ตอนที่ 56 องค์ที่ 3 บดขยี้ - อดีตผู้กล้าและวิกฤติในเมือง

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

TN: ต้องขอโทษกับความผิดพลาดเมื่อวานนี้ด้วยนะครับ

“ลีน… กลับมาเมื่อไหร่ เราฟันเธอแน่”

คุณเซดโกรธพวกเรา 2 คนมากที่ทำลายสังเวียนไป

…ทั้งที่ลีนต่างหากที่พังมันในตอนท้ายจนราบ

ก็ มันก็จริงที่เรากระจายเวทที่ลีนยิงออกมาด้วยดาบของเรา จนสุดท้ายก็เลยทำให้สังเวียนถูกทำลายลงก็เถอะ

เอาเป็นว่าตอนนี้ มาฆ่าลีนทันทีที่เธอกลับมาเลยดีกว่า เอาแบบนั้นละกัน

เพื่อคลายเครียดจากที่ถูกดุมา เราเลยออกไปเดินเล่นในเมืองหลังฝึกวันนี้เสร็จ

“คุณป้าคะ สวัสดีตอนเย็นค่ะ ขอสั่งเนื้อเสียบไม้ 2 ที่นะคะ”

“ค่า! ยินดีต้อนรับค่า!… อ่าว ท่านโยมินี่เอง! คิดถึงจังเลยนะคะ! ไม่ได้เจอท่านมาแถวนี้เลยช่วงนี้!”

“อะวาวา… คือ ไม่ต้องใส่ ‘ท่าน’ หรอกค่ะ ป้ารู้จักเราตั้งแต่ตอนที่เป็นทหารระดับต่ำเลยนะคะ”

“ไม่ ไม่ ก็ทหารระดับต่ำคนนั้นเป็นผู้บริหารแล้วนี่คะตอนนี้! ฉันก็ต้องให้ความเคารพสิค่า!”

……ก็ ถึงป้าจะพูดแบบนั้นก็เถอะ จริงๆ เธอน่าจะแค่อยากแกล้งเรามากกว่านะ

อืม อร่อยจัง ว่าแล้วเชียวว่าสิ่งมีชีวิตเป็นตัวตนที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แค่ได้กินเนื้อ อะไรๆ ในชีวิตก็จะดีขึ้นมาเลย

แล้วก็ หลังกินของคาว ก็ต้องตบด้วยขนมหวานอร่อยๆ สิ

เพราะงั้น เราเลยไปแวะที่ร้านลับชื่อดังที่ลีนกับเรามาที่นี่บ่อยๆ เพราะที่นี่มีเค้กอร่อยๆ เสิร์ฟด้วยนี่แหละ

“สวัสดีตอนเย็นค่ะ―”

“ทำไงดีล่ะ… ต้องใช้ผ้าขนหนู… แต่ ไข้สูงขนาดนี้…”

“คือ?”

“ฮะ…! อะ ยินดีต้อนรับครับ… ท- ท่านโยมิ!? ขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยครับ!”

“ม- ไม่เลยค่ะ เราไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ… มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?”

“ไม่ครับ ไม่ ไม่ เรื่องของผมจะรบกวนพวกผู้บริหารเปล่าๆ! เชิญนั่งก่อนครับ!”

“อะ ค่ะ….”

มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เมื่อกี้ได้ยินเรื่องไข้อะไรซักอย่างด้วย

สำหรับตอนนี้ ขอสั่งเค้กตามปกติก่อนก็แล้วกัน

ผ่านไปไม่นาน คุณผู้จัดการก็เดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมกับเค้ก 4 ก้อนวางไว้บนโต๊ะ

หืม? สี่?

“…อะ ดันเผลอสั่งเผื่อให้ลีนมาสิด้วยนะ… เอาเถอะ งั้นก็กินให้หมดเลยแล้วกัน!”

ปกติเรามาที่นี่กับลีนตลอด เลยสั่งมาเพราะความชินสินะ

ถ้างั้น ดึงสติกลับมา แล้วมากินเลยดีกว่า เริ่มด้วยช็อตเค้กสินะ? ความหวานกำลังดีนี่ยอดเยี่ยม……

“………พรู้ดดดด!?”

…นอกจากความหวานแล้ว ก็มีความเค็มแปลกๆ นี่ปนมาด้วย

…ไม่สิ ทุกทีไม่ได้เป็นแบบนี้ใช่มั้ย? นี่อะไรน่ะ การพัฒนารูปแบบใหม่? เราคิดว่ามันน่าจะพัฒนาไปผิดทางแล้วนะคะ!

เราว่า นี่นะ…

“… คือ คุณผู้จัดการคะ ได้เผลอใส่เกลือลงไปด้วยหรือเปล่าคะ…?”

“เอ๊ะ? …อะ!? ต- ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ! จะนำชิ้นใหม่มาให้นะครับ…”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ คือ ที่เราหมายถึงคือ… เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ? ตั้งแต่พวกเรามาที่นี่ตลอด 3 ปี ไม่เคยมีความผิดพลาดแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ”

“มะ ไม่มีอะไรครับ ไม่ใช่เรื่องที่จะไปรบกวนเหล่าผู้บริหารเลยครับ…”

“แต่อย่างงั้น ถ้าคุณไม่สามารถเอารสชาติของเค้กกลับมาได้ นั่นแหละปัญหาค่ะ… ถ้าคุณบอกเรา เราอาจจะช่วยอะไรได้บ้างก็ได้ค่ะ เพราะงั้น ช่วยบอกเราด้วยได้มั้ยคะ?”

หลังจากที่คุณผู้จัดการเปลี่ยนสีหน้าเป็นร้อยแบบอยู่ซักพัก เขาก็หลบสายตาลงเพื่อตั้งสมาธิ―――แล้วเขาก็เล่าให้เราฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ค- คือ จริงๆ แล้ว……”

“… ภรรยาของผมเป็นเผ่ามนุษย์มาร แล้วก็เป็นทหารระดับสูงขั้นที่ 2 ครับ เมื่อวาน เธอเพิ่งกลับมาจากสนามรบ แต่ว่า ทั้งที่เมื่อวานเธอยังดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เมื่อเช้า ไข้เธอก็ขึ้นสูงมาก แถมขยับออกจากเตียงไม่ได้ซักนิดเลยครับ…”

ถ้าพูดถึงทหารระดับสูงขั้นที่ 2 ในกองทัพจอมมารแล้วล่ะก็ ทุกคนมีฝีมือใช้ได้เลย สเตตัสเฉลี่ยของพวกเขาก็อยู่ที่ประมาณ 2,500 เลย

เมื่อสิ่งมีชีวิตเพิ่มเลเวลและสเตตัสของตัวเองขึ้น ความต้านทานต่อการเจ็บป่วยหรืออะไรคล้ายๆ กันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นักรบที่แข็งแกร่งแบบนั้น มีไข้สูงจนขยับตัวไม่ไหวเลยเหรอ?

“ยังไงก็เถอะ ขอเราไปดูภรรยาของคุณได้มั้ยคะ?”

“ค- ครับ… ทางนี้เลยครับ”

เราเดินตามคุณผู้จัดการขึ้นไปชั้นสอง แล้วพอเดินผ่านประตูเข้าไปดูในห้อง ก็ได้ยินเสียงหายใจหอบแรงดังออกมาเลย

เมื่อเรามองดูที่เธอ… ก็อย่างที่คาดเลย ผู้หญิงหุ่นล้ำคนหนึ่งนอนเหยียดอยู่บนพื้น ตรงข้ามกับหุ่นบอบบางของคุณผู้จัดการเลย

แต่ว่า ผิวสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามารของเธอ ยิ่งดูสีเข้มขึ้นไปอีก แล้วร่างกายก็ร้อนเหมือนจะไหม้เลย

… เราหมายถึง นี่มัน… หรือว่าจะ…

เรารีบตรวจสอบร่างกายของเธอ ก็เจอกับแผลที่แขนเหมือนถูกแทงด้วยมีด ดูเป็นแผลใหม่ที่ค่อนข้างจะลึกเลยด้วย

ดูเหมือนจะใช้การรักษาด้วยเวทฟื้นฟูแล้วด้วย หรือว่านี่จะ…

“คะ คิดว่าเป็นยังไงบ้างเหรอครับ?”

“…นี่คือ พิษค่ะ แถมยังมีฤทธิ์แรงด้วย…”

“เอ๋!? พิษ!?”

“บางที อาจจะถูกใช้จากพวกมนุษย์ในสงครามก็ได้ค่ะ… แต่น่าแปลกนะคะ ทุกคนควรจะถูกร่ายเวทชำระพิษเมื่อได้กลับบ้านจากสนามรบนี่นา แล้วทำไม…? ยังไงก็ รอซักครู่นะคะ”

เราบอกกับคุณผู้จัดการไปแบบนั้น ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าคาดเอว

นี่คือหนึ่งในเมจิกไอเท็มที่กักเก็บเวทจิตใจอย่าง {เทเลพาธี (โทรจิต)} เอาไว้

ด้วยของชิ้นนี้ แม้แต่เราที่ใช้ได้แต่เวทเสริมแกร่งทางกายภาพก็ใช้โทรจิตได้เหมือนกัน

ปลายสายที่เราจะติดต่อไปหา ――― เออ คือเราเพิ่งจะถูกคุณเซดนั้นแหละดุมา เลยรู้สึกอึกอักนิดหน่อย ที่จะติดต่อเขา

ความสามารถหลักของเขาคือการสร้างและสั่งใช้งานอันเดด แต่ระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็เป็นนักบวชชั้นสูงผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ ไปถึงระดับมุขนายก (บิชอป) เลย เขาจะต้องมีข้อมูลเชิงลึกในการชำระพิษแน่เลย

‘คุณเซด ได้ยินมั้ยคะ? นี่โยมินะคะ’

‘คุณหนูโยมิ…มีอะไรหรือเปล่าครับ? ตอนนี้กระผมกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างสังเวียนที่พวกคุณหนูทำลายไปขึ้นมาใหม่น่ะครับ’

‘ต้องขอโทษกับเรื่องนั้นด้วยจริงๆ นะคะ…… ไม่ เดี๋ยวค่ะ คือจริงๆ แล้ว………’

‘…หืม เข้าใจแล้วครับ กระผมตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่ทันแล้ว เดี๋ยวกระผมไปที่นั่นเองครับ’

ผ่านไปไม่นาน คุณเซดก็มาถึง แล้วมาดูอาการของคุณภรรยาแล้วก็… เขาร่ายเวทชำระพิษให้กับเธอไปหลายบท แต่เพราะอะไรไม่รู้ อาการของเธอยังดูไม่ดีขึ้นเลย

“…คุณเซดคะ หรือว่านี่จะไม่ใช่พิษคะ…?”

“…ไม่ครับ นี่คือพิษจริงๆ… ทำได้ดีมากเลยครับ คุณหนูโยมิ ถ้าเกิดท่านเจอช้ากว่านี้ ความเสียหายอาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็ได้ครับ”

“เอ๊ะ?”

“พิษนี้ถูกสกัดจากดอกไม้พิเศษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘มิเซล’ ที่พวกมนุษย์สามารถเพาะปลูกกันได้เองครับ ดูเหมือนมันจะใช้เป็นยาสารพัดประโยชน์ของมนุษย์เลย แต่มันมีฤทธิ์เป็นพิษกับพวกเราเผ่ามารครับ ที่สำคัญ ตามธรรมชาติของมันแล้ว นักบุญเผ่ามารไม่สามารถชำระพิษของมันได้ครับ”

“ถ้างั้น… เราควรจะทำยังไงดี…”

“…ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของพิษนี้นะครับ พิษของมิเซลจะไม่ออกฤทธิ์ไปช่วงเวลาหนึ่งหลังจากเข้าไปในร่างกายของเผ่ามารแล้ว… หลังจากนั้น 2 ถึง 3 วัน พิษก็จะออกฤทธิ์ขึ้นมากะทันหัน แล้วฆ่าผู้ที่ได้รับพิษนั้นเลยครับ ไม่ใช่แค่นั้น ร่างของผู้ที่เสียชีวิตจากพิษนี้จะกลายเป็นแหล่งเพาะที่แพร่กระจายพิษนี้ไปยังบริเวณใกล้เคียงด้วยครับ พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเราปล่อยเธอไว้เช่นนี้ พลเรือนทั้งเมืองนี้… ทุกคนนอกจากอันเดดกับแฟรี่ที่มีความต้านทานต่อพิษอย่างสมบูรณ์จะติดพิษนี้กันหมดครับ หลังจากนั้น จำนวนผู้ได้รับพิษก็จะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเลย”

“ม- ไม่จริงน่า!?”

… ทั้งเมืองจะติดพิษกันหมด?

เมืองนี้ที่ต้อนรับเราอย่างดีมาตลอด 5 ปีน่ะเหรอ?

“…จริงๆ แล้ว พวกมนุษย์ไม่ได้ใช้มันเป็นอาวุธพิษเท่าไหร่หรอกนะครับ อย่างที่กระผมบอกตั้งแต่แรกเลย ดอกมิเซลเป็นยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับมนุษย์ แต่เพราะมันก็ผลิตขึ้นได้น้อย จึงแทบไม่มีการนำมาใช้สู้กับพวกเราเผ่ามารเลย… ดูเหมือนเราจะถูกโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งใจแล้วล่ะครับ”

“ถ- ถ้างั้น มีอะไรที่เราพอจะทำได้มั้ยคะ? จะขับพิษได้ยังไงเหรอคะ?”

“ไม่มีเลยครับ แต่ว่า…”

“มีวิธีงั้นเหรอคะ!?”

“ด- ได้โปรดเถอะครับ! ภรรยาของผม… ได้โปรดช่วยภรรยาของผมด้วยนะครับ!”

“…เข้าใจแล้วครับ ดอกมิเซลน่ะ ว่ากันว่าเป็นดอกไม้อันเป็นที่รักของเทพธิดามิซารี่ครับ เพราะอย่างนั้น มันจึงเป็นพิษกับพวกเราเผ่ามาร เช่นนั้น ในทางตรงข้าม… เทพผู้รักพวกเราเผ่ามาร… หรือก็คือ หากเราใช้ดอกไม้อันเป็นที่รักของท่านอิซึสึ ดอกไม้ที่บานเฉพาะในเขตของเผ่ามาร ยาแก้พิษเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถแก้พิษของมิเซลได้คือยาที่ได้จากดอก ‘ซึสึเนะ’ ครับ”

“ถ้างั้น ก็ไปเอาดอกไม้นั่น…!”

“แต่นั่นแหละครับที่มีปัญหา… พื้นที่ที่ใกล้ที่สุดที่มีดอกซึสึเนะขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากได้อยู่ห่างจากที่นี่ไปราว 5 ถึง 6 ชั่วโมงหากใช้การเดินเท้าไปครับ เรื่องเวลานั้นไม่ใช่ปัญหาเลยครับ… ปัญหาอยู่ที่ว่า บริเวณดังกล่าวเป็นอาณาเขตที่มีพวก ‘สัตว์อสูร’ ที่ดุร้ายอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ครับ”

สัตว์อสูร สิ่งที่เทพธิดามิซารี่กับเทพีชั่วร้าย ท่านอิซึสึสร้างขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ พวกมันเป็นที่เกลียดชังของทั้งเผ่ามนุษย์ทั้งเผ่ามารเลย

แต่ละตัวก็มีความแข็งแกร่งต่างกันไป แต่… สัตว์อสูรตัวในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น เป็นราวกับภัยพิบัติที่เคลื่อนไหวได้ แข็งแกร่งระดับที่ฆ่าทั้งผู้บริหารในกองทัพจอมมาร หรือพวก 12 อัครสาวกได้เลย

“…สัตว์อสูรที่ว่านั่น อยู่ในระดับสูงมากเลยล่ะครับ แถมยังออกหากินกันเป็นฝูงอีกด้วย แม้แต่ท่านก็ยังเป็นอันตรายเลยนะครับ เช่นนั้นแล้ว…”

“เราจะไปเองค่ะ”

“…แน่ใจเหรอครับ?”

“ค่ะ เราอยากช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่มือของเราจะเอื้อมไปถึง เราจะใช้ชีวิตของเรานี้ ปกป้องชีวิตของเผ่ามารเพื่อประโยชน์ของทุกคนเองค่ะ”

เราจะต้องช่วยเหลือพวกเขาให้ได้อย่างแน่นอนค่ะ

ความแข็งแกร่งของเรา… เราจะแสดงให้เห็นเอง พลังของคนที่ถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารในด้านการต่อสู้น่ะ