ตอนที่ 50 วิชาการหลอกลวง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 50 วิชาการหลอกลวง

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ไม่ควรดูถูกเยียนอวิ๋นเกอเพียงเพราะนางอายุน้อยเสียจริง

ถึงแม้อีกฝ่ายจะอายุยังน้อย แต่ก็เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก

เสบียงหนึ่งพันหาบแม้จะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย

หากบอกว่าไม่สนใจคงเป็นคำโกหก

องค์ชายในราชวงศ์นี้จะไม่มีพื้นที่ศักดินา ก่อนสถานปนาฐานันดรศักดิ์เป็นท่านอ๋อง

มีเพียงตำแหน่งองค์ชายเท่านั้น

องค์ชายท่านอื่นอาจหาวิธีกอบโกยเงินได้บ้าง

แต่คนอ่อนแอที่พยายามไม่ทำตัวโดดเด่นอย่างเขา ไม่สะดวกในการทำการค้า รายรับจึงมีจำกัด

ความสำคัญของเสบียง กระจ่างโดยไม่ต้องพูด

เสบียงหนึ่งพันหาบ เขาต้องการ!

แต่จะเอาเสบียงนี้มาได้ย่อมต้องมีวิธีการ

เขามองเยียนอวิ๋นเกอด้วยสายตาดูถูก “เพียงแค่หนึ่งพันหาบ…”

น้อยไปอย่างนั้นหรือ

น้อยไปก็ถูกแล้ว!

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา นางไม่เล่นกลอุบายลึกลับ จรดดินสอเขียนอย่างตรงไปตรงมา “พระองค์ทรงให้สิ่งใดแก่ข้าได้บ้าง บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่มีการแลกเปลี่ยน ข้าคงไม่อาจส่งเสบียงให้พระองค์โดยที่ตนเองไม่ได้รับสิ่งใดเลย”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะตาม “หากข้าจำไม่ผิด พื้นที่รกร้านในแคว้นชีและแคว้นหยวนล้วนเป็นพื้นที่ไร้เจ้าของ เมื่อคุณหนูสี่ต้องการบุกเบิก เจ้าเตรียมเงินมากน้อยเพียงใดในการซื้อพื้นที่รกร้างเหล่านั้น เกรงว่าหากข่าวของการบุกเบิกแพร่กระจายออกไป คงจะมีคนขึ้นราคาเพื่อเตรียมโขกสับเจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มตาหยี ปล่อยให้องค์ชายสองพูดต่อไป

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้ว พูดเสียงเบา “ข้าสามารถช่วยเจ้าจัดการเรื่องกรรมสิทธิที่ดินของแค้วนชีและแค้วนหยวนได้ เพียงแค่ให้สำนักเซ่าฝู่[1]ออกหน้าซื้อพื้นที่รกร้างของทั้งสองแคว้น จากนั้นเจ้าซื้อพื้นที่รกร้างต่อจากสำนักเซ่าฝู่ เมื่อกรรมสิทธิที่ดินชัดเจน รับรองว่าไม่มีผู้ใดสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าได้ ข้าสามารถช่วยเจ้าจัดการด้านราชการ อีกทั้งจัดการปัญหาทางด้านกรมคลัง”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะร่าภายในใจ นางรู้ว่าองค์ชายสองไม่ได้ไร้อำนาจเหมือนที่ดูจากภายนนอก

องค์ชายที่ไร้อำนาจจริง จะมีความสามารถจัดการสำนักเซ่าฝู่ สำนักราชการ และกรมคลังได้อย่างไร

เห็นได้ชัดว่าองค์ชายสองแสร้งทำตัวไร้อำนาจ

เขาอาจจะป่วยจริง

แต่เขาก็มีความทะเยอะทะยานจริง

เขามีความสามารถที่ไม่อาจดูถูกได้

แต่แล้วเยียนอวิ๋นเกอส่ายหัวพลันเขียน “ไม่พอเพคะ!”

หากจัดการเรื่องแค่นี้ก็จะเอาเสบียงหนึ่งพันหาบในแต่ละปี ฝันไปเถิด!

เซียวเฉิงเหวินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “คุณหนูสี่คงต้องการมากเกินไปแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะพลันเขียน “พระองค์ตรัสได้อย่างถูกต้อง ความต้องการของข้ามีมากเสมอ พระองค์ทรงเป็นผู้มีความสามารถ เหตุใดจึงไม่ใจกว้างอีกเล็กน้อย”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะเสียงเย็น “คุณหนูสี่ต้องการสิ่งใด หากต้องการเงิน ข้าคงไม่มีให้เจ้า ท่ามกลางหมู่พี่น้อง ข้าจะยากจนสุด”

ประโยคนี้เป็นความจริง

เขายากจนมาก

เขามีความสามารถ มีเส้นสาย แต่เขาไม่มีเงิน

เขามีข้อดีคือการเป็นองค์ชายที่กำเนิดจากฮองเฮาเท่านั้น

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า

นางรู้ว่าเขายากจน ดังนั้นจคงไม่คิดจะเอาเงินเขาตั้งแต่แรก

นางเขียน “พระองค์ทรงวางพระทัย ข้าไม่ได้ต้องการเงิน แต่ข้าต้องการควาย ม้า เครื่องมือทำนา หม้อเหล็ก ไม้ ช่างฝีมือ…รวมทั้งผู้อพยพในนครบาล”

ความต้องการมากมายเสียจริง

มุมปากของเซียวเฉิงเหวินกระตุก

เสบียงหนึ่งพันหาบต่อปี แต่เรียกร้องมากเพียงนี้

คิดว่าเขารังแกง่ายหรือ

เขากลอกตาหนึ่งที

เขาไม่เคยพบเห็นคนไร้ยางอายเพียงนี้มาก่อน

เซียวเฉิงเหวินสูดลมหายใจเข้าลึก พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ควายห้าสิบตัว ม้าสิบตัว อุปกรณ์ทำนาห้าสิบชุด วัตถุไม้และช่างฝีมือไม่มี เรื่องผู้อพยพ ข้าสามารถยื่นขอกับสำนักเซ่าฝู่แทนเจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้ารังเกียจ

เหตุใดองค์ชายสองจึงขี้งกเพียงนี้

นางต้องการบุกเบิกที่ดินสองแสนไร่ ให้ควายมาเพียงห้าสิบตัวจะทำสิ่งใดได้

นางเขียนอย่างรวดเร็ว “พระองค์ทรงคิดว่าข้าเป็นขอทานหรือ”

เซียวเฉิงเหวินคิ้วกระตุก “ถ้าข้าคิดว่าเจ้าเป็นขอทาน เพียงแค่ให้เงินก้อนโตก็คงพอแล้ว”

นางยังบังอาจเปรียบเทียบตัวเองกับขอทาน บนแผ่นดินนี้มีขอทานที่ร้ายกาจแบบนางด้วยหรือ

เซียวเฉิงเหวินกลอกตาอีกครั้ง

เยียนอวิ๋นเกอไม่พูดพล่าม ยื่นข้อเสนอโดยตรง “ควายสองพันตัว ม้าสองพันตัว เครื่องมือทำไร่หนึ่งหมื่นชุด หม้อเหล็กหนึ่งพันใบ ช่างฝีมือหนึ่งร้อยคน ส่วนวัตถุดิบไม้ข้าสามารถจัดการเองได้ พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ ข้อเสนอนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับพระองค์”

ไม่ยากหรือ

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะเสียงเย็น

อย่าคิดว่ายกยอเขาแล้วเขาจะโดนหลอก

เขาไม่พูดพล่ามเช่นเดียวกัน ตัดทอนข้อเสนอของเยียนอวิ๋นเกออีกครั้ง “ควายสามร้อยตัว ม้าหนึ่งร้อยตัว เครื่องมือทำนาสองร้อยชุด หม้อเหล็กหนึ่งร้อยใบ อย่างอื่นไม่มี คุณหนูสี่ ข้าตักเตือนเจ้าอย่างจริงจัง ข้าไม่ใช่คนที่จะถูกเอาเปรียบ”

“พระองค์รงเล่นตลกเก่งเสียจริง” เยียนอวิ๋นเกอเขียนอย่างรวดเร็ว

“ไม่ว่าจะเป็นควายหรือม้า เครื่องมือการเกษตรหรือช่างทำหม้อเหล็ก พระองค์ล้วนสามารถขอมาจากสำนักเซ่าฝู่โดยไม่ต้องเสียเงิน เพียงแค่สำนักเซ่าฝู่ยินดีที่จะสนับสนุน อย่าว่าแต่ควายสองพันตัว ถึงแม้พระองค์จะทรงขอสามพันตัวก็ไม่มีปัญหา”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “คุณหนูเยียนมีความมั่นใจเพียงนี้ หรือไม่เจ้าลองไปหาเส้นสายในสำนักเซ่าฝู่เอาเอง ดูว่าสำนักเซ่าฝู่จะยอมให้ควายแก่เจ้าแม้แต่ตัวเดียวหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอแค่กลอกตา ถ้านางมีเส้นสายในสำนักเซ่าฝู่ นางจะให้เสบียงหนึ่งพันหาบแก่เขาอีกหรือ

ช่างเป็นเรื่องตลก!

นางเขียนแสดงความคิดเห็น “เหตุใดพระองค์จึงทรงไม่ตรงไปตรงมามากกว่านี้! ข้าต้องการควายและม้า หากไม่มีม้าก็เปลี่ยนเป็นลาหรือล่อย่อมได้ นอกจากนี้ข้ายังต้องการเครื่องมือทำนา และหม้อเหล็ก ข้าต้องการทุกอย่าง พระองค์ทรงต้องการสิ่งใดตรัสมาเถิด”

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้ว “เจ้าเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นนี้ ข้าก็จะไม่พูดมาก เสบียงปีละสองพันหาบ ควาย ล่อ ลา เครื่องมือเกษตร หม้อเหล็ก และช่างฝีมือ ข้าจะคิดหามาให้เจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหัว ยังกล้าบอกว่านางเรียกร้องมาก องค์ชายสองเรียกร้องมากกว่านางเสียอีก

นางเขียน “มีเพียงหนึ่งพันหาบ”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “คงไม่มีเรื่องใดต้องเจรจาแล้ว คุณหนูสี่เชิญเถิด!”

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด ความทะเยอทะยานมากเสียจริง

นางจรดดินสอเขียน “เสบียงหนึ่งพันห้าร้อยหาบ แต่พระองค์ทรงต้องจัดหาเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งเสบียงที่จำเป็นนสำหรับการบุกเบิก”

นางเป็นคนเรียกร้องมาก แต่นางก็เป็นคนใจกว้างเช่นกัน

หากเสียดายลูกจะจับหมาป่าไม่ได้

ในเมื่อองค์ชายสองมีอำนาจ มีเส้นสายในสำนักเซ่าฝู่ได้เพียงนี้ เหตุใดนางจึงไม่ยืมมือของเขาเพื่อจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นทั้งหมด มันจะเป็นการประหยัดเงินไม่น้อย

อย่างมากก็ให้เสบียงเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อปี

เซียวเฉิงเหวินรู้สึกประทับใจเยียนอวิ๋นเกออย่างมาก

เมื่อก่อนเห็นนางมักจะคิดเล็กคิดน้อยจึงคิดว่านางเป็นคนตระหนี่

ครั้งนี้นางยื่นข้อเสนอเสีบยงหนึ่งพันห้าร้อยหาบ ถือว่าใจกว้างมาก

เพียงแต่คำขอของนางมากเกินไปหน่อย

เขาพูดกับนาง “ข้าสามารถช่วยเจ้าต่อราคาเมล็ดพันธุ์และเสบียงกับสำนักเซ่าฝู่ได้ เมล็ดพันธุ์และเสบียงที่ไม่ต้องเสียเงินข้าคงหาให้ไม่ได้ แม้ว่าข้าจะบุกเบิกพื้นที่รกร้างด้วยตัวเอง”

เยียนอวิ๋นเกอไม่พอใจ

นางต้องการเมล็ดพันธุ์และเสบียงแบบไม่เสียเงิน

สุดท้ายองค์ชายสองบอกนางว่าเป็นไปไม่ได้

เมล็ดพันธุ์และเสบียงล้วนเป็นการลงทุนในช่วงแรก ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย

เยียนอวิ๋นเกอลังเล

ตอนนี้นางยังเป็นคนที่ยากจน ไม่อาจใจกว้างมากได้

นางคิดคำนึง ก่อนเขียนบนกระดาษ “ขายเมล็ดให้ข้าในราคาร้อยละสามสิบของราคาตลาด”

มุมปากของเซียวเฉิงเหวินกระตุก เขาตะโกนออกมา “เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปลักทรัพย์เสียเลย”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “พระองค์ทรงบอกข้าว่าข้าสามารถหาเมล็ดพันธุ์และเสบียงได้ที่ใด ข้าจะรีบไปขโมยทันที”

การเป็นโจรไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง องครักษ์ภายในมือของนางยิ่งไม่มีปัญหา

เซียวเฉิงเหวินนวดคลึงระหว่างคิ้วด้วยความกังวล

เยียนอวิ๋นเกอเป็นนักเลงชัดๆ

เด็กหญิงตัวเล็กๆ เรียนรู้ที่จะเป็นโจรแทนที่จะเป็นอย่างอื่น

บ้าคลั่งไปแล้ว!

ท่านหญิงจู้หยางไม่สนใจบ้างหรือ

เซียวเฉิงเหวินเหนื่อยใจ “ไม่มีที่ใดให้เจ้าขโมย เมล็ดพันธุ์ของสำนักเซ่าฝู่ ข้าจะให้เจ้าร้อยละสี่สิบของราคาตลาด มันเป็นราคาต่ำสุดที่ข้าจะให้เจ้าได้ เจ้าอย่าโลภมาก ส่วนเสบียง ข้ารู้ว่าสำนักเซ่าฝู่มีเสบียงของปีก่อนที่ยังไม่จัดการ หากเจ้าไม่รังเกียจ ข้าจะขายให้เจ้าร้อยละสามสิบของราคาตลาด เพียงพอต่อการบุกเบิกเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว หลังจากนั้นทางเจ้าคงมีความคืบหน้าบ้างแล้ว อีกทั้งยังพอดีกับช่วงเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ล่วง เสบียงราคาตก เชื่อว่าจากความสามารถของคุณหนูเยียน ย่อมสามารถจัดการปัญหาเสบียงได้ด้วยตนเอง”

เยียนอวิ๋นเกอเขียนอย่างตรงไปตรงมาว่า “เสบียงเก่ามีเท่าใดข้าเอาเท่านั้น ราคาต่ำลงอีกร้อยละสิบ”

เซียวเฉิงเหวินคิ้วขมวด “อย่าได้คืบจะเอาศอก แม้จะเป็นเสบียงเก่า แต่เจ้าก็ไม่อาจกดราคาได้เพียงนี้”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มพลันเขียน “เสบียงเก่าเพียงเล็กน้อย ข้าเชื่อว่าพระองค์ทรงจัดการได้ รอการบุกเบิกของข้ามีผลประกอบการ ข้าจะส่งเสบียงมาถวายพระองค์ในเวลาแรก”

เซียวเฉิงเหวินส่งเสียงเย็นชาในลำคอ “เห็นแก่เสบียง ข้าจะรับปากเจ้าไว้ก่อน แต่เจ้าอย่าหวังมากเกินไป สำนักเซ่าฝู่เป็นพระคลังส่วนพระองค์ของเสด็จพ่อ ถึงแม้ข้าจะมีเส้นสายอยู่ด้านใน แต่ก็ไม่อาจให้สำนักเซ่าฝู่ทำการค้าที่ขาดทุนได้”

“ข้าเชื่อว่าพระองค์จะทรงมีทางออก ข้ารอข่าวดีจากพระองค์”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม แกว่งดินสอถ่านไปมาอย่างมีความสุข

อำนาจขององค์ชายสองเกินความคาดหมายของนางเสียจริง

นางใช้เสบียงหนึ่งพันห้าร้อยหาบต่อปีในอนาคตแลกทรัพยากรมาได้มากมาย คุ้มค่า คุ้มค่าอย่างมาก!

นางเพียงแค่สัญญาด้วยวาจา ไม่ต้องเสียเงินเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่แท้จริง

สมใจนางยิ่งนัก!

เซียวเฉิงเหวินไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเยียนอวิ๋นเกอเสียจริง

โดยพื้นฐานแล้วนางเป็นเหมือนปี่เซียะที่โลภมาก

ในเมื่อเจรจาเรื่องสำคัญเสร็จสิ้น เขาก็ยกถ้วยชาขึ้นเพื่อส่งแขก

เยียนอวิ๋นเกอมีไหวพริบมาก นางหยิบปากกาขึ้นมาเขียน

“พระองค์ทรงดูแลพระวรกายให้ดี เมื่อพระองค์อภิเษกสมรสกับพี่รองข้า ข้าจะมาเยี่ยมใหม่”

เซียวเฉิงเหวินหงุดหงิด “ถ้าไม่มีเรื่องใดอย่าได้วิ่งมาที่จวนของข้า ข้าชอบอยู่อย่างสงบ”

ความหมายคือเขาไม่ต้อนรับเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มพลันเขียน “อย่าทรงกังวลเลยเพคะ ข้ายุ่งมาก แม้ท่านจะเชิญข้ามา ข้าก็อาจไม่ว่าง”

เขียนเสร็จนางก็ออกไป

[1]เซ่าฝู่ หมายถึง สนาบดีกรมวังและพระคลังมหาสมบัติ