ตอนที่ 37 การเปลี่ยนแปลง (3)ตอนที่ 38 ราชสำนัก (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 37 การเปลี่ยนแปลง (3)

หลงฉีชะงักนิ่งอยู่กับที่สักพัก ก่อนจะยืดหลังตรงและวางกำปั้นขวาที่หน้าอกซ้ายของตัวเอง ก้มหัวให้นางเล็กน้อย แล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

จวินอู๋เสียเหลือบมองประตูห้องที่ปิดลง แล้วตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไป

“แข็งนอกอ่อนใน นี่คงเหมาะจะใช้นิยามคนเช่นเจ้าที่สุดแล้ว” เสียงเย้าแหย่ดังมาจากทางหน้าต่าง

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยมองไปทางต้นเสียง จวินอู๋เย่าที่ไม่เห็นหน้าค่าตามาหลายวันกำลังนั่งกอดอกอยู่บนขอบหน้าต่างอย่างสุขุม มุมปากหยักขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตามีเสน่ห์หรี่ลงและมองไปทางจวินอู๋เสีย

ครั้งนี้จวินอู๋เสียไม่ได้กลิ่นเลือดจากบนตัวเขาแล้ว

“จากความผิดครั้งก่อนหน้า ได้รับการลงโทษบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คาดไม่ถึงว่าอู๋เสียน้อยจะใจดีขนาดเตรียมยารักษาบาดแผลให้เขาด้วย” ดวงตาที่ยิ้มแย้มเป็นนิจของจวินอู๋เย่ามองไปยังเงาร่างที่ค่อยๆ หายลับไปจากเรือนของจวินอู๋เสีย

หลังจากวันนั้นที่หลงฉียอมรับผิดจากจวินอู๋เสีย แม้ว่าจะไม่ได้รับการลงโทษใดๆ จากนาง แต่ชายผู้ซื่อสัตย์และพูดน้อยคนนี้กลับวิ่งไปลงโทษตัวเอง กระบองทหารหนึ่งร้อยห้าสิบครั้งกระหน่ำโบยลงไปบนแผ่นหลังของเขาจนเนื้อแตกยับ ตลอดการลงโทษไม่มีเสียงร้องของเขาดังออกมาแม้แต่แอะเดียว มิหนำซ้ำวันรุ่งขึ้นเขายังมาปรากฏตัวที่เรือนของจวินชิงตามปกติอีก

จวินอู๋เย่ารู้เรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ แต่เขาไม่สนใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นการกระทำของจวินอู๋เสียในวันนี้ เขาคงจะลืมเรื่องในวันนั้นไปหมดแล้ว

“ข้าเกลียดกลิ่นแบบนั้น” จวินอู๋เสียพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

จวินอู๋เย่าหัวเราะในลำคอเบาๆ ขายาวทั้งสองข้างก้าวเข้าไปในห้องของจวินอู๋เสียอย่างสง่า

“อู๋เสียเจ้าช่างลำเอียงเสียจริง ตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บ ไฉนไม่เห็นเจ้าเตรียมยาเผื่อข้าบ้าง” จวินอู๋เย่าเดินเข้าไปใกล้ตัวของจวินอู๋เสีย เขายันแขนข้างหนึ่งกับกำแพงข้างหลังนาง กักขังร่างบางไว้ท่ามกลางเงามืดด้วยร่างกายที่แสนใหญ่โตของเขา

เส้นผมสีดำย้อยลงมาผ่านใบหน้าประณีตชวนมอง มันปัดผ่านแก้มของจวินอู๋เสียไปเล็กน้อยทำให้นางรู้สึกจั๊กจี้

จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว ปัดเส้นผมของเขาออก

“เป็นเพราะชื่อของเจ้า” จวินอู๋เสียชำเลืองมองจวินอู๋เย่าแล้วขยับหนีเขาอย่างเฉยชา

จวินอู๋เย่า…’อู๋เย่า’ หมายถึงเกินเยียวยาแล้ว!

“ฮ่าๆๆ” จวินอู๋เย่าเข้าใจความหมายของนาง เขาอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ กระตุกข้อมือพาร่างที่เพิ่งหลุดออกไปกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนใหม่ กอดนางไว้อย่างเอาแต่ใจ

ร่างเล็กนุ่มนิ่มของนางมีกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายสบายใจอย่างมาก

นางไม่ดิ้นรน และไม่ขัดขืน เพียงอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดเขาเงียบๆ มีเพียงดวงตากระจ่างใสคู่นั้นที่ฉายความไม่พอใจออกมา

“วันนี้ข้าล้างตัวมาเป็นอย่างดีแล้ว เจ้าลองดมดู ยังมีกลิ่นนั้นติดอยู่หรือไม่” เขากระซิบกล่าวด้วยเสียงนุ่ม หยอกล้อเด็กน้อยที่แสนเย็นชา

“ไม่มี” จวินอู๋เสียรู้สึกไม่คุ้นชินกับความสนิทสนมของเขาเท่าไหร่ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเสมอ แต่ก็หาไม่เจอว่าผิดปกติที่ตรงไหน

“วางใจเถอะ สิ่งใดที่เจ้าไม่ชอบ ข้าจะลบมันไปให้หมด” ใครบางคนเอ่ยคำมั่นสัญญาด้วยรอยยิ้ม กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามเขาพบว่าไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร ดูเหมือนเด็กน้อยนี่จะไม่มีท่าทีตอบโต้มากนัก คลับคล้ายกับว่านางไม่รู้ถึงความนัยที่ซ่อนอยู่ภายใต้การกระทำของเขา

ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉยไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนกระดาษเปล่า

ทว่ามันกลับทำให้คนบางคนยิ่งอยากจะทิ้งร่องรอยเล็กๆ ไว้บนกระดาษแผ่นนั้นเข้าไปใหญ่!

………….

ตอนที่ 38 ราชสำนัก (1)

พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของจวินอู๋เสียทำให้จวนหลินอ๋องที่ถูกกดดันมาตลอดสิบปีในที่สุดก็มองเห็นแสงแห่งความหวัง ภายในจวนหลินอ๋องเวลานี้จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่นสงบสุข ตรงกันข้ามกับด้านนอกกำแพงจวนอย่างสิ้นเชิง

ชื่อเสียงของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยในเมืองหลวงนั้นไม่เลวเลย ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา จึงได้ครอบครองหัวใจของหญิงสาวมากมายนับไม่ถ้วน ยามที่การหมั้นหมายระหว่างจวินอู๋เสียและมั่วเซวี่ยนเฝ่ยถูกประกาศออกมาในคราแรก มันจึงทำให้สตรีที่หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวมั่วเซวี่ยนเฝ่ยมุ่งเป้ามาที่จวินอู๋เสีย คนจำนวนไม่น้อยต่างแอบด่าว่าจวินอู๋เสียเป็นคางคกที่ริอยากกินเนื้อหงส์

บัดนี้พอการหมั้นหมายระหว่างมั่วเซวี่ยนเฝ่ยกับจวินอู๋เสียถูกยกเลิกไป ท่าทีของผู้ที่เฝ้าดูอยู่จึงแตกออกเป็นหลายทาง บ้างรอชมเรื่องสนุก บ้างนิ่งเฉย และบ้างก็รอเหยียบย่ำซ้ำเติม

หลังจากการประชุมเช้าที่ท้องพระโรงยุติลง จวินเสี่ยนที่กำลังเดินทางออกจากวังหลวงตามปกติก็ได้พบกับกลุ่มขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่สวมชุดทางการเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้มให้

“หลินอ๋อง มีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับคนที่ลอบทำร้ายองค์ชายรองแล้วหรือไม่” ชายชรารูปร่างอ้วนท้วมถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

จวินเสี่ยนมองไปยังคนผู้นั้น หากบอกว่าจวินเสี่ยนคืออ๋องต่างสกุลที่องค์ปฐมฮ่องเต้ผู้สถาปนารัฐชีแต่งตั้งขึ้นมา เช่นนั้นชายรูปร่างท้วมผู้นี้ก็คือท่านอ๋องโดยชอบธรรมของรัฐชี พระเชษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน…อู๋อ๋อง

อู๋อ๋องปีนี้มีอายุมากกว่าหกสิบปีแล้ว ด้วยตำแหน่งที่สูงส่งทำให้ชีวิตเขาอยู่ดีกินดีมาโดยตลอด อู๋อ๋องผู้โง่เขลาไม่มีความสามารถมากนัก แต่เขายืนหยัดในฐานะพระเชษฐาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ในรัฐชีแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนปลาได้น้ำ อู๋อ๋องผู้นี้วันๆ ไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากอาศัยอิทธิพลของฮ่องเต้หาความสำราญให้กับตัวเอง ตัวเขานั้นมักจะคิดอยู่เสมอว่าตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เนื่องด้วยเขามีสายเลือดราชวงศ์อยู่ในกาย จึงทำให้เหล่าขุนนางทั้งหลายล้วนประจบประแจงและยกย่อง กล่าวชมอยู่ตลอดไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอันใดก็ตาม เขาจึงไม่เคยก้มลงมองความไร้ประโยชน์ของตัวเองเลยสักครั้ง

อย่างไรก็ตามสำหรับจวินเสี่ยนนั้นเป็นข้อยกเว้น อารมณ์ของจวินเสี่ยนนั้นรุนแรงมาก ตัวเขานั้นเป็นคนซื่อตรง ทั้งยังเป็นผู้ที่ชอบพูดถึงความบกพร่องของคนตรงหน้ามาโดยตลอด ทำให้เขาและอู๋อ๋องมักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ ทั้งคู่เข้ากันไม่ได้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว

ย้อนกลับไปในช่วงยุคทองของจวนหลินอ๋อง ในช่วงที่ลูกชายทั้งสองคนของจวินเสี่ยนยังดีๆ อยู่นั้น อู๋อ๋องไม่เคยกล้าหาเรื่องจวินเสี่ยนตรงๆ เลยสักครั้ง ทว่าเมื่อเห็นจวนหลินอ๋องกำลังตกต่ำลง อู๋อ๋องก็กำเริบเสิบสานมากขึ้นและเริ่มแสดงพฤติกรรมหยาบช้าที่อดกลั้นไว้นานปีออกมา

สาเหตุที่ข่าวเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างจวินอู๋เสียและมั่วเซวี่ยนเฝ่ยแพร่สะพัดออกไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็วนั้น ก็เป็นผลงานของอู๋อ๋องผู้นี้

เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่โดยรอบเริ่มรายล้อมเข้ามาเบียดเสียดกัน รอชมเรื่องตลกของจวินเสี่ยน

“เรื่องนี้คงไม่รบกวนให้อู๋อ๋องเป็นห่วง ไม่ว่าคนร้ายนั้นจะเจ้าเล่ห์อย่างไร จวนหลินอ๋องของข้าก็จะสืบสาวเรื่องราวจนถึงที่สุด รับรองความปลอดภัยขององค์ชายรอง” จวินเสี่ยตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“เช่นนั้นงานนี้คงต้องลำบากหลินอ๋องแล้ว อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว แต่ยังต้องทำงานหนักมิได้หยุดพัก ว่าอย่างไรดีล่ะ เรื่องแบบนี้ส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปก็ได้แล้ว…” อู๋อ๋องยิ้มอย่างสดใส แต่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องและแกล้งทำทีเป็นหนักใจ ตีไปที่หน้าผากของตัวเองแล้วพูดว่า “โอ้ ข้านี่แย่จริงๆ ขอโทษด้วย ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่าบุตรชายทั้งสองคนของท่าน คนหนึ่งพลีชีพเพื่อบ้านเมืองไปแล้ว ส่วนอีกคน…”

อู๋อ๋องพูดไม่จบ แต่ดวงตาที่มองไปยังจวินเสี่ยนเต็มไปด้วยความหัวเราะเยาะ

ไม่นานมานี้ เรื่องราวของจวนหลินอ๋องแพร่กระจายไปทั่วราชสำนักแล้ว

ลูกชายคนเล็กของจวินเสี่ยนนั้นเกิดพิษกำเริบขึ้นอย่างกะทันหัน เชิญหมอทั่วทั้งเมืองหลวงไปรักษาแล้วแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แม้แต่หมอหลวงในวังที่ถูกส่งไปโดยฮ่องเต้ ก็ยังนำผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดกลับมารายงาน ในตอนต้นข่าวนี้ถูกปิดไว้อย่างเงียบเชียบ แต่ไม่รู้ใครปากสว่างเอาเรื่องนี้ออกไปโพนทะนา ทั่วทั้งราชสำนักจึงได้รู้ว่าจวินชิงลูกชายคนเล็กของจวินเสี่ยนมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

“ขอโทษจริงๆ ข้านี่มันพูดไม่เป็นเอาเสียเลย ขอโทษ…จริงๆ ฮ่าฮ่า” คำพูดของเขาไม่มีความจริงใจอยู่เลย เขายิ้มเยาะใส่จวินเสี่ยนอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น

คิ้วของจวินเสี่ยนขมวดมุ่น รบทัพจับศึกมานานหลายปี รังสีฆ่าฟันในตัวเขาจึงค่อนข้างรุนแรงพอสมควร ในยามปกติเขาจะไม่ปลดปล่อยมันออกมาเช่นนี้ ทว่ายามนี้เขากลับเริ่มส่งรังสีฆ่าฟันออกมาทั่วตัว ขุนนางพวกนั้นมิอาจทำอันใดได้นอกจากสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง พวกเขารู้สึกถึงอุณหภูมิโดยรอบที่ลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้สายตาของจวินเสี่ยนได้จ้องเขม็งไปยังอู๋อ๋องที่คิดแต่จะคอยซ้ำเติมเขา

………………