บทที่ 45 หวังจื่อหมิง

บทที่ 45 หวังจื่อหมิง

“ผู้จัดการหวง ถึงตาคุณเลือกลูกค้าแล้ว” อู๋ฝานพูดกับผู้จัดการหวง

ผู้จัดการหวงพยักหน้าและมองไปยังลูกค้าในห้องโถง เขากำลังคิดอยู่ในใจว่าจะส่งความนึกคิดของตัวเองไปถึงบริกรอย่างไรดี ส่วนการเลือกใครเป็นผู้ตัดสินนั้นไม่สำคัญนัก

ในเวลานี้ บริกรเดินเข้ามาหาผู้จัดการหวง

“ผู้จัดการ นายน้อยหวังอยากกินปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวานครับ” บริกรพูดกับผู้จัดการหวง

“นายน้อยหวังคนไหน?” ผู้จัดการหวงยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับการแข่งขัน แต่เขาจำไม่ได้ว่านายน้อยหวังคนนี้คือใคร

“นายน้อยหวัง หวังจื่อหมิงครับ” บริกรตอบ

“เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผู้จัดการหวงตกใจ แม้แต่เกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิงยังหันมองไปทางบริกรเป็นตาเดียว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองคนน่าจะรู้จักนายน้อยหวังจื่อหมิงที่บริกรพูดถึงนี้เช่นกัน

“เพิ่งมาถึงครับ เขามีเพื่อนมาร่วมทานอาหารที่นี่ด้วย จึงยังไม่ได้ไปยังห้องส่วนตัว” บริกรกล่าว

“เชฟหลิว กลับไปที่ครัวและทำปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวาน” ผู้จัดการหวงละทิ้งความคิดเกี่ยวกับการแข่งขันชั่วขณะ ในสายตาเขา เมื่อเทียบกับการแข่งขันกับอู๋ฝาน การบริการนายน้อยหวังให้ดีมีความสำคัญกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่จำเป็นครับ” เชฟใหญ่หลิวส่ายหน้า “มีอาหารพร้อมเสิร์ฟเตรียมไว้อยู่แล้ว”

ในเวลานี้ทุกคนพลันตระหนักได้ว่า มีปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวานสองตัวที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่อยู่ด้านข้าง มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ

“จริงด้วย ผมสับสนไปหน่อย” ผู้จัดการหวงตีหัวตัวเองและพูดว่า “งั้นยกมันไปเสิร์ฟ”

“เดี๋ยวก่อน!” เมื่อเห็นว่าบริกรกำลังจะนำจานออกไป จู่ ๆ ผู้จัดการหวงก็เรียกเขาอีกครั้ง “นำอีกจานไปด้วย!”

ในตอนแรกผู้จัดการหวงกำลังกังวลอยู่เลยว่าจะบอกบริกรเรื่องที่ตนเองคิดอย่างไรดี แต่การมาถึงของนายน้อยหวังทำให้เขาเปลี่ยนใจ

หวังจื่อหมิงอาจกล่าวได้ว่าเป็นลูกค้าที่มาเยือนที่นี่บ่อยครั้งและยังเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์อีกด้วย ทุกครั้งที่มา เขามักสั่งปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวานที่ทำโดยเชฟใหญ่หลิว อีกฝ่ายเคยออกความคิดเห็นไว้ว่า เขาทานอาหารเมนูนี้มาหลายร้านแล้ว แต่มีเพียงจานเดียวที่เขาคิดว่าอร่อย นั่นก็คืออาหารจากฝีมือเชฟใหญ่หลิว และอาหารที่เชฟใหญ่หลิวทำนั้นถูกปากเขามากที่สุด

ดังนั้นแม้ทักษะการทำอาหารของอู๋ฝานจะดี แต่จะมีประโยชน์อะไรหากไม่ถูกปากหวังจื่อหมิง ถ้าให้หวังจื่อหมิงเป็นผู้ตัดสิน เขาจะต้องเลือกจานที่ทำโดยเชฟใหญ่หลิวแน่นอน

พวกเขาจะต้องชนะรอบนี้ หวังจื่อหมิงมาทันเวลาจริง ๆ!

“ผู้จัดการหวง มันจะไม่เป็นไรหรือคะ ปล่อยให้นายน้อยหวังเป็นผู้ตัดสินแบบนี้?” เกิ่งหย่าเฟยขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผู้จัดการหวงกล่าว “นายน้อยหวังชิมอาหารยอดเยี่ยมมามากมาย การเป็นผู้ตัดสินรายการอาหารจึงไม่ควรมีปัญหา ถ้าเขาให้ความยินยอมเป็นผู้ตัดสินชั่วคราวคงเป็นเรื่องดีมาก”

“ผมคิดว่าผู้จัดการหวงพูดถูก นายน้อยหวังเป็นผู้ตัดสินที่เหมาะสมที่สุดแล้ว!” หลี่ปิงพูดเสริม

ทั้งเกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิงต่างก็รู้จักหวังจื่อหมิง ทั้งคู่รู้ว่าหวังจื่อหมิงชอบเมนูปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวานที่ทำโดยเชฟของร้านคัลเลอร์แมน นี่ไม่ใช่ความลับในแวดวงของพวกเขา

ดังนั้นผู้จัดการหวงจึงขอให้หวังจื่อหมิงเป็นผู้ตัดสิน และเห็นได้ชัดว่ามันอาจทำให้อู๋ฝานเสียเปรียบ

“คุณมีข้อโต้แย้งไหม?” ผู้จัดการหวงมองไปทางอู๋ฝาน

“ไม่ครับ” อู๋ฝานตอบ “การเลือกผู้ตัดสินในการแข่งขันนี้ขึ้นอยู่กับคุณ ดังนั้นคุณจะเลือกใครมาก็ได้”

“งั้นก็ดี” ผู้จัดการหวงพูด

“ผมไม่ได้เจอนายน้อยหวังมาสักพักแล้ว ในเมื่อมีโอกาสคงต้องไปทักทายเขาเสียหน่อย” หลี่ปิงพูด

“ฉันไปด้วย” เกิ่งหย่าเฟยกล่าว “อาจารย์อู๋ ไปด้วยกันสิคะ”

“เขา? เขาเป็นใครมาจากไหน? คิดจะพบกับนายน้อยหวังก็พบได้ทันทีงั้นหรือ?” หลี่ปิงมองอู๋ฝานด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

“ฉันจะพาเขาไปที่นั่นเอง! และจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น!” เกิ่งหย่าเฟยพูดด้วยความโกรธ

แวดวงของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าออกได้ตามต้องการ หากไม่มีฐานะทางสังคมที่ดีก็แทบเป็นไปไม่ได้ แล้วอู๋ฝานในฐานะอาจารย์พลศึกษาธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมแวดวงเดียวกับคนเหล่านี้ ต่อให้เป็นการทักทายกันธรรมดา แต่จากมุมมองของหลี่ปิงแล้ว อู๋ฝานไม่มีคุณสมบัตินั้น

ในตอนแรกอู๋ฝานต้องการปฏิเสธ เขาไม่ค่อยสนใจกลุ่มทายาทรุ่นสองคนรวยแบบนี้ แต่เกิ่งหย่าเฟยพยายามอย่างเต็มที่ในการเชื้อเชิญเขา เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายได้

จากนั้นอู๋ฝาน เกิ่งหย่าเฟย หลี่ปิง เชฟใหญ่หลิว และผู้จัดการหวงไปยังห้องส่วนตัวที่นายน้อยหวังอยู่ ส่วนหลี่เทียนและคนอื่น ๆ แม้พวกเขาจะรู้สึกอิจฉาและอยากติดตามไป แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำแบบนั้น อีกอย่างหลี่ปิงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเชิญชวนพวกเขาเข้าสู่แวดวงนี้อยู่แล้วด้วย

“นายน้อยหวัง จะมาทานอาหารที่ร้าน ทำไมไม่แจ้งผมล่วงหน้าล่ะครับ ผมจะได้เตรียมครัวให้พร้อม” หลังจากเข้ามายังห้องส่วนตัว ผู้จัดการหวงก็ทักทายชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร

แต่ขณะที่กล่าวทักทายอีกฝ่าย เปลือกตาของเขากระตุกพร้อมกวาดสายตามองผ่านคนที่อยู่ด้านข้าง

ในเวลานี้นายน้อยหวังไม่ได้นั่งประจำที่นั่งหลัก กลับเป็นชายหนุ่มอีกคนนั่งแทน ผู้จัดการหวงไม่รู้จักเขา แต่ก็สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตนไม่ด้อยกว่านายน้อยหวังแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถนั่งอยู่ที่นั่งหลักได้

เกิ่งหย่าเฟยสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้เช่นกัน เธอนึกเสียใจอยู่บ้าง ไม่ควรพาอู๋ฝานมาที่นี่เลย

เดิมทีเกิ่งหย่าเฟยต้องการแนะนำอู๋ฝานให้รู้จักกับนายน้อยหวัง ซึ่งถือเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของอู๋ฝานด้วย

แต่เห็นได้ชัดว่านายน้อยหวังไม่ใช่เจ้าของห้องส่วนตัวในวันนี้ บางทีนายน้อยหวังอาจมีธุระสำคัญที่ต้องพูดคุย ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะนักที่จะพาคนแปลกหน้ามาพบเขาที่นี่

อย่างไรก็ตามหลี่ปิงดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตอะไรเลย เขาเข้าไปทักทายนายน้อยหวังด้วยความกระตือรือร้น

“นี่ยังเตรียมไม่พร้อมหรือ? ผมเพิ่งสั่งอาหารไป บริกรก็ยกอาหารมาให้ทันที แล้วยังยกมาถึงสองจานอีกด้วย ทำไมล่ะ กลัวว่าผมจะกินไม่อิ่มหรือ?” นายน้อยหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไร้ซึ่งความถือตัวเหมือนกับ หลี่ปิง

“มันเป็นเรื่องบังเอิญครับ” ผู้จัดการหวงกล่าว “เชฟใหญ่หลิวกำลังแข่งขันกับคนอื่นเพื่อทดสอบทักษะการทำอาหาร เป็นเรื่องบังเอิญที่ทำอาหารจานนี้ เมื่อได้ยินมานายน้อยหวังมาถึงและสั่งอาหารดังกล่าว เขาจึงให้นำมาเสิร์ฟ”

“โอ้? มีคนกล้าท้าแข่งทักษะการทำอาหารกับเชฟใหญ่หลิวด้วย? ในเจียงโจวยังมีเชฟที่ฝีมือดีกว่าเชฟใหญ่หลิวเหลืออยู่อีกหรือ?” นายน้อยหวังประหลาดใจ “ไม่แปลกใจเลยที่เชฟใหญ่หลิวจะมาที่นี่ด้วย ตัวเอง ส่วนผู้ท้าชิงเชฟใหญ่หลิว คือคนที่ยืนถัดจากหย่าเฟยใช่ไหม?”

“นายน้อยหวัง ชื่อของเขาคืออู๋ฝานค่ะ และเขาเป็นอาจารย์พลศึกษาที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว” เกิ่งหย่าเฟยกล่าวแนะนำ

“อาจารย์พละที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว งั้นก็เป็นเพื่อนร่วมงานคุณน่ะสิ?” นายน้อยหวังพูด “อาจารย์พละกลับไม่ตั้งใจไปสอนวิชาพลศึกษา ทำไมถึงคิดมาแข่งขันทักษะการทำอาหารอยู่ที่นี่ล่ะ?”

ในคำพูดเหล่านั้นบอกชัดถึงความคิดของเขาว่าอู๋ฝานอาจพยายามทำสิ่งที่เกินตัวไปหน่อย อย่างไรนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาทานอาหารที่ร้านนี้ ดังนั้นจึงรู้ระดับฝีมือของเชฟใหญ่หลิวดี แทบไม่ต้องพูดถึงอาจารย์พละ แต่นี่คือเชฟมืออาชีพ แม้แต่เชฟคนอื่น ๆ ในร้านยังมีน้อยคนนักที่กล้าพูดว่าตัวเองเหนือกว่าเชฟใหญ่หลิว

โดยเฉพาะเมนูอาหารปลากระรอกทอดซอสเปรี้ยวหวาน