ตอนที่ 45 เห็นได้ชัดว่าสวยขึ้น
หลังจากร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันกับคนตระกูลตี้ มู่เถาเยาก็ขอตี้อู๋เปียนว่าอยากเข้าไปเยี่ยมชมห้องสมุดของเขาอีกครั้ง
ครั้งที่แล้วเธอได้พบกับ ‘ตำรายา’ ของลู่จือฉินอาจารย์ของเธอ ไม่รู้ครั้งนี้จะได้พบกับอะไร
รู้สึกตั้งตารอเล็กน้อย…
ย่าตี้พูดด้วยรอยยิ้มเบิกบานว่า “เสี่ยวเถาเยา งีบก่อนสักหน่อยค่อยไปอ่านหนังสือดีไหม”
มู่เถาเยาส่ายหัว “หนูไม่นิยมงีบหลับตอนบ่ายค่ะ”
“คนหนุ่มสาวนี่ช่างเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ”
ตี้อู๋เปียนรู้สึกว่าคำพูดของย่าเขาพูดกระทบตัวเองเล็กน้อย
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกเล่นงานซ้ำอีก เขาจึงรีบพูดว่า “ให้ฉันพาเธอไปนะ”
“คุณไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันขอให้พ่อบ้านจงพาฉันไปที่นั่นแทน”
ตี้อู๋เปียน “…” เขาอ่อนแอมากขนาดที่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เลยเหรอ
หลังจากที่มู่เถาเยากล่าวขอตัวกับปู่ตี้ ย่าตี้กับถุงนมน้อย เธอก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปพร้อมกับพ่อบ้านจง
ตี้อู๋เปียนมองตามแผ่นหลังทั้งสองคนที่จากไป
ย่าตี้หัวเราะขบขัน และชวนปู่ตี้กับเจ้าตัวเล็กให้ขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนด้วยกัน
ไป๋เฮ่าอวี๋เห็นว่าทุกคนในห้องนั่งเล่นออกไปหมดแล้ว จึงเอ่ยเตือนชายหนุ่มรูปงามที่ยังคงจ้องไปที่ประตูว่า “นายน้อย หมอเทวดาน้อยมูู่กำชับแล้วนะครับว่าให้คุณไปพักผ่อน”
ตี้อู๋เปียนกลอกตาใส่เขา จากนั้นก็หมุนตัวอย่างเย่อหยิ่งและเดินขึ้นไปที่ห้องของเขาซึ่งอยู่ชั้นบน
“เสี่ยวฉยง แกคิดว่าฉันควรพาแกไปโยนทิ้งไว้ที่ป่าดึกดำบรรพ์เพื่อถามข่าวหรือไม่”
ดอกฉยงฮวาเขย่าร่างกายของมันอย่างหวาดกลัว “เจ้านาย อย่าโยนข้าทิ้งเลยนะ!”
“ดอกไม้และพืชที่ปลูกในเมืองไม่รู้จักพืชโบราณ…พวกมันมีสายพันธุ์ที่แตกต่างกันสิ้นเชิง โดยพื้นฐานพืชโบราณในป่าดึกดำบรรพ์น่าจะรู้จักพืชประเภทเดียวกันดีกว่า”
“ใช่ๆ” ดอกฉยงฮวาขยับกิ่งไม้ของมันแทนการพยักหน้า
ต้นไม้ที่มีอายุหลายร้อยปีจนเกือบพันปีในเมืองยังไม่รู้จัก!
มันต้องเป็นพืชวิเศษโบราณแน่ๆ !
“ก็เหมือนกับ…ที่คนธรรมดาทั่วไปไม่รู้ถึงการมีอยู่ของตระกูลลึกลับ แม้จะอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน แต่ก็เหมือนเป็นโลกสองใบที่แยกออกจากกัน”
“เจ้านาย ท่านพูดถูกต้องมากๆ !”
“เสี่ยวฉยง แกเป็นต้นอะไร มีประโยชน์อะไร ขนาดฉันค้นคว้าหาจากหนังสือทุกเล่มในโลกนี้ก็ยังหาไม่เจอว่าแกคือพืชชนิดไหนกันแน่”
“เจ้านาย ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! ข้าตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่บนพื้นสนามหญ้าของสวนสาธารณะ ข้ารู้เพียงแค่ว่าข้าชื่อดอกฉยงฮวา อย่างอื่นข้าก็ไม่รู้อะไรอีก พวกมันก็ไม่รู้จักข้าเช่นกัน”
“แกว่า เป็นไปได้ไหมที่แกจะเป็นหญ้าพิษชีวิตหรือไม่ก็ดอกไม้สองชีวิตสมุนไพรวิเศษ ประเภทใดประเภทหนึ่ง อย่างน้อยทั้งสองอย่างก็ยังมีคนรู้จัก อืม หรือว่าฉันจะลองกินแกดูดี”
ดอกฉยงฮวาหวาดกลัวมากจนเกือบจะถอนรากและวิ่งหนีไปแล้ว
“เจ้า…เจ้านาย ข้าอาจมีพิษร้ายแรงยิ่งกว่าหญ้าพิษชีวิตก็ได้นะ…อย่ากินข้าเลย…”
ตี้อู๋เปียนหัวเราะดังลั่น
“เจ้านาย ท่านโยนข้าเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์เถอะ รับประกันได้เลยว่าจะช่วยหาข้อมูลของหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตมาเพื่อช่วยชีวิตท่านได้อย่างแน่นอน”
ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของดอกฉยงฮวานั้นแข็งแกร่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ไม่รีบร้อน ฉันจะพาแกไปห้องสมุดแล้วให้ซาลาเปาน้อยๆ ดูก่อน ไม่แน่ว่ายัยตัวเล็กอาจรู้อะไรที่คาดไม่ถึง เสี่ยวฉยง บอกฉันมาสิว่าถ้าฉันมอบดอกไม้ให้เธอกระถางหนึ่งมันจะทำให้ฉันติดต่อกับเธอได้สะดวกยิ่งขึ้นหรือเปล่า”
“…เจ้านาย ซาลาเปาน้อยเธอ…”
ตี้อู๋เปียนดึงดอกฉยงฮวาอย่างแรงจนกระทั่งกิ่งก้านของมันแตะลงกับขอบของกระถางคริสตัล
“ซาลาเปาน้อยใช่ชื่อที่แกสามารถเรียกได้เหรอ! แกต้องเรียกเธอว่าพี่สาว พี่สาวเถาเยา!”
ดอกฉยงฮวา “…ข้าอายุยี่สิบปีแล้วนะ แก่กว่าเธอ! เธอสิยังต้องเรียกข้าว่าพี่สาว!”
“แกยังมีหน้ากล้าพูดถึงอายุยี่สิบปีของตัวเอง? ยี่สิบปีที่ผ่านมาแกเติบโตขึ้นมากแค่ไหนใจแกรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรืออย่างไร”
ดอกฉยงฮวาจู่ๆ ก็รู้สึกอยากหนีออกจากบ้าน!
บางครั้งเจ้านายก็น่าชิงชังจริงๆ !
ตี้อู๋เปียนดึงร่างของดอกฉยงฮวาไปอีกด้านหนึ่ง
“เจ้านาย ปล่อยข้านะ! เอวน้อยๆ ของข้ากำลังจะหักแล้ว!”
หลังจากปล่อยให้ดอกฉยงฮวาฟื้นตัวชั่วครู่ ตี้อู๋เปียนก็สะกิดใบไม้ใบหนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันจะนอนกลางวันแล้ว อย่าส่งเสียงดัง”
ดอกฉยงฮวารู้สึกต้องการหนีออกจากบ้านอีกครั้ง!
มองดูเจ้านายผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความโกรธ
ฮึ่ม รูปร่างอย่างกับไก่เผ็ด!
ตี้อู๋เปียนมองหุ่นของเขาที่ทั้งขาวทั้งผอมแห้งราวกับไม้ไผ่สูงในกระจกเต็มตัวแล้วก็รู้สึกละอายใจมาก!
เขารีบเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วนอนลงบนเตียงทันที ห่มผ้านวมให้แน่น
ดอกฉยงฮวามีความสุขมาก! มันไม่อยากหนีออกจากบ้านแล้ว!
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ตี้อู๋เปียนก็ตื่นขึ้นมา
จากนั้น…จากนั้น…ดอกฉยงฮวามองเจ้านายที่เพิ่งตื่นของมันแล้วอยากจะร้องไห้!
อ่า…เจ้านายที่เพิ่งตื่นนอน งดงามและดูไร้เดียงสาจริงๆ !
ดอกฉยงฮวามองคนที่อยู่บนเตียงด้วยความหลงใหล!
ตี้อู๋เปียนนั่งอยู่บนเตียงสักพักก่อนจะลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตัว
สัมผัสที่หน้าท้องและท่อนแขนขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำเอาเขาถอนหายใจแรงอีกครั้ง
“ฉันต้องการกล้ามเนื้อ ฉันต้องการซิกแพคและหน้าท้อง!”
“อุ๊บ…เจ้านาย ท่านรักษาสุขภาพให้แข็งแรงก่อนเถอะ!” ถ้าไม่มีร่างกายที่แข็งแรง คิดเกี่ยวกับเรื่องอื่นไปก็ไร้ประโยชน์!
ตี้อู๋เปียนเม้มริมฝีปากของเขา
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็ลงไปชั้นล่างพร้อมกับกระถางดอกฉยงฮวาในอ้อมแขน
พ่อบ้านจงกำลังเสิร์ฟชา น้ำผลไม้ และของว่างให้กับผู้อาวุโสและคุณชายอายุน้อยที่สุดของคฤหาสน์ เมื่อเขาเห็นตี้อู๋เปียนเดินถือกระถางดอกฉยงฮวาลงมาที่ชั้นล่าง เขาก็ถามว่า “นายน้อย จะออกไปเดินเล่นข้างนอกเหรอครับ แต่แดดข้างนอกตอนนี้ค่อนข้างแรง…”
“ไปที่ห้องสมุด ยกน้ำชากับขนมใหม่ๆ มาเปลี่ยนด้วย”
“เพิ่งเปลี่ยนไปครับ”
“ดี”
ถุงนมน้อยวิ่งเข้ามาดึงมือของตี้อู๋เปียน “อาเล็ก จะพาเสี่ยวไป๋ไป๋ไปไหน”
ดอกฉยงฮวาคำรามลั่น ชื่อของข้าคือดอกฉยงฮวา อย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวไป๋ไป๋!!!
“ไปอ่านหนังสือ”
ถุงนมน้อยปล่อยมือของตี้อู๋เปียนทันที และรีบวิ่งกลับไปนั่งแทรกกลางระหว่างปู่ทวดและย่าทวดของเขา
เขาไม่อยากไปเรียนหนังสือกับอาเล็ก!
ตี้อู๋เปียน “…ตี้อันเหยี่ย ฉันจะบอกอะไรให้นะ ทัศนคติในการเรียนของเธอไม่ดีเลย ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป…” เหตุผลใหญ่มากมายนับไม่ถ้วนถูกขุดขึ้นมาบ่นเจ้าตัวเล็ก
ดวงตากลมโตทั้งสองข้างของถุงนมน้อยหมุนขดเป็นก้นหอย
ย่าตี้ยิ้มและลูบหัวน้อยๆ ของเขา “อันเหยี่ย ไปหยิบกระเป๋านักเรียนใบน้อยมาเร็ว วันนี้ย่าจะอ่านหนังสือนิทานเป็นเพื่อน”
ปู่ตี้โบกมือให้หลานชายคนเล็ก “หลานพูดไปเขาก็ฟังไม่เข้าใจหรอก”
“ก็เพราะไม่เข้าใจนั่นแหละถึงต้องฟัง ถ้าเข้าใจแล้วจะพูดให้ฟังทำไม”
เช่นเดียวกับเวลาที่เขาอ่านหนังสือ เมื่อเขาอ่านและจำได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอ่านซ้ำอีก!
ปู่ตี้พูดไม่ออก
ย่าตี้ส่ายหัวอย่างขบขันและพูดว่า “อู๋เปียน หลานไปดูเสี่ยวเถาเยาเถอะ”
ประเด็นคือเธอไม่ต้องการฟัง ‘หลักการอันยิ่งใหญ่’ เหล่านั้นจากปากหลานชายคนเล็กของเธอ!
ฟังแล้วมีแต่จะความดันจะพุ่งปรี๊ด!
ตี้อู๋เปียนกอดกระถางดอกฉยงฮวาและเดินนำไป๋เฮ่าอวี๋ออกไป
เดินเพียงไม่นานก็มาถึงอาคารที่ตั้งของห้องสมุด ตี้อู๋เปียนพบร่างเล็กกำลังยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือ
“ซาลาเปาน้อย ทำไมเธอถึงไม่ไปนั่งอ่านดีๆ ล่ะ”
มู่เถาเยาปิดหนังสือในมือของเธอแล้วพูดว่า “ฉันอ่านหนังสือเร็ว นั่งอ่านเสียเวลาเกินไป ยืนอ่านแบบนี้จะประหยัดเวลาในการเดินไปกลับมากกว่า”
ไป๋เฮ่าอวี๋ถูกคำพูดนี้กระแทกใจอีกครั้ง!
ขนาดเวลาเดินไปกลับยังต้องประหยัด นี่ต้องอ่านได้เร็วแค่ไหน!
“อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนยกเก้าอี้มาวางตรงนี้”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ”
แค่อาทิตย์ละครั้ง ไม่ต้องพูดถึงว่าทุกครั้งเธอก็ไม่ได้อยู่นานเสมอไป
“ในมือของคุณนี่คือต้นไม้เหรอ” มู่เถาเยาชี้ไปที่ดอกฉยงฮวาในอ้อมแขนของตี้อู๋เปียนแล้วถาม
“ใช่”
มู่เถาเยาสัมผัสใบของดอกฉยงฮวาด้วยปลายนิ้วของเธอ
“มันคือต้นอะไร”
“ดอกฉยงฮวา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร”
“อืม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นมัน”
“ฉันเลี้ยงมันมายี่สิบปีแล้ว แต่ขนาดก็ได้เพียงเท่านี้”
“…มันยังมีชีวิตอยู่?” เวลายี่สิบปี ต้นไม้ทั่วไปคงจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านแล้ว!
ดอกฉยงฮวา ผู้อื่นยังมีชีวิตอยู่อย่างดี
“อืม ยังมีชีวิตอยู่”
“มันออกดอกแล้วเหรอคะ ดอกเป็นสีขาวด้วยไหม”
“ฉันยังไม่เคยเห็นมันออกดอกเลย เมื่อยี่สิบปีก่อนเป็นแบบนี้ ยี่สิบปีต่อมาก็ยังเป็นเหมือนเดิม”
ตี้อู๋เปียนอนุมานจากการสื่อสารระหว่างพวกเขาว่ามันอาจจะยังเป็นทารก
ดอกฉยงฮวา เหลวไหล! เห็นได้ชัดว่าข้าสวยขึ้น! จะเหมือนกับเมื่อก่อนได้ยังไง!
มู่เถาเยาวางหนังสือกลับไปที่ชั้นหนังสือตามเดิมและจดจ่อกับการศึกษาดอกฉยงฮวา
ดอกฉยงฮวา ซาลาเปาน้อยอย่ามองข้าแบบนั้นสิ! ข้ากลัว!
“ตี้อู๋เปียน คุณเลี้ยงมันด้วยคริสตัลเหรอ”
“ใช่”
มู่เถาเยามองไปที่ดอกฉยงฮวา มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเธอ แต่เธอไม่สามารถจับมันได้ทัน