บทที่ 26 ให้พี่สาวแนะนำให้คุณสักคน
ต่งกุ้ยเจินและหลิวหย่งเจ๋อ สองสามีภรรยาได้แต่ส่ายหน้าขณะมองดูลูกสาวทั้งสองคน ปกติทั้งคู่เปิดกว้างมาก ถ้าหากลูกสาวทั้งสองคนของพวกเขาพบกับคนที่จริงใจ พวกเขาก็ไม่สนใจว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะยากดีมีจนยังไง อีกทั้งบ้านของพวกเขามีบ่อเลี้ยงปลาขนาดสามสิบไร่ ดังนั้นพวกเขาเชื่อว่าสามารถเลี้ยงดูลูกสาวเองได้!
“ฮึ อุตส่าห์เอาปลาตัวเบ้อเร้อกลับมาฝาก พวกพี่ไม่เพียงไม่กิน แต่ยังมาคาดคั้นถามหนูอีก ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ แต่อย่าหาว่าหนูไม่บอกก่อนนะว่าปลาตัวนี้แพงมาก” พูดจบเสี่ยวชิงก็เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจราวกับแม่ไก่ที่กำลังพองขน
“น้องสาว บอกมาเถอะว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็นใครแล้วฉันจะไม่กวนเธออีก” เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฟิง เสี่ยวชิงก็ยิ่งเม้มปากแน่น
“เชื่อพี่ก็แปลกแล้ว ดูลูกชายคนรองของตระกูลหวังนั่นเป็นตัวอย่างสิ ยังถูกพี่ตีจนหน้าบวมเป็นแถบ ๆ หนูไม่ยอมให้พี่ทำกับเค้าแบบนั้นแน่นอน” เสี่ยวเฟิงเลิกคิ้วพลางพูด
“เธอจะไปเข้าใจอะไร นี่เรียกว่าพลังของหมัด ใช้หมัดก่อนแล้วค่อยพูด เรื่องทุกอย่างมันก็จะง่ายลง!” ยิ่งมองดูท่าทางพี่สาวของเธอ เสี่ยวชิงยิ่งไม่กล้าบอกชื่อของฉู่เหิน ภาพของฉู่เหินที่วิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นพี่สาวเธอในวันนั้นยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเธอ ดังนั้นเธอจะไม่ยอมพูดอะไรที่เป็นการทรยศต่อฉู่เหินเด็ดขาด
“พี่ดุขนาดนั้น หนูไม่บอกหรอก!” เสี่ยวชิงนั่งลงบนขอบประตูและพึมพำด้วยเสียงเบา ๆ
“ดูจากสายตาของเธอแล้ว จะต้องไม่เจอผู้ชายดี ๆ แน่ เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจะแนะนำผู้ชายให้เธอคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าฐานะของเขาจะไม่ค่อยดีแถมยังเป็นเด็กกำพร้า แต่นิสัยของเขาดีมาก! ว่ายังไง? สนใจรึเปล่า? “เสี่ยวเฟิงกะพริบตาพลางจ้องน้องสาวเขม็ง
หลังจากนั้น เธอก็เห็นดวงตาของน้องสาวมีแววหวั่นไหว แม้ว่าสีหน้าของเสี่ยวชิงจะไม่เปลี่ยนแต่เธอก็รู้ได้ทันที เสี่ยวเฟิงมองท่าทางของน้องสาวแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ จากนั้นก็เลิกขวางกั้นเธอ
“อ่ะ เธอไปได้แล้ว เด็กคนนั้นเป็นคนดี เธอต้องจับไว้ให้มั่นเชียว!” เสี่ยวชิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดของพี่สาว เธอไม่แน่ใจว่าพี่สาวของเธอเดาออกจริง ๆ หรือแค่แกล้งลักไก่ แต่เธอก็รีบพูดลาแล้ววิ่งออกไปพร้อมกับกุญแจรถอย่างรวดเร็ว
“พ่อแม่ หนูรู้แล้วว่าใครเป็นแฟนของเสี่ยวชิง” เสี่ยวเฟิงตาเป็นประกายขณะหันมาพูดกับพ่อแม่ ทั้งสองคนพยักหน้าและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา!
ขณะที่หลิวเสี่ยวชิงกำลังคิดถึงฉู่เหินอยู่นั้น ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หลิวเสี่ยวชิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของเธอและเมื่อเธอมองเห็นชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“พี่เหิน โทรหาฉันมีอะไรรึเปล่าคะ?” หลิวเสี่ยวชิงนั่งอยู่บนรถขณะคุยโทรศัพท์
“โอ๊ะ ไม่มีอะไรหรอก แค่วันนี้ฉันทำอาหารอร่อย ๆ เอาไว้ เธออยากลองมาชิมดูไหม?” ทันทีที่ฉู่เหินได้ยินอีกฝ่ายรับโทรศัพท์ เขาก็รู้ทันทีว่าเธอไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแน่ ๆ จากนั้นเขาก็รีบหาข้ออ้างที่โทรหาเธอทันที
“พี่ทำอาหารอร่อย ๆ ไว้ให้ฉันเหรอ? งั้นดีเลย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หลังจากวางสาย เธอก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที เมื่อขับรถออกนอกประตูบ้านแล้วเธอก็ชะโงกหน้าออกมาแล้วหันกลับไปแลบลิ้นให้พี่สาว การกระทำนี้ทำให้หลิวเสี่ยวเฟิงได้แต่หมั่นไส้อยู่ในใจ
“ฉู่เหิน ฉันกำลังอยู่กับเพื่อนเก่าคนหนึ่งและภรรยาของฉัน พวกเราสามคนจะไปถึงบ้านของเธอตอนเที่ยง พวกเราทั้งสองคนต่างเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองขั้นร้ายแรงมาก! ฉันบอกเธอไว้ก่อน ถึงเวลาเธอจะได้ไม่ต้องแปลกใจนะ” หลังจากฉู่เหินวางสายจากเสี่ยวชิง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากศาสตราจารย์หวง หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายฉู่เหินก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข
“พี่หวง คุณวางใจได้เลยครับ วันนี้ผมจะทำให้คุณประหลาดใจอย่างแน่นอน!” หลังจากวางสายฉู่เหินก็รีบขับรถสามล้อของเขาไปที่บ่อปลา ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จับปลาเกล็ดขาวที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรขึ้นมา แต่หลังจากวางปลาเกล็ดขาวตัวนั้นไว้ข้างบ่อแล้ว ฉู่เหินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาจำได้ว่าหลังจากใส่ปลาเกล็ดขาวลงในบ่อมื่อวานนี้ มันก็โตขึ้นทันทีภายในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตามสำหรับลูกปลา ที่เกิดใหม่นั้น แม้จะผ่านมาเกือบหนึ่งวันแล้ว แต่ฉู่เหินกลับพบว่าพวกมันไม่โตขึ้นเลย! นอกจากนี้เขายังพบว่าปลาเกล็ดขาวจำนวนมากมีอาการเหมือนกำลังป่วย
นี่เขาจะทำยังไงดี? พวกลูกปลาเหล่านี้ไม่ยอมกินอะไรเลย หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขากลัวว่าอีกไม่เกินหนึ่งเดือนปลาเหล่านี้ก็จะอดตาย ถึงแม้ว่าการหิวจะไม่ทำให้ตาย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว! เดิมทีเขาคิดจะใช้ฟังก์ชันการประเมินสมบัติเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่เมื่อเขาคิดถึงคะแนนที่ต้องใช้ในแต่ละครั้งเขาก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
“วันนี้ปล่อยมันไปก่อนละกัน ไว้วันหลังค่อยลองศึกษาดูอีกที” ฉู่เหินคิดในใจ จากนั้นเขาก็ขี่รถสามล้อกลับไปที่บ้านของเขา
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเข้าไปในหมู่บ้าน เขาก็เห็นรถจักรยานยนต์สองคันขี่ประกบรถคันหนึ่งอยู่ตรงกลาง และหลิวเสี่ยวชิงคือคนขับรถคันนั้น
“สาวน้อย หน้าตาน่ารักไม่เลวนี่ ไปเที่ยวในเมืองกับพี่ไหมจ๊ะ พี่ชายจะให้ค่าขนมหนู หนึ่งแสนหยวน หนูรู้ไหมว่า หนึ่งแสนหยวนเนี่ย ถ้าอยู่บ้านนอกอย่างนี้ต้องทำงานเป็นปีเลยนะจ๊ะ” ชายที่สวมหมวกกันน็อกและแจ็คเก็ตสีดำกำลังพูดกับเสี่ยวชิงอย่างต่อเนื่อง
“ฉันไม่สนว่านายเป็นใคร หลีกทางให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนในหมู่บ้านออกมาช่วย ถึงตอนนั้นนายหนีไม่รอดแน่!” หลิวเสี่ยวชิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เธอรู้ว่าในเวลานี้เธอต้องใจเย็น ๆ ไม่อย่างนั้นคนที่เสียเปรียบย่อมต้องเป็นเธออย่างแน่นอน
ตอนนี้เธอรู้สึกสงสารตัวเองอยู่บ้าง ตอนเช้าออกจากบ้านก็โดนพี่สาวกักตัวไว้ซัดทอดกว่าสองชั่วโมง ตอนนี้เพิ่งมาถึงหมู่บ้านชาวประมงไหก่างก็ดันมาเจอพวกอันธพาลเข้าอีก เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจจริง ๆ ว่าพวกอันธพาลเหล่านี้ปกติล้วนอยู่แต่ในเมือง วันนี้ทำไมพวกมันถึงมาหมู่บ้านชนบทแบบนี้ได้!
“น้องสาว เหล้าคารวะไม่ดื่มอยากดื่มเหล้าจับกรอกรึไง คิดว่าคนในชนบทอย่างนี้จะทำอะไรพวกเราได้? อย่างมากพวกเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกถนนใหญ่ แค่นี้พวกมันก็ตามมาไม่ได้แล้ว” ผู้ชายในแจ็คเก็ตสีดำพูดอีกครั้ง
“ฉันว่าพวกแกหลีกไปให้พ้นดีกว่า อย่ามายุ่งกับเธออีก ไม่อย่างนั้นฉันจะหักขาหมา ๆ ของพวกแกแน่!” หลังจากจอดรถสามล้อไว้ด้านข้างแล้ว ฉู่เหินก็มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปพลางคิดว่าควรจะให้บทเรียนกับใครบางคน
“ไอ๊หย่า ไอ้หนูคนนี้มาจากไหนกัน ท่านปู่คนนี้กำลังคุยธุระอยู่ ไสหัวไปไกล ๆ ซะไป๊!” เมื่อเห็นฉู่เหินเข้ามาขวาง ชายในแจ็คเก็ตสีดำก็ตรงเข้ามาหาเขาทันที
“แม่งเอ๊ย! เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ดี ๆ หรือไงเนี่ย ถึงได้มาเจอกับเจ้าลูกเต่าพวกนี้ ตอนนี้ฉันให้โอกาสพวกแกเป็นครั้งสุดท้าย คุกเข่าและขอโทษผู้หญิงคนนี้ซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไร้ความปรานี!” นาทีนี้ ฉู่เหินใกล้จะสิ้นสุดความอดทนแล้ว เจ้าพวกบัดซบเหล่านี้กล้าที่จะล่วงเกินผู้หญิงของเขา นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ!!
“เห้ย จัดการหักขามัน” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา ดูจากภายนอกแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาเด็กที่สุดในบรรดาคนทั้งสี่ หลังจากที่พูดจบคนเหล่านั้นก็พากันหยิบท่อเหล็กออกมาเป็นอาวุธ
Next