วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ได้พุดคุยกับเอลล์ในสวน ฮาโรลด์ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นเสียอีก
หลังจากเตรียมตัวอย่างรวดเร็วภายในห้องของเขา ในขณะที่ทุกๆคนยังคงหลับกันอยู่เขาก็ออกจากศูนย์วิจัยไปอย่างเงียบๆ และในมือทั้ง 2 ของเขากำลังถือดาบ 2 เล่มที่เขาใช้สู้กับมังกรไฮดร้าในตอนนั้น
เมื่อเขาออกมาจากศูนย์วิจัยมาได้พอสมควร ฮาโรลด์ก็เริ่มต้นการฝึกซ้อมดาบของเขา เขาเริ่มเหวี่ยงมันทั้งซ้ายและขวา ราวกับกำลังต่อสู้กับศัตรูจินตนาการ และยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้เทคนิคการต่อสู้มือเปล่า เขาทั้งต่อย ทั้งเตะ สอดแทรกไประหว่างการฟันอีกด้วย
นี่คือการฝึกในรูปแบบที่เขาคิดขึ้นเองและทำเป็นประจำเกือบทุกวันตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา ทั้งพละกำลัง ความเร็ว ความแม่นยำ ตอนนี้แตกต่างจากตอนที่เริ่มฝึกใหม่ๆราวฟ้ากับเหว มันดูราวกับร่ายรำดาบที่ดุดันโหดร้ายแต่ก็แฝงไปด้วยความงดงามและพร้อมจะครอบงำทุกคนที่ผ่านมาเห็นภาพเหล่านี้
หากพูดสั้นๆมันคือการฝึกคอมโบแบบในเกมส์นั้นเอง สำหรับตัวของฮาโรลด์มันคล้ายๆงานอดิเรกซะมากกว่า เพราะเขาต้องฝึกท่าเหล่านี้ให้ชินมือเพื่อที่ตอนใช้จะได้ไม่ติดขัด
ดั่งสุภาษิตที่ว่า { ความพยายามเป็นหนทางสุ่ความสำเร็จ } แม้จะบอกว่าความสามารถทางร่างกายของฮาโรลด์มีค่าเริ่มต้นที่ค่อนข้างโกงอยู่แล้ว แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นผลมาจากความพยายามของเขาเอง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจจัดการมังกรไฮดร้า 2 ตัวนั้นได้ง่ายดายขนาดนี้
เขายังฝึกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีก 2 ชม.โดยไม่มีการหยุดพักแม้แต่น้อย ราวกับพละกำลังของเขาไม่มีขีดจำกัด แม้ว่าเขาจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่มีท่าทีที่จะหมดแรงง่ายๆเลย
หลังจากกลับมาอาบน้ำเย็นเพื่อชะล้างคราบเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งร่างกาย ฮาโรลด์ก็เดินไปที่ๆหนึ่งในศูนย์วิจัยที่ซึ่งพนักงานคนอื่นๆเริ่มต้นออกมาทำงานกันหมดแล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะเปิดสวิชต์อยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นความเกลียดชังที่พุ่งตรงมาหาเขาจึงไม่เป็นปัญหาใดๆ และในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย
จุดหมายของเขาคือที่ห้องอาหาร เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างให้ความรู้สึกเปิดโล่งและกว้างขวาง ผนังส่วนหนึ่งทำมาจากกระจกทำให้มีแสงแดดส่องเข้ามาและปรากฎเงาสะท้อนภายในห้องให้ความรู้สึกที่แจ่มใส่ ห้องรับประทานอาหารแห่งนี้สามารถเข้าใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน หรือแม้กระทั้งเช้าตรู่เพื่อตอบรับความต้องการของพนักงานที่ตื่นเช้าหรือทำงานทั้งคืนอีกด้วย
และฮาโรลด์ก็เป็นลูกค้าประจำที่นี่นับตั้งแต่เขาถวายตัวรับใช้ศูนย์วิจัยแห่งนี้ แน่นอนว่าพนักงานของห้องอาหารแห่งนี้ต่างก็เกลียดหน้าเขากันทุกคน แต่ก็เอาเถอะยังไงทุกๆคนในศูนย์วิจัยแห่งนี้ก็ไม่มีปฎิสัมพันธ์อะไรกับเขาทั้งนั้น ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญ
เมื่อฮาโรลด์สั่งเมนูที่เขาต้องการและได้รับอาหาร เขาก็นั่งลงที่ประจำของเขา มันเป็นโต๊ะสำหรับ 2 ที่นั่งริมหน้าต่าง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้ฮาโรลด์เป็นจุดเด่นอะไร เพราะช่วงเวลานี้มีคนมาใช้ห้องอาหารไม่เยอะมากนัก และที่นั่งรอบๆตัวเขาก็ว่างอยู่เสมอ นอกเสียจากบริเวณด้านหลังของเขา ที่มันจะได้ยินเสียงซุบซิบนินทา และการจ้องมองอย่างรุนแรงอยู่เป็นระยะๆ หากเป็นเขาในตอนปกติ คงสงบใจนั่งทานอาหารแบบนี้ไม่ไหวหรอก แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหานั้นเพราะเขาเปิดสวิตช์อยู่
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังกินอาหารของเขาและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็มีเสียงเอะอะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นในห้องอาหาร ที่นั้นมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีเอลล์กับลีฟารวมอยู่ด้วย ดูน่าจะซัก 10 คน หากไม่นับเอลล์?และลีฟา พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ชาย
หากเอาอายุของคนในศูนย์วิจัยเป็นมาตราฐาน ทั้งเอลล์และลีฟาถือว่าเด็กที่สุดในที่แห่งนี้ นั้นเพราะ ขนาดคนที่อายุน้อยที่สุดที่ทำงานในศูนย์วิจัยแห่งนี้ยังมีอายุ 20 กลางๆ ซึ่งยังแก่กว่าลีฟาเกือบ 10 ปี “ว่าแต่ เอลล์อายุเท่าไหร่หว่า?” ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดถึงเรื่องนั้น ลีฟาและเอลล์ก็นั่งลงที่โต๊ะยาวกลางโรงอาหารพร้อมๆกับกลุ่มคนที่ตอนนี้มีเกือบ 20 คนเข้าไปแล้ว
บางที นี่อาจจะเรียกว่าการรวมกลุ่มเพื่อ ”มาทำความรู้จักกัน” ล่ะมั้ง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงแรงจูงใจอะไรบางอย่างในกลุ่มของพวกผู้ชาย ก็นะ อัตราส่วนระหว่างชายหญิงในศูนย์วิจัยแห่งนี้มัน 9 ต่อ 1 เลย ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ และถึงแม้ว่าลีฟาจะดูเด็กมาก แต่หากนับมาตราฐานของโลกนี้ด้วยอายุของเธอก็มากพอที่จะมีความสัมพันธ์หรือแต่งงานได้แล้ว
จากมุมมองของฮาโรลด์ ดูยังไงลีฟาก็แค่เด็กม.ต้น บางมุมนี่เด็กประถมซะด้วยซ้ำ ดังนั้นการได้เห็นกลุ่มชายวัยฉกรรจ์กำลังล้อมรอบเธอมันเลยดูเหมือนอาชญกรรมยังไงยังงั้น
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าพวกผู้ชายเหล่านั้นจะมีปฎิกิริยาอย่างไรหากได้รูปความจริงว่าเอลล์เกิดเป็นผู้ชายขึ้นมา
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดไปเรื่อย สายตาของเขาก็บังเอิญสบกับเอลล์ และเอลล์เองก็ยิ้มออกมาเล็กๆพร้อมกับพยักหน้าให้กับเขา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอลล์ยังไม่สนิทกันขนาดแค่มองตาก็รู้ใจก็เถอะ แต่ฮาโรลด์ก็คิดว่าการกระทำของเอลล์นั้นหมายถึง {อย่ากังวล ฉันจะดูแลลีฟาให้เอง} นั้นเพราะ เมื่อวันก่อน ฮาโรลด์บอกกับเอลล์ไว้ประมาณว่า หากไม่จำเป็นจริงๆ ช่วยหลีกเลี่ยงให้ลีฟาอยู่ตามลำพังเด็ดขาด เพราะเขาไม่อยากให้ลีฟาติดต่อกับยูสตัสเพียงลำพัง
บางที การที่เอลล์คอยดูแลลีฟาอาจมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้ฮาโรลด์ต้องกังวลจนเกินไป เขาคิดว่าเอลล์นั้นเป็นคนที่ไว้วางใจได้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อใจเธอและพยักหน้าตอบกลับราวกับต้องกาารจะสื่อว่า {เข้าใจแล้ว ฝากด้วยนะ} ซึ่งดูเหมือนว่าเอลล์จะเข้าใจนะ และเข้าร่วมการสนทนากับคนอื่นๆในโต๊ะ
สำหรับเธอ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการรวยบรวมข้อมูล ดังนั้นฮาโรลด์จึงเลิกสนใจและหันไปตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารต่ออย่างเงียบๆ
ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที เขาก็ทานจนหมด ขณะที่เขากำลังลุกขึ้นเพื่อจะออกจากที่นี่ สภาพแวดล้อมภายในห้องอาการก็เกิดวุ่นวาย ซึ่งดูเหมือนต้นเหตุนี้ฮาโรลด์ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะถูกเกลียดมากที่สุดในศูนย์วิจัยแห่งนี้ แต่เขาก็ไม่รู้เพราะเหตุใดความวุ่ยวายนี้จึงเกิดขึ้น ขณะที่เขากำลังหันหลังกลับไปดูว่าเพราะเหตุใด ก็มีเสียงหนึ่งดังเรียกเขาขึ้นมาจากทางด้านหลัง
[ ฮาโรลด์ นายจะไปแล้วหรอ ? นายจะไปไหนน่ะ ? ] – เอลล์
คนที่เรียกเขานั้นคือเอลล์ และคนที่ยืนข้างๆเธอคือลีฟาที่ถูกลากแขนมาด้วย ใบหน้าของลีฟาแสดงความอึดอัดออกมาเล็กน้อย เมื่อเขามองกลับไปยังที่นั่งที่ทั้ง 2 ควรนั่งอยู่ ก็พบกลับกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรงขนาดที่ฮาโรลด์ยังเผลอสะดุ้ง
พวกนั้นคงคิดว่าไอ้เวรน่ารังเกียจนั้นมาพรากคุณหนูผู้งดงามทั้ง 2 ไปจากพวกเขา และความปฎิปักษ์ที่ปลดปล่อยออกมานั้นมันแตกต่างออกไปจากปกติ มันดูน่ากลัวจนฮาโรลด์ไม่กล้าที่จะสบตากับพวกนั้น
[ ชั้นจะไปที่ไหนก็ไม่ใช่ธุระอะไรของพวกเธอ ] – ฮาโรลด์
[ ต้องใช่สิ นายจำไม่ได้หรอที่นายสัญญากับฉันไว้เมื่อวานว่าจะหาเวลาว่างให้ฉันน่ะ ? ] – เอลล์
[ ชั้นบอกพวกเธอไปแล้วว่าตอนเที่ยง ] – ฮาโรลด์
และนี่พึ่งจะ 07.30 น. อยู่เลย
น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่าเวลานี้คือเที่ยงวัน รึว่าเอลล์เป็นคนในส่วนน้อยพวกนั้น ?
[ แต่ฉันได้ยินมาว่าปกติแล้วนายค่อนข้างที่จะว่างอยู่ตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นฉันเลยคิดว่าพวกเราทำมันเร็วขึ้นสักหน่อยจะเป็นไรไป ] – เอลล์
[ ไม่ใช่ว่าเธอควรถามชั้นก่อนหรอว่าชั้นว่างจริงๆอย่างที่เธอคิดรึปล่าว? ] – ฮาโรลด์
[ อะ- จริงด้วย งั้น นายมีธุระอะไรต้องไปจัดการรึปล่าว ? ] – เอลล์
[ ….. ] – ฮาโรลด์
ซึ่งเขาเองก็ไม่มีอะไรให้ทำจริงๆนั้นแหละ ที่จริง เขาโครตของโครตว่างขนาดถ้าเอลล์เอ่ยปากเขาสามารถพาพวกเธอออกทริปเดินทางท่องเที่ยวตอนนี้ยังได้เลย จะไปไกลถึงสุเมรากิเพื่อแวะแช่น้ำพุร้อนก็ยังได้ ก็นะ โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนญี่ปุ่น เรื่องในหัวก็มีแต่แช่น้ำนี่แหละ
[ หากนายไม่มีธุระอะไรงั้นพวกเราไปเดทกัน 3 คนกันเถอะ ชั้นคิดว่ามันคงจะดีกว่าหากพวกเราใช้เวลาอยู่ร่วมกันเยอะๆ ] – เอลล์
[ ดะ – เดท ?! ] – ลีฟา
ลีฟาเผลอร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยเหตุนี้ คำพูดของเธอจึงไปถึงหูของเหล่าชายฉกรรจ์ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้น จิตสังหารอันรุนแรงของเหล่าหนุ่มโสดก็พุ่งตรงมาที่ฮาโรลด์จนทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลัง บางที เจ้าพวกนี้อาจจะหาจังหวะเข้ามาโจมตีเขาและตะโกนกันออกมาว่า { ชั้นจะดับหัวใจที่เต้นนั้นซะ } แม้ว่าหากเกิดการต่อสู้ 1-1 ขึ้นจริงๆ เขาเองก็ไม่คิดว่าจะแพ้ใครได้หรอก แต่ถ้าพวกนั้นมีจำนวนมากแถมยังเดินในวิถีแห่งชูร่า เขาคงไม่รอดแน่ๆ (TL: น่าจะเกี่ยวกับเกมส์สตีทไฟท์เตอร์ Evil ryu , the way of the Shura )
( … เดี่ยว ไม่สิ! นี่ไม่ใช่เกมส์สตีทไฟท์เตอรซักหน่อย! ) – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์พยายามดึงสติกลับมาหลังจากความคิดของเขาเริ่มตีกันมั่ว นี่เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าคำพูดของเอลล์นั้นน่ากลัวแค่ไหนสำหรับฮาโรลด์
แม้แต่ลีฟา เธอก็แสดงท่าทีตกใจเช่นกัน แสดงว่าแผนการนี้คงเป็นความคิดของเอลล์เองเพียงคนเดียว แต่ว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะพูดหรือดึงดูดความสนใจอย่างไม่คำนึงถึงสถานที่เช่นนี้ บางทีเธออาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างหลังจากหย่อนระเบิดที่เรียกว่าการเดท 3 คนเข้ามากลางวง
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์เป็นเพียงคนเดียวในที่นี่ที่มองจุดประสงค์ของเอลล์ออก แต่สำหรับเหล่าหนุ่มโสดที่อยู่โดยรอบ เขากับมองเห็นเพียง ไอ้เวรคนหนึ่ง ที่ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันเกลียดมันเข้าไส้ ขยะในหมู่ขยะ และกำลังจะควงสาวสวย 2 คนเข้าไปในเมือง ฮาโรลด์คิดว่ามันมีโอกาสที่เจ้าพวกนี้บางคนคงถูกความขุ่นเคืองในใจเป็นแรงผลักดันให้อยากเล่นบทฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมเพื่อ “ช่วยเหลือเอลล์และลีฟาจากเงื้อมืออันชั่วร้ายของฮาโรลด์”
และเพราะไม่ต้องการที่จะเผชิญสถานการณ์เช่นนั้น ฮาโรลด์จึงต้องคิดแผนเพื่อหาวิธีล่าถอยออกไปให้ได้
[ งั้น ฮาโรลด์ พวกฉันจะรอนายที่หน้าประตูหลักนะ ส่วนเวลาที่พวกเรานัดกัน เอาเป็น–- ] – เอลล์
แต่ทว่าเอลล์กับประกาศออกมาอย่างโจ่งแจ้งและเริ่มเดินจากไปกับลีฟา เธอไล่ต้อนเขาทางคำพูดอย่างไร้ความปราณี ซึ่งผลจากการกระทำของเธอ ฮาโรลด์เชื่อว่าเธอจงใจให้สถานการณ์มันกลายเป็นเช่นนี้ นั้นเพราะเขารู้เวลานัดอยู่แล้ว แต่เธอกลับจงใจประกาศเวลานัดและสถานที่ออกมา
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับฮาโรลด์ยิ่งกว่าเดิม
◇
ถึงแม้เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนเช้าเล่นเอาฮาโรลด์แทบหมดแรง แต่ว่าเขาก็มาถึงทันก่อนเวลาที่นัดกับเอลล์เอาไว้ ขณะที่ฮาโรลด์กำลังยืนรอด้วยใบหน้าบูดบึ้ง 2แขนกอดอกหลังพิงเสาประตูทางเข้าของศูนย์วิจัย
[ ไง ขอโทษที่ต้องให้รอนะ ] – เอลล์
คนที่ทักเรียกเขาออกมาอย่างไม่ละอายใจคือ เอลล์ เมื่อเผชิญกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเอลล์ทำให้ฮาโรลด์หมดอารมณ์ที่จะบ่น แต่ก็อยากให้เอลล์อธิบายแรงจูงใจที่เธอจงใจสร้างสถานการณ์เมื่อตอนเช้า
เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงอาหารเมื่อเช้าดูเหมือนจะแพร่ไปทั่วศูนย์วิจัยแล้ว แน่นอนว่าฮาโรลด์ได้รับผลกระทบจากแรงแค้นที่พุ่งมาจากทุกทิศทาง ถึงเขาจะไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ แต่มันน่ารำคาญเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฮาโรลด์ยังคงกังวล คือลีฟา
[ อ-อรุณสวัสดิ์ ] – ลีฟา
เธอยังดูจิตตก ร่างกายยังคงสั่นเทาและไม่ยอมสบตากับเขาเลยแม้แต่นิด
จากองค์ประกอบเหล่านี้ ฮาโรลด์จึงมีคำตอบเดียวภายในใจ
( อย่าบอกนะว่า เธอยังรู้สึกแย่ที่ตกหลุมพลางของยูสทัส ) – ฮาโรลด์
ก็จริงที่เขาเคยบอกเธอก่อนแล้วว่าระวังอย่าถูกยูสทัสหลอกใช้ และเธอก็รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถทำตามคำสัญญาได้และกำลังกลัวว่าจะถูกฮาโรลด์ดุด่า ถึงแม้เอลล์จะเล่าให้เขาฟังมาก่อนแล้วเกี่ยวกับลีฟา แต่ฮาโรลด์ก็ไม่นึกว่าลีฟาจะจิตตกถึงขนาดนี้ ตัวของเธอหดเหลือเล็กจิ๋วราวกับเด็กเวลาถูกดุ
ขณะที่ฮาโรลด์ก้าวเดินออกมาตรงหน้า ลีฟาเธอก็สะดุ้งถอยหลังออกไปด้วยความตกใจ โดยไม่สนใจการกระทำนั้น ฮาโรลด์วางมือซ้ายบนหัวของลีฟา จากนั้นเขาก็จับแน่นและใช้ท่ากรงเล็บพิฆาตแบบเดียวกับครั้งก่อน
[ เจ็บๆๆๆ ] – ลีฟา
หลังจากดูลีฟาดิ้นรนอยู่ประมาณ 3 วิ ฮาโรลด์ก็ปล่อยมือของตน
ทันทีที่เธอเป็นอิสระ ลีฟาก็จ้องเขม่งไปยังฮาโรลด์พลางกุมหัว
[ ทำอะไรของนายกันย่ะ ?! ] – ลีฟา
[ ปลุกให้เธอตื่นไง ] – ฮาโรลด์
แล้วเขาก็เดินออกจากประตูศูนย์วิจัยไปโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม
ลีฟาเดินตามหลังเขามาพร้อมกับส่งเสียงประท้วงดังมาเรื่อยๆ ซึ่งฮาโรลด์ก็ทำหูทวนลมไม่สนใจและเดินต่อไป และเอลล์ที่เดินตามมาเช่นกันพร้อมกับพูดกับตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
[ หรือว่า … ที่เขาแกล้งลีฟาตะกี้เป็นการสื่อว่าเขาได้ลงโทษเธอที่เธอทำพลาดและถือว่าหายกันแล้ว ? ] – เอลล์
ฮาโรลด์แปลกใจเล็กน้อยที่เอลล์สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อได้อย่างแม่นยำ เหตุผลที่จู่ๆเขาก็ทำเช่นนั้นกับลีฟาเพราะว่าท่าทางของลีฟาเอง เห็นได้ชัดว่าเธอยังรู้สึกไม่ดี หากใช้แค่คำพูดคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ลีฟาหายกังวล และด้วยปากของเขาที่ไม่รู้ว่าคำปลอบโยนแบบไหนจะออกมากันแน่ มันอาจจะเลวร้ายลงกว่าเดิมก็ได้
จากมุมมองของคนอื่น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นความกังวลของฮาโรลด์ เอาจริงๆ แทบเป็นไปไม่ได้ที่การสื่อสารจากปากของเขาจะออกมาอย่างถูกต้อง
ลีฟายังดูอารมณ์บูดอยู่หน่อยๆจนกระทั้งถึงกลางเมือง แต่เมื่อพวกเขาทั้งหมดมาถึงถนนเส้นหลักที่ซึ่งเป็นสถานที่ภาคภูมิใจของเมืองหลวง ลีฟาถึงกับร้องว่า “ว้าว” พร้อมกับอารมณ์ที่ดีขึ้นทันตา เธอร้องออกมาด้วยความดีใจและเดินไปตามถนนอย่างสนุกสนานเข้ากับภาพลักษณ์เด็กบ้านนอกอย่างเธอได้อย่างลงตัว ราวกับลืมความรู้สึกไม่ดีก่อนหน้าจนหมดสิ้น
และขณะที่เอลล์กำลังมองภาพของลีฟาที่ฟื้นตัวจากอารมณ์ที่ขุ่นมัวแล้วอย่างมีความสุข ฮาโรลด์ก็พูดอะไรบางอย่างกับเธอ ราวกับต้องการให้เธอเท่านั้นที่ได้ยิน
[ เอาล่ะ บอกชั้นมาสักทีว่าเรื่องตลกพวกนี้มันอะไรกัน ] – ฮาโรลด์
[ ฉันคิดว่า ยังไงพวกเราก็ถูกสงสัยอยู่แล้ว งั้นก็ทำให้มันเด่นขึ้นไปเลยน่าจะดีกว่า ] – เอลล์
เห็นได้ชัดว่านี่คือเป้าหมายของเอลล์ แต่ฮาโรลด์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แน่นอนว่า การทำแบบนี้ทำให้ทั้งศูนย์วิจัยหันมาสนใจไม่เพียงแค่ฮาโรลด์ แต่ทั้งเอลล์และลีฟาก็ถูกจับตามองด้วย รึว่าด้วยแผนนี้จะทำให้ยูสทัสลงมือทำอะไรบางอย่างได้ยากขึ้นงั้นหรอ ? นั้นคือทั้งหมดที่ฮาโรลด์คิด และความรู้จักเกมส์ของเขาก็ใช้ประโยชน์อะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน
[ ที่สำคัญ ฮาโรลด์ นายเตรียมสิ่งของที่ฉันขอเมื่อวันก่อนมารึปล่าว ? ที่ใช้ยืนยันว่าฉันเป็นคนของนาย ] – เอลล์
จู่ๆเอลล์ก็เปลี่ยนเรื่องคุย และในขณะเดียวกัน ลีฟากำลังเที่ยวชมร้านค้าต่างๆที่ตั้งแผงขายกันตามท้องถนน “ยัยนี่ก็ดูเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปนะ” ความคิดของฮาโรลด์ช่างหยาบคาย
[ ถ้าเธอมีนี่ มันจะถือว่าเธอเป็นพวกของชั้น ] – ฮาโรลด์
ขณะที่กล่าวออกมา ฮาโรลด์ก็หยิบลูกกุญแจดอกหนึ่งที่ทำจากแร่เงินและมีตราสัญลักษณ์แกะสลักอยู่บนนั้น มันคือสัญลักษณ์ของกลุ่มฟรีรี่ มันเป็นผลงานชิ้นเอกที่ถูกสร้างขึ้นจากช่างฝีมือจากภายนอกของเมืองหลวง ฮาโรลด์พบกับเขาที่เมืองๆหนึ่งระหว่างทำภารกิจ
และเขายังมอบจดหมายที่ถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือของเขา โดยระบุเรื่องในจดหมายที่มีเพียงเขาที่รู้ และแจ้งในจดหมายว่าจะให้เอลล์เข้ามารับหน้าที่สั่งการกลุ่มทหารรับจ้าง
[ กุญแจนี่ไว้ไขประตูทางเข้าลับของกลุ่ม ? ] – เอลล์
[ ใช้แสดงให้ดูเฉยๆก็พอ ] – ฮาโรลด์
มันถูกสร้างขึ้นเผื่อใช้ยืนยันว่าเป็นคนของกลุ่มฟรีรี่หรือไม่เท่านั้น มันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นลูกกุญแจเพื่อไขอะไรแต่อย่างใด
แต่ว่าเพราะมันมีรูปร่างเหมือนกุญแจ หากคนภายนอกพบมัน พวกเขาคงมุ่งความสนใจไปยังประตูที่จะใช้ไขมัน นั้นคือเหตุผลที่ฮาโรลด์สร้างมันขึ้นมาแบบนี้เพื่อหวังให้คนพวกนั้นเข้าใจผิด แต่จริงๆ เขาก็มีแผนการณ์ที่จะใช้ประโยชน์หลังจากนี้เช่นกัน
ไงก็ตาม สิ่งที่ใช้ยืนยันความเป็นสมาชิคของกลุ่มฟรีรี่มีทั้งกำไลข้อมือและเหรียญทองแดงที่มีสัญลักษณ์ของกลุ่มฟรีรี่แกะสลักอยู่ มันเป็นงานที่ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่และต้องใช้ฝีมือและจำเป็นต้องมีทักษะบางอย่าง เพราะงั้นของพวกนี้จึงค่อนข้างแพง แต่โดยรวมแล้วฮาโรลด์ค่อนข้างพึงพอใจ เขาเชื่อว่าการลงทุนสำหรับซื้ออุปกรณ์ที่ดูดีเป็นก้าวแรกที่สำคัญขององค์กร
แม้ว่าตอนแรกสีหน้าของเอลล์จะดูแปลกๆไป หลังจากได้รับกุญแจที่ไม่สามารถไขอะไรได้มา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว
[ งืมๆ ช่างเถอะ แล้ว ที่ซ่อนของฐานฟรีรี่อยู่ที่ไหนล่ะ ? ] – เอลล์
ฮาโรลด์ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเอลล์โดยไม่พูดอะไรสักคำ แน่นอนว่าสถานที่ที่ตั้งของฐานฟรีรี่นั้นไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงที่ยูสทัสอาศัยอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองหลวงมากจนเกินไป นั้นเพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นในเมืองหลวง มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากหากไม่สามารถเคลื่อนย้ายกำลังพลได้รวดเร็วพอ แต่ก็ไม่สามารถไปตั้งฐานที่เมืองเล็กๆได้หรอกนะ นั้นเพราะหากมีกลุ่มทหารรับจ้างรวมพลอยู่ในเมืองเล็กๆมันจะดูน่าสงสัย
ดังนั้นฐานที่มั่นของกลุ่มฟรีรี่อยู่ ที่เมืองๆหนึ่ง ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก อิทธิพลของยูสทัสยังมาไม่ถึงเมืองนี้ เป็นเมืองที่กำลังพัฒนา ประชากรหนาแน่น
[ อย่าทำหายล่ะ ] – ฮาโรลด์
[ เข้าใจแล้ว งั้นพวกเราพักเรื่องงานไว้เท่านี้แล้วไปสนุกกับการเดทกันดีกว่า ] – เอลล์
[ ชั้นไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องไปเที่ยวรอบๆเมืองกับพวกเธอ … ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมามากกว่า 5 ปี ดังนั้นจึงแทบไม่มีสถานที่ใดๆในเมืองหลวงที่เขาไม่รู้จัก เขาอดไม่ได้ที่จะเผลอถอนหายใจออกมา เพราะเมื่อคิดว่าสถานการณ์ที่เอลล์สร้างความวุ่ยวายที่เรียกว่าการเดทขึ้นมานั้นมีจุดประสงค์เพียงเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเมื่อสักครู่แค่นั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกปวดหัว
แต่คำพูดของฮาโรลด์ ก็ไม่สามารถทำให้รอยยิ้มของเอลล์หายไปได้
[ อย่าพูดงั้นสิ ฉันรู้ว่าเมืองนี้สำหรับนายคงเคยเที่ยวเล่นจนเบื่อแล้วและฉันก็เคยมาเมืองนี้บ้างเหมือนกัน แต่ว่าสำหรับลีฟามัน– โอ๊ะ ! ] – เอลล์
ขณะที่กำลังเดินไปฝอยไป เอลล์พลาดชนกับชายคนหนึ่ง แม้ว่าเธอทำท่าจะล้มลง แต่ฮาโรลด์ก็คว้าไหล่ของเธอเอาไว้ได้ทัน
เอลล์เป็นคนที่รูปร่างเล็กและบอบบางมาก แม้ว่าจะไม่รู้อายุที่แน่นอนของเอลล์จากเนื้อเรื่องของเกมส์ แต่เมื่อพิจารณาขากรูปร่างของเธอ บางทีเธอคงอายุซัก 15 – 16 ล่ะมั้ง เป็นไปได้ด้วยหรอที่ผู้ชายอายุ 15-16 จะผอมบางได้ขนาดนี้ ?
ฮาโรลด์ไม่เคยสงสัยเรื่องเพศของเอลล์เลยจนถึงเมื่อสักครู่ แต่พอได้คิดดูดีๆ เอลล์เองก็เป็นตัวละครที่ลึกลับตัวละครหนึ่งในเกมส์
[ ขอบคุณนะ คาดไม่ถึงเลยว่านายจะมีด้านที่ใจดีกับเขาด้วย ] – เอลล์
[ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ยัยเอ๋อ ] – ฮาโรลด์
คงเพราะรู้สึกเขิลอายที่จู่ๆถูกเรียกว่า “ใจดี” เป็นครั้งแรก ฮาโรลด์จึงรีบปล่อยมือจากเธอ เมื่อเอลล์เห็นปฎิกิริยาเช่นนั้น เธอก็หัวเราะคิกๆออกมาเบาๆ
อาจเพราะพยายามซ่อนความเขิลอายนี้ ฮาโรลด์จึงทำเมินไม่สนใจเสียงหัวเราะของเอลล์และเดินตรงไปหาลีฟาที่ตอนนี้แว๊บร้านนู่นทีร้านนี้ทีตลอดทาง ราวกับพร้อมที่จะหลงทางหายไปได้ทุกเมื่อ
—————————
หนับหนุนแมวเลียได้ที่
kbank 0708329649 กิตติพิชญ์
————————–