บทที่ 9 งานเลี้ยงนัดบอด

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 9 งานเลี้ยงนัดบอด

เมื่อมู่เซิ่งมาถึงสถานที่นัด อาหารในห้องวีไอพีก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะจนครับหมดแล้ว

“ไง มู่เซิ่ง มาแล้วเหรอ?”

“พี่จ้าว นี่คือคนไร้ประโยชน์ที่พี่พูดถึงเมื่อกี้เหรอ?”

จ้าวหลินได้เชิญเพื่อนบ้านทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงมา เธอเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมู่เซิ่งมานานแล้ว ทันทีที่เห็นเขาเข้ามา เธอก็หัวเราะอย่างมีความสุข

มู่เซิ่งพยักหน้าและกล่าวสวัสดี พลางเดินไปหาเจียงหว่านอย่างเงียบ ๆ และนั่งลง

“อย่าสนใจเขาเลย กินข้าวกันดีกว่า”

จ้าวหลินพ่นลมอย่างเย็นชา เธอมองมู่เซิ่งด้วยสายตาไม่พอใจและอยากจะไล่เขาออกไปให้พ้นสายตาเดี๋ยวนี้เลย

“จริงสิ พี่จ้าว วันนี้อุตส่าห์เชิญพวกเรามาที่นี่ มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”

“ได้ยินพี่จ้าวบอกว่าจะมีคนพิเศษมาเหรอ?”

หญิงอ้วนพูดขึ้น เธอนั่งลงข้างจ้าวหลินและถามด้วยความสงสัย

“ไม่ต้องห่วง อีกนานก็คงมาถึงแล้ว” จ้าวหลินมีรอยยิ้มบนใบหน้า

“พี่กำลังทำให้ฉันกลัวนะ”

“นั่นน่ะสิ”

ในขณะที่ทุกคนอยากรู้ว่าใคร จู่ๆ ก็มีคนเคาะประตู จ้าวหลินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีและก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูอย่างใจร้อน

ด้านนอกประตู มีชายคนหนึ่งในชุดสูทสีขาวถือดอกไม้ ร่างสูงโปร่งและใบหน้าหล่อเหลา

“สวัสดีครับ คุณป้า”

ชายในชุดสูทสีขาวโค้งคำนับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“จางเหวินเจี๋ย ในที่สุดเธอก็มาสักที” จ้าวหลินรีบทักทาย “ทุกคนเป็นเพื่อนบ้านของเธอไง จำได้ไหม?”

“จางเหวินเจี๋ยเหรอเนี่ย?”

“โอ้ ไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปี เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

เหล่าเพื่อนบ้านตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเป้าหมายของงานเลี้ยงครั้งนี้คือจางเหวินเจี๋ย ลูกชายของเพื่อนบ้านเก่าแก่นี่เอง แต่ครอบครัวของพวกเขาย้ายไปต่างประเทศเมื่อ 5 ปีก่อนและไม่ได้กลับมาจนถึงตอนนี้

ไม่แปลกเลยที่จ้าวหลินเชิญทุกคนมาที่นี่

“มานั่งนี่สิ” จ้าวหลินพาจางเหวินเจี๋ยไปด้านข้างของเจียงหว่าน เธอจ้องไปที่มู่เซิ่งและขึ้นเสียงว่า “ไอ้คนไร้ประโยชน์ อย่ามาเกะกะขวางทาง”

“ผมยังกินไม่เสร็จเลยนะครับ”

มู่เซิ่งเงยหน้าขึ้นเหลือบมองจ้าวหลินพลางกล่าวอย่างใจเย็น

“นี่แกกล้าต่อปากต่อคำกับฉันเหรอ!” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกมู่เซิ่งปฏิเสธ

จ้าวหลินโกรธจัดจนเกือบจะเป็นบ้า

“คุณป้า ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งที่ไหนก็ได้” จางเหวินเจี๋ยอธิบาย แต่ดวงตาของเขายังคงมองมู่เซิ่งอย่างดูถูก

ว่ากันว่าเจียงหว่านแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริงสินะ

เมื่อจางเหวินเจี๋ยมองไปยังเจียงหว่าน

ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที! ด้วยรูปร่างที่อวบอิ่มราวกับลูกพีชที่สุกงอม เพียงแค่มองดูเขาก็อดไม่ได้ที่จะมีอาการปากแห้ง และเมื่อตัดสินจากประสบการณ์อันโชกโชนของเขา เจียงหว่านจะต้องเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์อย่างแน่นอน!

เขาต้องได้ผู้หญิงคนนี้มาครอบครอง!

จางเหวินเจี๋ยกลืนน้ำลายอย่างแรง นั่งลงพลางหยิบกล่องบางอย่างออกมาส่งให้จ้าวหลิน และอย่างสุภาพแล้วพูดว่า “คุณป้า นี่เป็นของขวัญที่ผมเตรียมให้หลังจากกลับมาจีนครับ”

จ้าวหลินเปิดกล่องอย่างมีความสุข และข้างในเป็นสร้อยคอซึ่งทับทิมมีประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟ

ทุกคนตะลึงและพากันชื่นชม “ว้าว สร้อยสวยจัง”

“แน่นอนครับ” จางเหวินเจี๋ยพยักหน้า มองเจียงหว่านด้วยสายตาที่พอใจ “นี่เป็นทับทิมที่ผมได้มาจากฝรั่งเศสทำขึ้นเป็นพิเศษโดยคุณโทนี่ช่างฝีมือชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง มีเพชรและทองประดับอยู่ข้างใต้เข้าคู่กัน มีความหมายว่าร่ำรวย อายุยืนยาวครับ”

“เธอนี่ช่างเอาใจใส่จริงๆ” จ้าวหลินยิ้ม “ของขวัญชิ้นนี้ต้องแพงมากๆ แน่”

“ไม่แพงมากหรอกครับ แค่ครึ่งล้าน ผมซื้อมันด้วยเงินค่าขนมปกติ” จางเหวินเจี๋ยพูดอย่างสบายๆ แต่มุมปากของเขาไม่สามารถซ่อนความภาคภูมิใจได้เลย

“พระเจ้า!”

“ห้าแสนกว่าดอลลาร์ ถ้าคิดเป็นสกุลเงินตงหัว อย่างน้อยเกือบเป็นเงินถึงสามล้าน!”

“จางเหวินเจี๋ย ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรที่อเมริกาน่ะ ถึงมีหารายได้มหาศาลขนาดนี้!” ทุกคนมองด้วยความอิจฉาริษยา พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ประตูถัดไปเมื่อ 5 ปีก่อนกลายเป็นคนชั้นสูงได้

“ฮ่าฮ่า ผมเพิ่งเปิดบริษัทสองสามแห่งทำค้าขายต่างประเทศน่ะครับ” จางเหวินเจี๋ยโบกมือ “ไม่มีค่าให้พูดถึงหรอกครับ”

“ไม่มีค่า? แล้วพวกเราเรียกว่าอะไรล่ะ?เธอถ่อมตัวเกินไปแล้ว”

“เหวินเจี๋ย เธอมีแฟนหรือยัง?”

จู่ๆ ก็มีคนในวงสนทาพูดขึ้น

“ตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศ ผมก็ไม่ได้มองใครเลย” จางเหวินเจี๋ยตอบ ดวงตาของเขาจ้องไปที่เจียงหว่านอย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า “ที่จริงแล้ว ผมแอบชอบใครบางคนมาตลอดน่ะครับ”

“เด็กหนุ่มน่ารักแบบนี้เหลือไม่มากแล้วสินะ!”

คำพูดของจางเหวินเจี๋ยทำให้ทุกคนในห้องอุทานอีกครั้ง

“ดีจัง แต่น่าเสียดายที่ลูกสาวของฉันแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์นานแล้ว ถ้าฉันมีลูกเขยเหมือนเธอ ฉันคงจะมีความสุขน่าดู” จ้าวหลินเหลือบมองเจียงว่านที่นั่งอยู่ข้างๆ ราวกับว่าเธอต้องการจะให้เขาชี้และพูดว่า “ใช่ไหม? ลูกสาวแม่”

เจียงหว่านรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “แม่พูดอะไรแบบนั้น มู่เซิ่งยังนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ”

“คนไร้ประโยชน์แบบนั้นจะอยู่หรือไม่อยู่มันต่างกันตรงไหน?” จ้าวหลินไม่สนใจ

จางเหวินเจี๋ยสังเกตเห็นความรังเกียจบนใบหน้าของจ้าวหลิน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ

เขาใช้ใครคนตรวจสอบความสัมพันธ์การแต่งงานและภูมิหลังของมู่เซิ่งแล้ว ก่อนจะตามจีบเจียงหว่าน ดังนั้นเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่ในคืนนี้ตามคำเชิญของจ้าวหลิน

แต่ตอนนี้จางเหวินเจี๋ยยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้นี้ เขามองไปยังมู่เซิ่งและพูดว่า “อ๋อ คุณคือสามีของเจียงหว่านสินะครับ? ไม่ทราบว่าคุณทำงานอะไรเหรอครับ?”

ใบหน้าของมู่เซิ่งเย็นชา หมัดของเขาถูกกำไว้ใต้โต๊ะ เขาไม่ได้โง่ ทำไมเขาถึงไม่รู้ถึงประสบการณ์ของแม่ยาย งานเลี้ยงของจ้าวหลิน? นี่เป็นการนัดบอดเพื่อแนะนำจางเหวินเจี๋ยชัดๆ!

เขาเกรงว่าจุดประสงค์ของการเชิญในครั้งนี้คือการจงใจทำให้เสียเกียรติในที่สาธารณะ เพื่อเปรียบเทียบเขากับจางเหวินเจี๋ย และเพิ่มความประทับใจของเจียงหว่าน

สำหรับคนประเภทนี้ มู่เซิ่งขี้เกียจเกินกว่าจะตอบ

“หึ เหวินเจี๋ย ช่างเขาเถอะ ก็แค่คนไร้ประโยชน์เกาะเมียกินไปวันๆ น่ะ!”

จ้าวหลินพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา

“คุณป้า อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผู้ชายต้องมีอาชีพเป็นของตัวเอง” จางเหวินเจี๋ยแสร้งทำเป็นกังวลและพูดกับมู่เซิ่งต่อไปว่า “มู่เซิ่ง ผมไม่รู้ว่าคุณเรียนจบระดับไหนมา ผมรู้จักซีอีโอคนเก่าของบริษัทมู่หราน ไม่แน่ว่าผมอาจจะแนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณได้”

“ฉันเหรอ?” มู่เซิ่งเริ่มใจร้อนและพูดว่า “ไม่มีใบปริญญาหรอก”

“ไม่มีใบปริญญา?”

“ฮ่าๆ ๆ ทำไมนายถึงไม่มีใบปริญญาล่ะ มู่เซิ่ง นายเรียนไม่จบมัธยมต้นหรือมัธยมปลายด้วยซ้ำใช่ไหม?”

“ไม่แปลกเลยที่เขาเอาแต่อยู่บ้านทุกวัน ที่แท้ก็ไม่มีใบปริญญานี่เอง คนแบบนี้น่ะมีแต่จะอดตายในสังคม”

ฝูงชนพากันหัวเราะออกมาโดยไม่ปกปิดคำดูถูกเหยียดหยาม ในสายตาของพวกเขา มู่เซิ่งเป็นขยะที่อยู่ก้นบึ้งของสังคม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

จางเหวินเจี๋ยโบกมือและพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ประสบความสำเร็จ “มีเถ้าแก่มากมายที่เริ่มต้นจากศูนย์ มู่เซิ่ง ตราบใดที่คุณพยายาม คุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน พรุ่งนี้คุณมาที่บริษัทมู่หรานสิ ผมจะหาตำแหน่งดีๆ ให้คุณเอง”

“เป็นยามก็ยังดี ดีกว่าอยู่บ้านรอกินข้าวไปจนตาย! ทำไมแกไม่รีบขอบคุณเขาล่ะ” จ้าวหลินเหลือบมองแล้วพูดว่า “ไม่อย่างนั้นหลังจากแกหย่าแล้วถูกไล่ออกจากตระกูลเจียง แกคงทำได้แค่เป็นขอทานข้างถนน!”

“คุณจะหย่าเหรอ?”

จางเหวินเจี๋ยแอบหัวเราะอย่างลับๆ ตอนนี้เขาได้แสดงตัวตนต่อหน้าแม่ของเจียงหว่านแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี พอสองสองหย่ากันเรื่องของเขาอาจจะเป็นไปได้?

“ไม่เป็นไร แค่ใช้แรงนิดหน่อย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณมารายงานตัวที่บริษัทมู่หราน แค่บอกชื่อผมไปก็ได้ มู่เซิ่ง ”

“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาหางานให้ฉัน?”

มู่เซิ่งเหลือบมองและตอบเบา ๆ

เมื่อคำพูดจบลง ทั้งห้องก็เงียบกริบทันที