ้านผู้นี้เป็นใครกัน ตรวจสอบประวัติมาหรือยัง?”
องครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ กำลังหวนนึกถึงอาหารเมื่อตอนเย็นอยู่ ได้ยินดังนั้นก็ตอบไปว่า “ตรวจสอบแล้วขอรับ เป็นคนต่างถิ่น เมื่อครึ่งปีก่อนได้ย้ายมาที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน สามีนอนไม่ได้สติ เด็กสามคนนั่นล้วนไม่ใช่ลูกของนาง นางเป็นเพียงแม่เลี้ยงเท่านั้น ส่วนอายุไม่ทราบแน่ชัด แต่รู้แค่ว่าชื่อจี้จือฮวนขอรับ”
เซียวเย่เจ๋อมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดึงเชือกผูกม้าแน่น “เจ้าบอกว่าชื่ออะไรนะ!?”
“มีอะไรหรือขอรับ?”
“เจ้าบอกว่านางชื่ออะไร จี้ตัวไหน?”
“จี้ ที่มาจากดอกเยว่จี้ จือ ที่มาจากคำว่ารู้ ฮวน ที่มาจากคำว่าความสุขขอรับ” องครักษ์ต่างตกใจกันยกใหญ่ จึงรีบอธิบายให้ชัดเจนกว่าเดิม
เซียวเย่เจ๋อหันไปมองเนินเขาเล็ก ๆ ที่เงียบสงบลูกนั้น
จี้จือฮวน
บังเอิญขนาดนี้เชียวหรือ? สตรีอัปลักษณ์ของจวนจี้กั๋วกงนั่นก็ชื่อว่า จี้จือฮวน แต่ได้ยินว่านางแต่งออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ไม่รู้ว่าแต่งให้กับผู้ใด
จวนจี้กั๋วกงบัดนี้เหลือเพียงจี้หมิงซูที่เป็นบุตรสาวของอนุแค่คนเดียว ที่วัน ๆ เอาแต่คบค้าสมาคมกับคนนอก ราวกับปลาได้น้ำ
นางจะใช่จี้จือฮวนบุตรสาวภรรยาเอกของจวนจี้กั๋วกง ที่เคยหมั้นหมายกับเขาผู้นั้นหรือไม่?
ไม่ จี้จือฮวนสตรีอัปลักษณ์ผู้นั้นเป็นความอัปยศของเขาเซียวเย่เจ๋อ เขาถอนหมั้นกับนางไปนานแล้ว อีกอย่างต่อให้จวนจี้กั๋วกงจะเป็นเช่นไร ก็ไม่มีทางยกลูกสาวให้แต่งกับชาวนาที่นอนเป็นผักเช่นนี้หรอกกระมัง ทั้งยังมีลูกติดอีกสามคนด้วย
คงเป็นเขาเองที่คิดมากไปเอง ก็แค่ชื่อเหมือนกันเท่านั้น
“ไปเถอะ”
…
ในคืนนั้น
จี้จือฮวนใช้หม้อขนาดใหญ่ต้มน้ำอาบสำหรับเด็กทั้งสามคน และยังใส่อ้ายเฉ่า1ลงไปเล็กน้อย เพื่อป้องกันยุงกัด
เผยจี้ฉือไม่ต้องการให้จี้จือฮวนอาบน้ำให้เพราะเขาอาย ทุกครั้งเขาจะแอบอาบเองอยู่ในห้องคนเดียว จี้จือฮวนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้พวกเขาเช็ดผมให้กัน จากนั้นจึงจะกลับไปนอน
วันนี้เด็กทั้งสามคนต่างก็เชื่อฟังนางเป็นอย่างดี
แต่ขณะที่จี้จือฮวนกำลังเตรียมจะเช็ดตัวให้เผยยวนนั้น เมื่อถูกสายตาหลายคู่จ้องมองก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา “พวกเจ้าเช็ดผมให้แห้งก่อน รอข้าเช็ดตัวให้ท่านพ่อของพวกเจ้าเสร็จแล้ว จะเล่าเรื่องไซอิ๋วให้พวกเจ้าฟัง”
“ขอรับ!” อาชิงโห่ร้องออกมา ก่อนจะดึงม่านปิดให้จี้จือฮวนด้วยความดีใจ
จี้จือฮวนได้แต่หัวเราะอย่างระอา ก่อนจะเลิกผ้าห่มของเผยยวนและเช็ดตัวให้เขา คาดว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหลิงเฉวียน ร่างกายของเผยยวนจึงค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น จนสัมผัสได้ว่าสภาพกล้ามเนื้อเดิมของเขาค่อย ๆ คืนกลับมาบ้างแล้ว แผลกดทับบนร่างกายก็ดีขึ้นมาก สะเก็ดบางส่วนก็หลุดออกไปแล้ว
จี้จือฮวนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขา จากนั้นก็ป้อนยาหลิงเฉวียนให้ และหวีผมที่รวบเอาไว้ของเขาให้เรียบร้อย
เมื่อได้รับการบำรุง สีหน้าของเผยยวนก็ไม่ซีดขาวอีกต่อไป ริมฝีปากก็เริ่มมีสีระเรื่อขึ้นมา ทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
จี้จือฮวนตรวจสอบสมรรถภาพแต่ละส่วนของร่างกายให้เขา และพอใจกับอาการในตอนนี้อย่างมาก
“อาชิงเก็บลูกเสือตัวหนึ่งมา บอกว่าชื่อเมี๊ยวเมี๊ยว เขาคิดว่าหากเลี้ยงไปเรื่อย ๆ มันก็จะกลายเป็นลูกแมว”
“และวันนี้ข้าซื้อหนังสือให้อาฉือด้วย เขาดูมีความสุขมาก แต่ข้าอ่านตัวหนังสือของพวกเจ้าไม่ออก ดูท่าข้าคงต้องไปเรียนกับเขาแล้ว”
“อาอินตอนนี้กำลังหาเงินอยู่ บอกว่าจะตัดเสื้อให้เจ้าใส่ ลูกสาวของเจ้ากตัญญูมาก ดูท่าเมื่อก่อนเจ้าคงดีกับพวกเขาไม่น้อย”
จี้จือฮวนคิดเสียว่าเผยยวนเป็นต้นไม้ จึงบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง
หลังจากเสร็จสิ้นการพยาบาลขั้นพื้นฐาน จี้จือฮวนก็เก็บกล่องยาน้อย ๆ แต่เมื่อนางลุกขึ้นและกำลังจะออกไปข้างนอก ก็พบว่ามือของตนมีคนคว้าเอาไว้
ไม่นับว่าเป็นมือที่อุ่นเพราะยังเย็นอยู่เล็กน้อย บนฝ่ามือยังมีตุ่มหนานูนขึ้นมา ดูก็รู้ว่าเป็นทหาร และเกิดจากการฝึกธนูมาเป็นเวลานาน
จี้จือฮวนจ้องมองบุรุษรูปงามที่ไม่ขยับเขยื้อนบนเตียงด้วยความตื่นตระหนก
“เผยยวน?!” นางส่งเสียงกระซิบ
แต่คนบนเตียงนอกจากจับมือของนางแน่นแล้ว แม้แต่เปลือกตาก็ไม่ขยับ
“เผยยวน เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?” จี้จือฮวนไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ นางถามขึ้นมาอีกครั้ง
ด้านนอกห้อง เผยจี้ฉือเงี่ยหูฟัง จากนั้นก็ผลักประตูเข้ามา “ท่านพ่อข้าเป็นอะไรไป?”
จี้จือฮวนจึงเอ่ยด้วยความยินดีขึ้นมา “เขาจับมือข้า เขาตอบสนองแล้ว!”
เผยจี้ฉือเบิกตาโพลง รีบวิ่งเข้าไปยืนข้าง ๆ จี้จือฮวน และก้มตัวลงมองเผยยวนที่นอนอยู่บนเตียง “ท่านพ่อ ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ขอรับ?”
อาอินและอาชิงได้ยินเสียงก็พากันวิ่งเข้ามา พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นเผยจี้ฉือกำลังเรียกอยู่ จึงได้เรียกตาม
แต่น่าเสียดายที่เผยยวนยังคงนอนนิ่งไร้ซึ่งเสียงตอบกลับใด ๆ
“ข้าไม่ได้หลอกพวกเจ้านะ พวกเจ้าดูที่มือข้าสิ” จี้จือฮวนพยายามแกะมือของเขาออก แต่ก็ไม่สำเร็จ
เผยจี้ฉือตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาดึงแขนเสื้อของจี้จือฮวนและเงยหน้าขึ้นถาม “เจ้าว่าการฟื้นฟูร่างกายให้ท่านพ่อได้ผลหรือไม่? ที่ท่านพ่อข้าตอบสนองเช่นนี้เป็นเพราะเจ้านวดให้เขาทุกวันใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “มีความเป็นไปได้ เพราะมีคนเคยฟื้นขึ้นมาเพราะเหตุนี้จริง ๆ”
“ดีจังเลย อีกไม่นานท่านพ่อก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว!” อาอินเช็ดน้ำตาพร้อมรอยยิ้ม
อาชิงกอดพี่สาวเอาไว้แน่น “พี่หญิงไม่ต้องร้อง พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อด้วยกัน”
“อืม”
เด็กทั้งสามคนต่างก็น้ำตาคลอเบ้า ทำให้ในใจของจี้จือฮวนรู้สึกไม่ดีนัก แต่นางก็ไม่กล้าฝืนดึงมือออก ดังนั้นจึงเป็นปัญหาว่าคืนนี้จะนอนเช่นไร?
“ท่านแม่นอนกับพวกเราเถอะขอรับ เช่นนี้อาชิงก็จะได้ฟังนิทานทุกคืนแล้ว” อาชิงออดอ้อนจี้จือฮวน
ไม่ใช่ว่าจี้จือฮวนรังเกียจพวกเขา เพียงแต่นางไม่เคยนอนกับคนหลายคนบนเตียงเดียวกันมาก่อน เผยยวนต่อให้จะไม่รู้สึกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนางอยู่ดี
“นะขอรับท่านแม่” อาชิงโจมตีด้วยการออดอ้อนต่อ
อาอินไปหยิบหมอนของนางมาอย่างรู้งาน “เช่นนี้ก็แล้วกัน ท่านแม่กับท่านพ่อนอนผ้าห่มผืนเดียวกัน ส่วนพวกเราก็จะนอนฝั่งนี้”
เผยจี้ฉือลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ไปปิดประตู เด็กทั้งสามคนมุดเข้าไปในผ้าห่ม มองนางตาปริบ ๆ คล้ายกับกำลังถามว่า เหตุใดท่านยังไม่เข้าไปในผ้าห่มอีก
จี้จือฮวนทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ถอดรองเท้าและนอนลงข้างกายของเผยยวน
บนตัวของเขามีแต่กลิ่นยา คล้ายกับห้องทดลองในบ้านของนางมากทีเดียว แต่ด้วยความที่เตียงหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก เมื่อนอนลงไปจึงทำให้เบียดชิดกับเขาเป็นอย่างมาก
นางมองไปยังสายตาที่คาดหวังทั้งสามคู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะกระแอมเล็กน้อย “วันนี้จะเล่าให้ฟังหนึ่งบท แต่ฟังเสร็จแล้วต้องนอนนะ ว่ากันว่าลิงหินนั้นมาบนโลก…”
[1] อ้ายเฉ่า (艾草) เป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้รักษาโรคต่างๆ ในแพทย์แผนจีน