ตอนที่ 89 ตอนที่ 90 รับงานง่ายเกินไป

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 89 ข้าใจกว้างไม่ถือสาท่าน / ตอนที่ 90 รับงานง่ายเกินไป

ตอนที่ 89 ข้าใจกว้างไม่ถือสาท่าน

คำพูดเรื่อยเปื่อยของฉินหลิวซีกลับทำให้ฉีเชียนได้ยินอะไรบางอย่างที่ละเอียดอ่อน เขารู้สึกชาที่กระดูกสันหลังขึ้นมาเล็กน้อย เขานึกถึงสุขภาพของท่านย่าเขาที่ไม่ค่อยดีมานาน พอหันไปมองคอกวัวนั้นแล้วก็รู้สึกขัดหูขัดตา กลิ่นเหม็นเหลือเกิน

ส่วนพ่อบ้านวั่นก็ฟังจนสับสน ฮวงจุ้ย นี่มัน?

หมอคนนี้รู้เรื่องลี้ลับพวกนี้ด้วยหรือ แต่พ่อบ้านวั่นกลับไม่กล้าตั้งคำถามใดๆ ถึงอย่างไรฉีเชียนผู้เป็นนายก็อยู่ด้วย อีกอย่างเขายังพูดถึงสุขภาพของผู้เฒ่าผู้แก่ขึ้นมา ใครจะไปกล้าสงสัย

ก็มิใช่เพราะพระชายาผู้เฒ่าสุขภาพไม่ค่อยดีหรือถึงต้องอาศัยน้ำพุร้อนในเรือนรับรองนี้เพื่อบำรุงรักษาอยู่เกือบทั้งปี

เช่นนั้นแล้ว หลังจากที่พ่อบ้านวั่นสบตากับฉีเชียน เขาจึงรีบโค้งตัวลงทันที “กระหม่อมจะสั่งให้คนไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เขาหันกลับไปและสั่งใครบางคน แล้วคนผู้นั้นก็รีบไปจัดการทันที

“ท่านหมอฉิน เข้าไปพักผ่อนในเรือนก่อนดีหรือไม่” ฉีเชียนเชิญชวนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

ฉินหลิวซีสาวเท้าก้าวเข้าไป

“หากว่ามีตรงไหนไม่ดี หวังว่าท่านหมอจะช่วยชี้แนะด้วย” ฉีเชียนเอ่ยขึ้นอีก

ฉินหลิวซีชะงักฝีเท้าทันที นางอยากจะพูดว่าเดินเหนื่อย นั่งรถม้าน่าจะดีกว่ากระมัง แต่ฉีเชียนก็เอ่ยขึ้นอีก “พ่อบ้านวั่น ไปเตรียมกับข้าวอย่างดีมาต้อนรับท่านหมอฉินหน่อย”

“กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหลิวซี “…”

ช่างเถิด เดินหน่อยก็ได้จะได้กินได้เยอะขึ้น

ฉินหลิวซีไม่ชอบดูฮวงจุ้ย ทั้งยังไม่รับงานด้านนี้ เพียงแต่หากนางเดินทางไปรักษาใครแล้วพบเห็นอะไรไม่ดีก็จะชี้แนะให้บ้างเท่านั้น

เช่นเดียวกับตอนนี้ ขณะที่นางเดินไปพร้อมกันฉีเชียน เมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติก็สั่งให้พวกเขาย้ายออกหรือเปลี่ยนเสียใหม่

โชคดีที่ผังของเรือนรับรองนี้น่าจะได้รับการขัดเกลาแก้ไขอย่างระมัดระวังในระหว่างการก่อสร้างมาแล้ว จึงไม่มีปัญหาใหญ่ๆ แต่อย่างใด เพียงแต่มีต้นไม้บางต้นที่ทำลายชัยภูมิ แต่แค่เคลื่อนย้ายก็ใช้ได้แล้ว

“ท่านหมอฉินยังศึกษาเชี่ยวชาญเรื่องโหงวเฮ้งฮวงจุ้ยด้วยหรือ มาถึงตอนนี้แล้วข้าก็จะไม่ปิดบังท่าน เสด็จปู่ของข้าเป็นบุตรชายคนเล็กของเสด็จทวด หลังจากท่านสวรรคตแล้ว เสด็จพ่อของข้าก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนิงอ๋อง อดีตฮ่องเต้พระราชทานหนิงโจวเป็นพื้นที่ศักดินาให้เสด็จพ่อของข้า จวนหนิงอ๋องตั้งอยู่ใจกลางจวนหนิงโจว ท่านพอจะไปดูฮวงจุ้ยที่นั่นให้ด้วยได้หรือไม่” ฉีเชียนมองหน้าฉินหลิวซีด้วยดวงตาเป็นประกาย

ฉินหลิวซีหยุดทันทีพลางเอ่ยแฝงความหมาย “จวิ้นอ๋องอยากให้ข้าดูฮวงจุ้ยให้เพราะพระชายาผู้เฒ่าป่วยเรื้อรังมานาน หรือว่าเป็นเพราะท่านสูญเสียบิดาไปตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งยังไม่สนิทกับมารดา จึงกลัวว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะจวนอ๋องมีฮวงจุ้ยที่ไม่ดีหรือ”

แววตาของฉีเชียนเย็นชาลงทันที ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากัน มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังกำหมัดแน่นราวกับว่าเขากำลังอดกลั้น

หั่วหลางและคนอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากทั้งสองหวาดผวา ท่านหมอฉินกล้าเอ่ยไปหมดทุกเรื่อง ไม่กลัวว่าจวิ้นอ๋องจะหักคอเล็กๆ ของเขาบ้างหรือ

แม้จะเอ่ยได้ตรงเผงก็เถอะ

ฉินหลิวซีไม่สนใจความเย็นชาของฉีเชียนที่เกิดขึ้นเลยสักนิด นางเดินต่อ “ข้าพอจะรู้เรื่องโหงวเฮ้งอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญอย่างที่จวิ้นอ๋องคิด ทั้งยังไม่สนใจเรื่องฮวงจุ้ย มันน่าเบื่อเกินไป คงทำให้จวิ้นอ๋องผิดหวังแล้ว”

“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าท่านบ้างหรือ” น้ำเสียงของฉีเชียนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

ฉินหลิวซีหันข้างไปมองเขาพลางยิ้ม “อะไรกัน จวิ้นอ๋องโกรธที่ข้าเปิดเผยเรื่องน่าอายของท่านอย่างนั้นหรือ”

นางเอ่ยต่อโดยไม่รอให้เขาตอบ “คิดจะฆ่าข้าก็ต้องดูว่าท่านมีความสามารถนั้นหรือไม่”

ฉีเชียนหรี่ตาลง “ก็จริง อินทรียักษ์เกาะข้อมือท่านยังไม่รู้สึกหนัก เห็นได้ชัดว่าคำว่าร่างกายอ่อนแอของท่านหมอฉินคงเป็นแค่คำนิยามของท่านเท่านั้น”

โอ้ เสียดสีนางเสียด้วย

ฉินหลิวซีเอ่ย “เอาเถิด ฮวงจุ้ยสามารถชักนำโชคลาภมาได้ก็จริง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาลิขิตสวรรค์ได้ เรื่องของท่านเป็นชะตาลิขิต ฝืนไปก็เปล่าประโยชน์ อย่ามัวครุ่นคิดว่าฮวงจุ้ยอาจจะเป็นสาเหตุอยู่เลย”

ชีเฉียน “…”

ท่าทีที่ดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างไม่ถือสาข้าที่เป็นเด็กน้อยไม่รู้ความนี่มันอย่างไร

ทำราวกับเขาเป็นเด็กน้อยเช่นนั้น ช่างน่าละอายจริงๆ

ตอนที่ 90 รับงานง่ายเกินไป

ฉีเชียนพาฉินหลิวซีไปส่งที่เรือนพักรับรองแขก แม้เขาจะร้อนใจอยากให้นางไปตรวจรักษาเสด็จย่าไวๆ แต่ก็รู้ดีว่าการเดินทางที่ผ่านมาเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย จึงไม่ได้นำนางไปพบเสด็จย่าทันที มีแต่เขาเท่านั้นที่ไปถวายพระพรเสด็จย่าก่อนคนเดียว

“เช่นนั้นท่านหมอก็พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยไปตรวจเสด็จย่าของข้าดีหรือไม่”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี”

ฉีเชียนไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาเพียงประสานมือให้แล้วจากไป ก่อนจะออกไปยังสั่งการพ่อบ้านวั่นให้คอยดูแลปรนนิบัติอีกฝ่ายให้ดี บรรพบุรุษตัวน้อยที่อยู่ข้างในนั้น ‘ร่างกายอ่อนแอ’ บอบบางและเรื่องมากนัก

พ่อบ้านวั่นย่อมรับคำอย่างว่าง่าย เขายังหาสาวใช้หน้าตาดีที่มีไหวพริบสองคนมาคอยรับใช้อีกด้วย

เฉินผียืมมือคนอื่นทำงาน โบกมือสั่งการให้คนยกน้ำเข้ามาให้ฉินหลิวซีอาบ และสั่งให้พวกเขาเตรียมอุ่นน้ำชาอาหาร รอกระทั่งฉินหลิวซีอาบน้ำชำระร่างกายคลายความเหนื่อยล้าแล้ว นายบ่าวทั้งสองจึงสั่งให้คนอื่นออกไป และนั่งลงกินข้าวเย็นด้วยกัน

“นายท่าน ท่านบอกว่ารุ่ยจวิ้นอ๋องสูญเสียบิดาไปตั้งแต่ยังเด็ก แต่ทำไมข้าดูแล้ว…”

ฉินหลิวซีกระแอมพลางมองหน้าเขา

เฉินผีมองออกไปข้างนอกก่อนจะยิ้ม

ฉินหลิวซีเอ่ย “อย่าเอ่ยถึงเขาเลย เรื่องสกปรกภายในราชวงศ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะเทียบได้หรอก”

เฉินผีเงียบไป

ฉินหลิวซีคีบอาหารขึ้นมาอย่างเงียบๆ ฉีเชียนมีประสบการณ์ชีวิตที่ซับซ้อนมาก นางรับงานนี้ง่ายเกินไป

ในอีกด้านหนึ่ง ฉีเชียนลูบจมูกที่คันยุบยิบของตนเองและจามออกมาสองครั้ง ไม่ต้องบอก เกรงว่าปู้ฉิวผู้นั้นคงกำลังเอ่ยถึงเขา เขาเม้มริมฝีปากทันทีเมื่อนึกถึงที่อีกฝ่ายพูดเรื่องของเขาออกมาอย่างง่ายดาย

“เชียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ”

ฉีเชียนสงบสติอารมณ์ หลังจากสาวใช้เปิดม่านแล้ว เขาก็เดินเข้าไปเห็นหญิงชราหน้าตาท่าทางสูงส่งและใจดีมีเมตตาที่นั่งอยู่บนตั่งนอนทางทิศใต้ เขาก็ยิ้มให้พลางยกเสื้อคลุมคุกเข่าลงทันที

พระชายาผู้เฒ่ายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นหลานชายคนโต เอ่ยขึ้นโดนไม่รอให้เขาคุกเข่าลงไปจนเสร็จ “รีบลุกขึ้นๆ พื้นเย็นนัก ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว จูเอ๋อร์ ยกชาให้จวิ้นอ๋องหน่อย”

ชีเฉียนลุกขึ้นยืน เขานั่งลงข้างๆ หญิงชราทันทีโดยไม่ต้องรอให้นางกวักมือเรียกพลางจับมือนางไว้ “เสด็จย่า ไม่เจอตั้งหลายวัน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

“ตอนนี้เพิ่งเข้าเดือนแปด ยังไม่หนาว ย่าจะเป็นอันใดได้ วางใจเถิด” พระชายาผู้เฒ่าตบมือเขาเบาๆ “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันไหว้พระจันทร์แล้ว คราวนี้เจ้าจะต้องอยู่ฉลองกับย่าก่อนแล้วค่อยไปนะ”

“เดิมทีกระหม่อมก็วางแผนจะอยู่กับเสด็จย่าอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

พระชายาผู้เฒ่าได้เยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก นางเอ่ยกับจ้าวหมัวหมัวข้างๆ “อาเจินเจ้าได้ยินหรือไม่ จวิ้นอ๋องบอกว่าจะอยู่ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่เรือนรับรองนี้ เจ้าจะต้องให้พ่อบ้านวั่นเตรียมของดีๆ ไว้ให้มากหน่อย หากมีกวางก็เก็บไว้ด้วย ขุนให้ดี จะได้เอามาย่างให้เขากิน”

“เพคะ” จ้าวหมัวหมัวรับคำด้วยด้วยรอยยิ้ม

ฉีเชียนเห็นว่านางดีใจจึงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เพียงแต่เอ่ยว่า “เสด็จย่า หลานตามหาหมอนักพรตปู้ฉิวผู้นั้นเจอแล้ว ทั้งยังได้เชิญเขามาที่เรือนรับรองนี้แล้วด้วย วันนี้ดึกไปเสียแล้ว พรุ่งนี้เช้าหลานจะเชิญเขามาตรวจรักษาโรคขี้หนาวของเสด็จย่า หากเขารักษาให้จะต้องทำให้ท่านหายทุกข์ทรมานจากโรคขี้หนาวนั้นได้แน่”

พระชายาผู้เฒ่ากลับไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอันใด “ย่าทรมานกับปัญหานี้มานานหลายปีจนชินเสียแล้ว รักษาหรือไม่รักษาก็เหมือนกัน เจ้าดูสิ ข้ารักษาตัวอยู่ที่เรือนรับรองนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าใดนักหรอก”

แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่ก็เป็นแค่ในยามที่นางอยู่ในห้องอุ่นๆ นี้เท่านั้น หากเป็นข้างนอก โดยเฉพาะในหน้าหนาว นางก็จะหนาวจนนอนไม่หลับ หนาวจนชาเสียดไปถึงกระดูก ไม่กล้าจะออกไปข้างนอกเลยแม้แต่ก้าวเดียว และยิ่งไม่กล้าโดนความหนาวด้วย

แต่อย่างที่นางบอก หลังจากผ่านไปหลายปีก็คุ้นเคยกับมันแล้ว ก็แค่ต้องอยู่ในห้องช่วงหน้าหนาวเท่านั้น

“เสด็จย่า ไม่แน่ครั้งนี้อาจจะไม่เหมือนเดิม”

พระชายาผู้เฒ่าเห็นฉีเชียนมั่นใจถึงเพียงนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตกลง ให้เขามาดู จะให้ความกตัญญูของเชียนเอ๋อร์สูญเปล่าได้อย่างไรเล่า”

ฉีเชียนจึงยิ้มได้ เอ่ยกับจ้าวหมัวหมัว “ให้ใครยกข้าวเข้ามาเถิด ข้าจะกินข้าวกับเสด็จย่า”