บทที่ 39 จิ้งจอกสวรรค์แห่งหุบเขาบูรพา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 39 จิ้งจอกสวรรค์แห่งหุบเขาบูรพา

บทที่ 39 จิ้งจอกสวรรค์แห่งหุบเขาบูรพา

บุตรศักดิ์สิทธิ์สั่งให้เฉาหงเดินทางไปรับหญิงมนุษย์จิ้งจอกและสมบัติจากเผ่ามารที่ได้ทำการประมูลเอาไว้ ส่วนไป๋ซีเจ๋อและไป๋ชิวเอ๋อร์ก็เดินทางออกไปรอพวกเขาที่นอกโรงประมูล

ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมาบนท้องถนน ไป๋ซีเจ๋อได้พบกับมิตรสหายที่ไม่ได้พบกันมานาน ดังนั้นจึงบอกกล่าวต่อไป๋ชิวเอ๋อร์ว่าจะติดตามเพื่อนเก่าเหล่านั้นไปพูดคุยรำลึกความหลัง

ไป๋ชิวเอ๋อร์รอคอยลู่หยวนอยู่ที่นั่นด้วยความเบื่อหน่าย ทันใดนั้นชายร่างกำยำในชุดคลุมสีดำก็เดินมาหานาง

ผู้พิทักษ์ทุกคนของตระกูลไป๋ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคุ้มกันคุณหนูไป๋ พลางตะโกน “เจ้าเป็นใคร?”

ชายผู้นั้นหยิบกล่องอันสวยงามออกมาจากแหวนเก็บของ ก่อนจะยื่นให้นางพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เจ้านายของข้าสั่งให้ข้านำสิ่งนี้มามอบให้กับคุณหนูชิวเอ๋อร์”

ไป๋ชิวเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “ผู้ใดคือเจ้านายของเจ้า?”

ชายผู้นั้นไม่ตอบคำถาม แต่กลับยังคงกล่าวต่อ “เจ้านายของข้าเป็นกังวลเรื่องสุขภาพร่างกายของคุณหนูชิวเอ๋อร์ยิ่ง สมุนไพรแห่งจิตวิญญาณนี้มีผลในการรักษาพลังวิญญาณอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ถูกประมูลมาสำหรับคุณหนูชิวเอ๋อร์ ฝากคำขออ้อนวอนให้คุณหนูชิวเอ๋อร์ยอมรับมัน”

“อีกทั้งเจ้านายของข้ายังบอกอีกว่า หากคุณหนูชิวเอ๋อร์เกิดเคลือบแคลงใจก็สามารถเปิดกล่องนี้ได้ ด้านในจะมีจดหมายที่เจ้านายของข้าเขียนไว้ คุณหนูชิวเอ๋อร์จะได้รู้ทุกสิ่งเมื่ออ่านมัน”

ไป๋ชิวเอ๋อร์ชำเลืองมองพลางกล่าวเสียงเรียบ “ขอปฏิเสธ ข้าไม่จำเป็นต้องรับสิ่งของจากชายผู้ไม่กล้าแสดงตัว”

“ชิวเอ๋อร์ยังคงระมัดระวังตัวอย่างดีเสมอเลยหนา”

ชายผู้หนึ่งเดินออกมาจากมุมห้องและหยิบกล่องนั้นไปไว้ในมือ “หากข้าบอกว่าข้าคือผู้ให้ ชิวเอ๋อร์จะยอมรับไว้ได้หรือไม่?”

ไป๋ชิวเอ๋อร์เงยหน้ามอง ก่อนจะเห็นชายผู้หนึ่งถอดชุดคลุม เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงอยู่เบื้องหน้า …ชายผู้นี้คือไป๋อู๋อี

“ไป๋อู๋อี?”

คิ้วที่ขมวดของหญิงสาวผู้เย็นชาคลายลงเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่? ท่านพ่อตามหาเจ้าอยู่นานแต่ก็ไม่อาจพบ อีกไม่กี่วันการแข่งขันของตระกูลก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าจะกลับไปเมื่อไหร่กัน?”

ไป๋อู๋อีเผยรอยยิ้มบาง “ชิวเอ๋อร์จงอย่าเป็นกังวล ข้าจะจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่หญ้าวิญญาณประคำธารานี้มีประโยชน์ยิ่งสำหรับชิวเอ๋อร์ ช่วยรับไว้ได้หรือไม่?”

ในบรรดาทายาททั้งหมดแห่งตระกูลไป๋ ไป๋อู๋อีมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนางมากที่สุด จึงยอมรับสิ่งที่เขามอบให้โดยธรรมชาติ

เมื่อเห็นไป๋ชิวเอ๋อร์รับเอาสิ่งของในมือเขา บุตรแห่งโชคชะตาก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นกุ่ยเหยียนก็พลันกล่าวขึ้นด้วยความระมัดระวัง “นายท่าน ลู่หยวนกำลังมา!”

ความเกลียดชังปรากฏชัดในแววตาไป๋อู๋อี ตนและไป๋ชิวเอ๋อร์ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำเท่านั้น แต่เจ้ามารผจญนั่นก็เข้ามาแทรกแซงเพื่อสร้างปัญหาอีกแล้ว!

เขาไม่มีเวลาจะเอ่ยสิ่งใดต่อ จึงจากไปทันทีพร้อมกับกุ่ยเหยียนที่อยู่ด้านหลัง

ลู่หยวนเดินเข้ามาเพียงคนเดียว หางตาเหลือบมองบุตรแห่งโชคชะตาผู้กำลังเดินจากไปท่ามกลางฝูงชน เขาจ้องมองกล่องในมือของคุณหนูไป๋แล้วเอ่ยถาม “ชิวเอ๋อร์ เจ้าซื้อสิ่งใดมา?”

อีกฝ่ายยื่นกล้องในมือให้เขาดู “ชิวเอ๋อร์ไม่ได้ซื้อสิ่งใดเลย ไป๋อู๋อีเป็นคนนำมาให้”

ลู่หยวนเปิดกล้องนั้นออกแล้วพบสมุนไพรแห่งจิตวิญญาณด้านใน

ไป๋ชิวเอ๋อร์ซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นทันที “ผู้ที่ประมูลสมุนไพรแห่งจิตวิญญาณนี้ไปเป็นไป๋อู๋อีนี่เอง”

“ข้าจำได้ดี ราคาประมูลของหญ้าวิญญาณนี้จบลงที่หนึ่งล้านเหรียญมายา”

ลู่หยวนแสร้งกล่าวอย่างเฉยเมย “ไป๋อู๋อีซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ข้าเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเข้าร่วมงานประมูลและพยายามแข่งขันกับข้าเพื่อประมูลเอาหญิงแห่งเผ่าพันธุ์จิ้งจอกสวรรค์”

ไป๋ชิวเอ๋อร์หลุบสายตาลงต่ำ นางเองก็รู้สึกสงสัยในใจไม่น้อย

แม้ไป๋อู๋อีจะเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลไป๋ และเพลิดเพลินกับทรัพยากรมากมาย แต่การเสนอราคาสูงสุดในการประมูลของเขากลับทำได้เพียงยี่สิบล้านเหรียญมายา

อย่างไรก็ตาม การที่เขาประมูลราคาดังกล่าวโดยไม่ถูกผู้ใดห้ามปรามหรือขับไล่จากการประมูล แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขามีเหรียญมายามากมายในมือ

แม้ผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลจะเดินทางมาที่นี่ แต่พวกเขาก็สามารถระดมเหรียญมายาได้มากที่สุดเพียงสามสิบล้านเหรียญเท่านั้น และเงินจำนวนนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากไป๋จางก่อน

แต่ตอนนี้ไป๋อู๋อีกลับมีเหรียญมายาในครอบครองถึงสามสิบล้าน เขาหาเงินจำนวนมากมายเช่นนั้นมาได้อย่างไร?

คุณหนูไป๋จ้องมองกล่องในมือของลู่หยวน พลางรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี

ไป๋อู๋อีหายไปจากบ้านอย่างกะทันหันโดยไม่บอกกล่าว และตอนนี้ยังปกปิดตัวตนอยู่เบื้องหลังชุดคลุมสีดำ เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังหลบหนีบางสิ่ง?

ระบบทำการแจ้งเตือนว่า [ความรักที่ไป๋ชิวเอ๋อร์มีต่อบุตรแห่งโชคชะตาลดลง ค่าชะตาของไป๋อู๋อีลดลง 1,000 แต้ม! ค่าชะตาที่เหลืออยู่ของเขาคือ 6,000 แต้ม!]

[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 2,000 แต้ม! ค่าชะตาของท่านในปัจจุบันคือ 10,900 แต้ม!]

เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของตนสำเร็จแล้ว ลู่หยวนก็คืนกล่องให้กับหญิงสาว “ในมือนี่คือความหวังดีของไป๋อู๋อี เช่นนั้นก็จงรับเอาไว้เถิด”

สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที “ข้าไม่รู้จักภูมิหลังของสิ่งนี้ และไม่รู้ว่าต้องมีเลือดของผู้บริสุทธิ์มากมายเพียงเท่าใดที่เสียสละไปเพื่อให้ได้มา เช่นนั้นแล้วข้าจะนำกลับไปให้ท่านพ่อ”

“หากเป็นเช่นนั้น ก็จงทำตามที่ว่าเถิด”

ลู่หยวนมอบกล่องให้กับข้ารับใช้ตระกูลไป๋ที่อยู่เคียงข้างเขา ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับไป๋ชิวเอ๋อร์

เมื่อกลับมาถึงบ้านของตระกูลไป๋ ชายหนุ่มก็มุ่งตรงไปยังห้องของเขา ซึ่งมีเฉาหงรอคอยอยู่ด้วยความเคารพ

“คุณชาย! หญิงสาวมนุษย์จิ้งจอกอยู่ในห้องนั้นแล้ว”

ลู่หยวนพยักหน้าอย่างเงียบงันพลางกล่าว “ลุงเฉา วันนี้เห็นสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดตามไป๋อู๋อีหรือไม่?”

เฉาหงตอบกลับ “ตามความคิดของข้า บุคคลผู้นั้นไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ อีกทั้งจงใจปิดบังรัศมีพลังของตน ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าต้นกำเนิดของเขามีที่มาอย่างไร ทว่าความแข็งแกร่งของบุคคลผู้นี้ไม่ตื้นเขิน ระดับการฝึกยุทธ์ของเขาคือขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพ”

“ครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพ”

ความเยือกเย็นปรากฏชัดในดวงตาของลู่หยวน เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ บุตรแห่งโชคชะตาสามารถหาผู้ติดตามที่ทรงพลังเช่นนี้มาป้องกันตนเองได้ในเวลาอันสั้น

“ลุงเฉา เรื่องวิถีที่ข้าเคยมอบให้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“นับเป็นความโชคดีที่คุณชายได้มอบมันให้แก่ข้า ตอนนี้ข้าฝึกฝนอย่างขะมักเขม้น และดูเหมือนว่าจะก้าวไปสู่ความแข็งแกร่งอีกระดับหนึ่งแล้ว”

เฉาหงกล่าวด้วยความเคารพที่มีต่อลู่หยวนมากขึ้น

เนื่องจากชายหนุ่มมอบวิถีให้แก่เขา ความแข็งแกร่งที่ไม่ได้รับการขัดเกลามานานหลายทศวรรษก็พุ่งสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

ในที่สุดพลังของเขาก็ฟื้นตัวกลับคืนมา เฉาหงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหากเขาฝึกฝนวิถีนี้จนสมบูรณ์แบบ เขาจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดที่ไม่เคยข้ามผ่านมาได้นานหลายทศวรรษและก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพในระดับที่สูงกว่าในอดีตก่อนหน้าที่จะได้รับบาดเจ็บได้!

ลู่หยวนพึมพำอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มเดินไปข้างหน้าและสังเกตความแข็งแกร่งของเฉาหงที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หากคนอื่นได้เห็นความแข็งแกร่งของชายชราในตอนนี้จะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน

แต่ชายหนุ่มไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงละสายตาจากผู้ติดตามและเดินเข้าไปในห้อง

เขาผลักประตูออกและพบหญิงงามผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเตียง หญิงผู้นั้นสวมใส่ชุดกี่เพ้า ทรวดทรงของนางงดงามอย่างยิ่ง เผยให้เห็นเรือนร่างเลือนรางภายใต้ผ้าผืนบาง หากชายอื่นได้เห็นเช่นนี้จะต้องไม่อาจห้ามใจไว้ได้แน่

หลังจากที่หญิงงามผู้นั้นได้เห็นลู่หยวน นางก็ดูเหมือนจะซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงทีละน้อย กลิ่นอายเปี่ยมมนตร์เสน่ห์แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของนาง

ลู่หยวนชำเลืองมองดวงตาสีแดงพร้อมเผยรอยยิ้ม “เอาความคิดสกปรกออกจากสมองของเจ้าไปเสีย ด้วยเสน่ห์เพียงน้อยนิดของเจ้า อาจต้องฝึกฝนนานนับสามพันปีจึงจะดึงดูดใจบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้”

หญิงผู้นั้นตัวแข็งทื่อในทันที แววตาที่ไร้เดียงสาของนางกลับกลายเป็นเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง “เจ้าเป็นใครกัน?”

“ลู่หยวน บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่จากแดนเหนือ”

ชายหนุ่มเดินไปหาสตรีผู้นั้นพลางกล่าว “ในเมื่อเจ้าได้รู้นามของข้าแล้ว ตอนนี้เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่านามของเจ้าคืออะไร และออกมาจากหุบเขาบูรพาได้อย่างไร?”

หญิงผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้น “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามาจากหุบเขาบูรพา?”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไม่เพียงรู้ว่าเจ้ามาจากหุบเขาบูรพาเท่านั้น แต่ยังรู้ด้วยว่าเจ้าคือราชวงศ์ของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกสวรรค์แห่งหุบเขาบูรพา”

เมื่อได้ยินดังนั้น อีกฝ่ายก็กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะบอกความจริงให้เจ้าได้รู้ ข้าคือองค์หญิง เป็นธิดาของราชาจิ้งจอกสวรรค์คนปัจจุบัน หากเจ้าส่งข้ากลับไปยังเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ตระกูลของข้าจะต้องตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม แต่หากไม่เชื่อฟัง เมื่อท่านพ่อรับรู้เรื่องนี้และเตรียมกองกำลังลงมา ตระกูลของเจ้าจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน!”

ทันใดนั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความยินดีของลู่หยวนพลันเลือนหายไป ก่อนถูกแทนที่ด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วง ทำให้ใบหน้าของหญิงผู้นั้นซีดเผือดในทันที บรรยากาศโดยรอบพลันบิดเบี้ยว ทุกอย่างดูบีบรัดจนทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก

เสียงอันแผ่วเบาของชายหนุ่มดังก้องในหูนาง “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าจงจำใส่ใจให้ดีว่า นับจากวันนี้ไป เจ้าเป็นข้ารับใช้ของข้า หากเจ้าดื้อรั้นและไม่เชื่อฟัง ข้าจะจัดการสังหารเจ้าทันที!”