ตอนที่ 31 แขนทั้งสองข้าง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

หญิงสาวลูบเตาผิงในมือ ก้มหน้าลง แววตาเย็นชา “ตอนนี้จิงจ้าวอิ่นคงได้รับแจ้งเรื่องแล้วส่งคนไปตรวจดูศพพวกนั้นที่ป่าช้านอกเมืองแล้ว”

ตอนนี้ผู้คนในเมืองล้วนจับจ้องมาที่จวนจงหย่งโหวและจวนเจิ้นกั๋วกง เฉพาะที่นางรู้ก็มีตระกูลสูงศักดิ์หลายตระกูลแอบส่งคนมาลอบสืบข่าวจากทั้งสองจวนแล้ว

เจี่ยงซื่อ ฮูหยินโหวแห่งจวนจงหย่งโหวต้องเล่าเรื่องราวด้วยท่าทีน่าสงสารอยู่แล้ว ส่วนต่งซื่อ ฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง รอแค่พบตัวสาวใช้ติดตามทั้งห้าที่เจี่ยงซื่อขายไปเรื่องราวทั้งหมดก็จะกระจ่างแจ้งเอง ส่วนฮูหยินสองหลิวซื่อไม่ยอมพบหน้าผู้ใดทั้งสิ้นเพราะเป็นห่วงบุตรสาวของตน

ยิ่งชาวบ้านและตระกูลต่างๆ สืบอะไรไม่ได้เลยก็จะยิ่งคาดเดากันไปต่างต่างนานา จากนั้นก็ได้แต่รอให้ตามตัวสาวใช้ติดตามทั้งห้าให้พบจะได้พิสูจน์ความฉลาดของตัวเอง

ไป๋จิ่นถงซึ่งเคยออกรบมาก่อนยังต้องตะลึงกับวิธีการอันโหดเหี้ยมของเจี่ยงซื่อ นางมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ พี่สืบรู้จนละเอียดแล้วจึงให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ไปแจ้งทางการเพื่อให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนเดินไปอย่างช้าๆ “จิงจ้าวอิ่นได้รับแจ้งเรื่องศพของหญิงนิรนามห้าศพ จวนของเราก็กำลังตามหาสาวใช้ติดตามทั้งห้าคนที่เจี่ยงซื่อขายไปพอดี จิงจ้าวอิ่นไม่ต้องสืบอย่างละเอียดก็ต้องนึกถึงฮูหยินโหวซึ่งอ้างว่าขายสาวใช้ติดตามทั้งห้าไปแล้ว ต้องให้จวนเจิ้นกั๋วกงส่งคนไปยืนยันศพแน่นอน”

“แต่ว่าพี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นถงเอามือข้างหนึ่งไขว้หลังไว้ กิริยาช่างคล้ายบุรุษยิ่งนัก “บ้านเมืองของเราแต่ไหนแต่ไรมา บรรดาบ่าวรับใช้เป็นเพียงทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้านายเท่านั้น ต่อให้แจ้งทางการก็ทำได้เพียงกล่าวหาว่าฮูหยินโหวยุ่งวุ่นวายกับสินเดิมของพี่รองเท่านั้นเองนะเจ้าคะ เรื่องนี้คนเขารู้กันทั่วแล้ว ทำอันใดฮูหยินโหวมิได้หรอกเจ้าค่ะ มันคุ้มหรือเจ้าคะ”

“เพราะฉะนั้น เมื่อเช้าทางจวนเลยสั่งให้คนไปยกเลิกฐานะทาสของสาวใช้พวกนั้นแล้ว พี่รองของเจ้าก็คืนสัญญาทาสให้แก่พ่อแม่ของสาวใช้ติดตามทั้งห้าคนแล้วด้วย”

ดวงตาของไป๋จิ่นถงเป็นประกายในทันที สองมือกอดไปที่แขนของไป๋ชิงเหยียน “ยกเลิกฐานะทาสก็เท่ากับเป็นชาวบ้านธรรมดา ฆ่าชาวบ้านตามอำเภอใจต้องชดใช้ด้วยชีวิตเลยนะเจ้าคะ! คราวที่แล้วที่พี่หญิงใหญ่บอกกับพี่รองให้เก็บสัญญาทาสพวกนี้ให้ดีๆ เพราะจะใช้ประโยชน์ก็เพื่อวันนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ! เช่นนั้น…เรื่องนี้จะเอาชีวิตหญิงอำมหิตนั่นได้จริงๆ หรือไม่เจ้าคะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคิดหาวิธีทำให้นางโดนตันสินประหารในคดีนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ อย่างไรนางก็เป็นหญิงอำมหิตจริงๆ พวกเรามิได้ใส่ร้ายนาง”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูดวงตาที่เป็นประกายของไป๋จิ่นถง ในใจเริ่มกังวลเล็กน้อย ไป๋จิ่นถงใกล้จะเดินทางแล้วแต่นิสัยยังขาดความสุขุมอยู่มาก

ในเมื่อพูดกับไป๋จิ่นถงเรื่องนี้แล้ว ถือโอกาสใช้เรื่องนี้แยกแยะเหตุผลให้ไป๋จิ่นถงฟังอย่างละเอียดเลยก็แล้วกัน

ไป๋จิ่นถงฉลาดและมีไหวพริบดีที่สุดในบรรดาพี่สาวน้องสาวทั้งหมด เพียงแต่อายุยังน้อยเลยอาจใช้อารมณ์เป็นใหญ่ไปบ้าง แต่ข้อดีที่สุดของนางก็คือหากแยกแยะเหตุผลให้นางฟังโดยละเอียดนางก็จะเข้าใจ กระจ่างแจ้งในทันที

“สิ่งที่เราต้องการตั้งแต่แรกคือการที่พี่รองของเจ้าไม่ต้องถูกแม่สามีคอยควบคุมบงการ คุณหนูทั้งสองของจวนโหวไม่กล้ารังแกนางอีก มิใช่ต้องการชีวิตของฮูหยินโหว ใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนจูงมือไป๋จิ่นถง เดินไปด้านหน้าพลางเอ่ยกับนางด้วยเสียงนุ่มนวล

ไป๋จิ่นถงพยักหน้าแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อสิ่งใด

“อย่างนั้นก็มีเพียงไล่เจี่ยงซื่อออกไปจากจวนจงหย่งโหว พี่รองของเจ้าจึงจะไม่ถูกแม่สามีผู้นี้คอยควบคุมรังแก มิเช่นนั้นต่อให้แยกจวนออกมาอยู่เอง หากเจี่ยงซื่อเกิดปวดหัวตัวร้อนไม่สบายขึ้นมา นางอ้างคำว่ากตัญญูบีบให้พี่รองของเจ้าไปดูแล พี่รองของเจ้าก็ต้องไป อีกอย่างคุณหนูทั้งสองของจวนจงหย่งโหวนั่น หากแม่ของนางไม่อยู่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่เป็นดั่งมารดา พี่รองของเจ้าเป็นสะใภ้ใหญ่ ภายภาคหน้าต้องจัดการเรื่องการแต่งงานของเด็กสองคนนั่น ถึงเวลานั้นทั้งสองคนจะกล้าทำอะไรพี่รองของเจ้าได้อีก เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่”

ไป๋จิ่นถงคิดตามแล้วพยักหน้า

“ดังนั้น คดีนี้จะตัดสินออกมาเช่นไรไม่สำคัญ! หากฮูหยินโหวโดนตัดสินประหารชีวิตก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับพวกเรา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่เราต้องการคือผลลัพธ์หลังจากที่ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวเข้าไปพันพันกับคดีฆ่าคนตาย แค่เข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตาย ต่อให้สุดท้ายไม่ได้ทำให้ฮูหยินโหวชดใช้สาวใช้ติดตามทั้งห้านั่นด้วยชีวิต แต่นางมีคดีฆ่าคนตายติดตัว ตระกูลสูงศักดิ์พัวพันกับคดีฆ่าคนตายต้องดึงดูดความสนใจของฝ่ายตรวจการแน่ เหล่าผู้ตรวจการต้องจับตามองดูเรื่องนี้ ต้องถวายฎีกาให้ฝ่าบาทแน่นอน นี่คือประเด็นแรก ส่วนบุตรสาวสองคน บุตรชายอีกหนึ่งคนซึ่งถูกอบรมสั่งสอนโดยเจี่ยงซื่อ มารดาของพวกเขาชื่อเสียงเสื่อมเสียเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ยากจะมีที่ยืนในเมืองหลวงอีก นี่คือประเด็นต่อมา”

“แล้วเจ้าลองคิดดู…จงหย่งโหวซึ่งเห็นแก่ตัวผู้นั้น จะยอมให้ฮูหยินโหวที่ทำให้ชื่อเสียงของจวนจงหย่งโหวต้องเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในจวนจงหย่งโหวต่อเพื่อทำลายชื่อเสียงของลูกๆ เขาอย่างนั้นหรือ เป้าหมายของเราใกล้จะสำเร็จแล้ว หากเจ้าเข้าไปแทรกกลางเพื่อหวังเอาชีวิตเจี่ยงซื่อจนเรื่องมันแย่ลง เจ้าจะทำเช่นไร”

เมื่อเห็นแววตาของไป๋จิ่นถงสลดลงเล็กน้อย ไป๋ชิงเหยียนยืนนิ่งกระชับเสื้อคลุมให้ไป๋จิ่นถง เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “อีกไม่นานเจ้าจะต้องออกไปเผชิญโลกกว้างคนเดียวแล้ว พี่เลยยกตัวอย่างเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้เจ้าเข้าใจ…ทำสิ่งใดก็ตามไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใดให้ได้มา โปรดจงจำให้ขึ้นใจว่าเป้าหมายที่เจ้าต้องการคือสิ่งใด ใช้แขนทั้งสองข้างของเจ้าช่วยปูทาง อย่าโลภมากใช้วิธีที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น มิเช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้อะไรเลย ที่สำคัญเรื่องทุกอย่างมิอาจมองที่ผลลัพธ์เสมอไป อย่างเช่นคดีนี้ ผลตัดสินจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ต้องดูว่าผลที่ตามมาใช่สิ่งที่เจ้าที่ต้องการหรือไม่ ผลลัพธ์ ผลที่ตามมา สองสิ่งนี้ดูเหมือนคล้ายกันแต่ความจริงแล้วมันแตกต่างกันมาก”

ไป๋จิ่นถงนึกถึงถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวในวันที่อยู่ในห้องของไป๋จิ่นซิ่ว

หากต้องการให้พวกนางว่าง่าย ต้องตีไปที่กระดูกสันหลังของพวกนางให้หักในคราเดียว จัดการที่พึ่งของพวกนาง! ให้พวกนางรับรู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวด อะไรคือความหวาดกลัว วันหน้าพอได้ยินชื่อน้องรองจะได้หวาดกลัว เช่นนี้…พี่รองของเจ้าถึงจะอยู่อย่างสงบสุขได้

ไป๋จิ่นถงมั่นใจว่าตนเองฉลาด แม้จะไม่มากเท่าพี่หญิงใหญ่แต่ก็คงไม่ต่างกันมากนัก บัดนี้เมื่อเห็นวิธีการที่พี่หญิงใหญ่จัดการกับฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวได้อย่างราบเรียบ ไม่มีอุปสรรคใดๆ แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความคิดซับซ้อนจนมิมีผู้ใดตามทัน

ตอนนี้ไป๋จิ่นถงจึงรู้ว่านางยังต้องเรียนรู้จากพี่หญิงใหญ่อีกมาก

“จิ่นถงจะจดจำคำสอนของพี่หญิงใหญ่ไว้ในใจ ไม่มีทางลืมเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นถงคาราวะไป๋ชิงเหยียนด้วยความเคารพ นับถือไป๋ชิงเหยียนจากใจจริง

ไป๋ชิงเหยียนดึงไป๋จิ่นถงขึ้น กุมมือของน้องสาวเอาไว้ “เจ้าต้องจากบ้านไปไกล โลกด้านนอกกว้างใหญ่ไม่เหมือนกับบ้านเรา พี่เลยต้องพูดมากหน่อย หวังว่าเจ้าจะทำทุกสิ่งด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง”

“จิ่นถงทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องกังวล” ไป๋จิ่นถงตาแดงก่ำกุมมือของไป๋ชิงเหยียนแน่น คลี่ยิ้มออกมา “จิ่นถงไปส่งพี่หญิงใหญ่กลับเรือนนะเจ้าคะ”

หญิงสาวเดินไปกับไป๋จิ่นถงได้สองสามก้าว ก็เห็นฉินซ่างจื้อซึ่งพักรักษาตัวอยู่ในจวนยืนมองนางอยู่ไม่ไกลนัก หญิงสาวยิ้มให้เล็กน้อยพลางย่อกายทำความเคารพ

ไป๋จิ่นถงที่ไม่รู้เรื่องก็ย่อกายทำความเคารพตาม

ฉินซ่างจื้อขมวดคิ้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เหมือนอยากจะกล่าวสิ่งใดออกมาแต่ก็ไม่ได้กล่าว สุดท้ายเขากำหมัดคาราวะจากนั้นก็เดินจากไป