ของเหลวสีเขียวเปลี่ยนเป็นรังสีแสงสีเขียว กระจายไปทุกมุมของร่างกายจั๋วฝาน แทรกซึมร่างกายเขาที่โดนทำลายด้วยพิษ หลังผ่านไปประมาณสามชั่วดมง ไม่มีร่องรอยของพิษทั้งสามบนหน้าเขาอีก

พอเห็นว่าฤทธิ์ยาแทบหมแล้ว จั๋วฝานก็แกล้งทำเป็นฟื้นลมหายใจ และพึมพำเสียงเบา ราวกับเขายังไม่ค่อยได้สติ

เมื่อเห็นอย่างนี้ ฉู่ฉู่ก็พยักหน้าเล็กน้อย และค่อย ๆ ยกจั๋วฝานขึ้นจับนั่งสมาธิ ส่วนตัวนางนั่งอยู่ด้านหลังจั๋วฝาน ทั้งตัวนางแผ่แสงสีขาวเงิน และฝ่ามือนางก็กดลงบนแผ่นหลังเขาอย่างแผ่วเบา

จั๋วฝานรับรู้ได้ถึงปราณเย็นสุดขั้วที่เข้าตัวเขา พัวพันระหว่างเส้นเลือเขา เห็นได้ชัดว่ามันกำลังล้างพิษที่หลงเหลือให้เขา

แต่ทว่า เขาไม่มีพิษมากอยู่แต่แรกแล้ว พิษในตัวเขาของเขาโดนเขากำจัดไปหมดแล้ว และพิษบนผิวก็ยังโดนฤทธิ์ยาหยกโพธิ์ขจัดไปจนสิ้น

แต่มันก็ไม่มีวันเปิดโปงเขาได้ พิษของวังราชาเม็ดยาน่ากลัวมาก ถ้ามันโดนถอนง่าย ๆ หลายคนจะไปกลัวมันทำไม

ยิ่งไปกว่านั้น พอมองฉู่ฉู่ เขาดูเหมือนจะมีความเข้าใจดีถึงพิษในวังราชาเม็ดยา ถ้ายาหยกโพธิ์สามารถถอนพิษได้ นางคงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้เอง

พอคิดได้อย่างนี้ จั๋วฝานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่ เขาต้องไม่ปล่อยให้นางรู้ ไม่งั้นตัวตนของเขาอาจโดนเปิดเผย!

จากนั้น จั๋วฝานก็ลอบใช้เคล็ดปีศาจแปลงกายเพื่อขจัดปราณเย็นที่เข้าตัว ฉู่ฉู่ตกใจ คิดว่าปราณของนางโดนพิษโจมตี และอดเพิ่มพลังไม่ได้

และจั๋วฝานก็ค่อย ๆ ผสานเข้ากับพลังปราณของนาง ค่อย ๆ หยุดการถ่ายพลัง มันจนถึงกระทั่งฉู่ฉู้สึกว่าพลังปราณไม่โดนขัดขวางอีกนางถึงถอนหายใจและถอยฝ่ามือ

จากนั้นคิ้วของนางก็ขมวดเป็นปม”ไม่คิดเลยว่าพิษของวังราชาเม็ดยาจะยิ่งพิสดาร ศิษย์รุ่นเยาว์เป็นคนใช้พิษ แต่มันกลับทำให้ข้าต้องเสียแรงมากถึงเพียงนี้!”

สิ่งที่นางไม่รู้คือสาเหตุที่นางต้องพยายามมากขนาดนี้เป็นเพราะพลังปราณที่นางใส่เข้าตัวจั๋วฝานนั้นโดนจั๋วฝานทำลายไปซะเอง

แต่ทว่า จั๋วฝานไม่คิดบอก เขาแอบหัวเราะและค่อยๆลืมตา แกล้งทำเป็นเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นสติ

“ข้าอยู่ไหน?”

จั๋วฝานหันซ้ายหันขวา ใบหน้าของเขาดูสับสน แต่ตอนเขาเห็นฉู่ฉู่ด้านหลัง เขาก็อดกรีดร้องด้วยความแปลกใจไม่ได้”พี่สาวฉู่ฉู่ ในที่สุดท่านก็กลับมา ข้าคิดว่าท่านจะโกรธข้าจนเมินข้าแล้วซะอีก!”

พอได้ยิน ฉู่ฉู่ก็เกิดความรุ้สึกประทับใจ

อย่างไม่คาดคิด ประโยคแรกหลังเจ้าเด็กโง่นี่ฟื้นขึ้นจากความตายกลับไม่ใช่ความยินดีที่รอดชีวิต แต่เป็นการได้เห็นนางอีก นี่พอจะพิสูจน์ว่าตำแหน่งของนางในหัวใจเขาสำคัญกว่าชีวิตเขา

ความอบอุ่นวิ่งไหลเข้าหัวใจนางและฉู่ฉู่ก็เลิกคิ้วพร้อมยิ้มอ่อน”ใครบอกว่าข้าไม่โกรธแล้ว?เจ้าสามารถกระทืบหยานฟู่จนอยู่ในสภาพนั้นได้ แต่กลับแกล้งทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าข้า พูดมา เจ้ามีจุดประสงค์อะไร?”

“ฮี่ๆๆ..ข้าจะไปมีจุดประสงค์อะไร?ไม่ใช่ว่าวันนั้นเป็นวันแรกที่ข้าเห็นท่านหรือ ท่านยังปฏิบัติกับข้าแบบหยาบคาย แต่ทว่า ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดีและยังเต็มใจรับข้าเข้ามา ดังนั้นข้าจึงคิดที่จะตีสนิทกับท่าน และเป็นเพื่อนกับท่าน!”

ฉู่ฉู่จ้องเขาเขม็งและอดหัวเราะไมได้”หึ ใครจะไปเชื่อคำพูดเจ้า!ข้าจับตาดูการต่อสู้ของเจ้ากับหยานฟู่อยู่ เจ้าบุ่มบ่ามมาก และก็เต็มไปด้วยวาจาชั่วร้าย คนอย่างเจ้านะหรือจะริเริ่มเป็นเพื่อนกับคนแปลกหน้า?”

ดวงตาของเขากลอกซ้ายขวา และจั๋วฝานก็ถอนหายใจ

ฉู่ฉู่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ถึงกับมองธาตุแท้ของคนออกจากการต่อสู้ ผู้บ่มเพาะปีศาจอย่างเขาทำได้ทุ่มเทกับการพัฒนาพลัง เขาจะไปมีจิตใจมีเมตตากับคนอื่นก่อนได้ไง?

ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดิปีศาจอย่างเขามักเชื่อว่ามีแค่คนอ่อนแอถึงอยู่กันเป็นกลุ่ม ส่วนผู้แข็งแกร่งจะอยู่อย่างสันโดษ ดังนั้น แม้กระทั่งในหมู่สัตว์อสูร สัตว์อสูรที่อาศัยกันเป็นกลุ่มก็คือสัตว์อสูรระดับต่ำ และสัตว์อสูรที่ไปถึงระดับห้าหรือหกนั้นจะอยู่กันลำพัง

เพราะการเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาจึงไม่คิดหามิตรสหาย

แต่ตอนนี้ เขาควรจัดการกับฉู่ฉู่ยังไง?

หลังคิดสักพัก จั๋วฝานก็จ้องตาฉู่ฉู่และอดยิ้มไม่ได้’พี่ชายตง ข้าคงต้องใช้ลูกไม้ของท่านอีกแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…พี่สาวฉู่ฉู่ ท่านอยากให้ข้าพูดออกมาจริงๆเหรอ?”จั๋วฝานเกาหัวอายๆ

ฉู่ฉู่ตกใจ ได้แต่สงสัยในหัวใจและดวงตาก็หรี่ลง”ทำไม เจ้ามีแรงจูงใจอะไรถึงเข้าหาข้า?”

“ข้าไม่สามารถพูดได้ว่ามันคือจุดประสงค์ ข้าแค่อยาก…อยู่ใกล้ท่าน”จั๋วฝานจับจมูก ใบหน้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง”พี่สาวฉู่ฉู่ ท่านพูดถูก ข้าไม่ใช่คนที่ชอบจับมิตรกับใครอื่น แต่..สาวงามเป็นข้อยกเว้น!”

ทันทีที่สิ้นเสียง จั๋วฝานก็มองฉู่ฉู่อย่างลุ่มหลง ฉู่ฉู่ตกตะลึง และสีแดงก็เริ่มลุกลามขึ้นหน้านาง

“เจ้า…เจ้ายังไม่เห็นหน้าข้าเลย แล้วเจ้ารู้ได้ไงว่าข้าเป็นสาวงาม?”ฉู่ฉู่เริ่มประหม่า คำพูดของนางกลายเป็นติดขัด

พอเห็นฉากนี้ จั๋วฝานก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้

พี่ชายตง ข้าต้องขอบคุณท่านอีกครั้ง ขอบคุณสำหรับประสบการณ์การจีบสาว!

จั๋วฝานยิ้มในใจ แต่ใบหน้ากลับยิ่งดูเสน่หา”พี่สาวฉู่ฉู่ ข้าได้บอกไปแล้วว่าดวงตาของท่านงดงามมาก ข้าจึงสรุปว่าท่านต้องเป็นสาวงามแน่ๆ!”

“ไร้สาระ ดวงตาสวยหรือไม่สวยไม่เกี่ยวกับหน้าตาเสียหน่อย!”ฉู่ฉู่รีบเบือนหน้าหนี ราวกับกลัวที่จะมองจั๋วฝานอีกครั้ง

จั๋วฝานอดแค่นเสียงไม่ได้ และหลังเป็นฝ่ายรุก เขาก็ยิ่งได้ใจ’ใครบอกว่าไม่เกี่ยว?แม่ของข้าบอกว่ายิ่งดวงตาของผู้หญิงสวย นางก็ยิ่งดูดี!”

“แม่ของเจ้าพูดจาไร้สาระ!”

“จริงเหรอ งั้นขอข้าดูหน่อยสิ!”

จั๋วฝานยิ้มและยกมือขึ้นเพื่อยกผ้าที่ปิดหน้าของฉู่ฉู่ขึ้น ฉู่ฉู่ตกใจ และรีบหลบไปไกล พูดอย่างตื่นตระหนก”อย่านะ ข้าน่าเกลียดมาก ข้ากลัวว่าจะทำให้เจ้ากลัว ถ้าเจ้ายังพูดไร้สาระไม่หยุด ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้า!”

ฉู่ฉู่ดูเหมือนจะกลายเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยที่โดนเสือไล่ล่า นางถอยไปมุมห้อง หน้าแดงก่ำและดวงตาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คำพูดข่มขู่ของนางไม่มีผลเอาซะเลย และไม่เย็นกับสง่างามเหมือนปกติ

พอเห็นอย่างนี้ จั๋วฝานก็หัวเราะออกมา.”พี่สาว ข้าสู้ท่านไม่ได้เสียหน่อย ท่านกลัวอะไร?”

พอได้ยิน ฉู่ฉู่ก็ดูเหมือนจะฟื้นคืนความสงบได้

นางมองจั๋วฝาน ส่ายหัวแล้วยิ้ม”ได้ อย่าพูดเรื่องตลกแบบนี้อีกในอนาคต ไม่ว่าเจ้าจะมีจุดประสงค์อะไรในการเข้าหาข้า ข้าก็จะไปจากที่นี่แล้วในไม่ช้า เราอาจไม่ได้เจอกันอีกในชีวิตนี้ มันไม่สำคัญหรอก”

“อะไรนะ ท่านจะไป?”

จั๋วฝานตกใจและวิตก สุดท้ายเขาก็พบที่อยู่ของยาหยกโพธิ์แล้ว แต่นางกำลังจะไป แล้วเขาจะไปหายาวิเศษแบบนี้ได้ที่ไหนอีก

“ท่านจะไปไหน?”จั๋วฝานพูด

“เจ้าไม่ต้องถาม ข้าจะไม่บอกเจ้าหรอก!”ฉู่ฉู่ส่ายหัวและหมุนตัว”นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมาเจอเจ้า เราคงไม่ได้เจอกันอีกในอนาคต.”

หลังพูด ฉู่ฉู่ก็ค่อยๆเดินออกนอกบ้าน

ดวงตาของจั๋วฝานหรี่ลง และความโหดเหี้ยมก็แวบผ่านตา ถ้าเจ้าอยากได้ยาหยกโพธิ์ เจ้าก็ต้องชิงมันมาเดี๋ยวนี้ แต่คู่ต่อสู้เองก็เป็นยอดฝีมือระดับนภา ถ้าการต่อสู้รุนแรงไปและดึงดูดยอดฝีมือคนอื่น มันจะจบไม่สวย เขาต้องจบในหนึ่งกระบวนท่า!

พอคิดได้ จิตสังหารในดวงตาของจั๋วฝานก็มลายหายไป จากนั้นก็แกล้งทำเป็นตะโกน”พี่สาวฉู่ฉู่ อย่าไปนะ!’

จั๋วฝานดูเหมือนจะยังอ่อนแอมาก และตอนเขายกตัวขึ้น เขาก็เซล้มลงบนเตียงดิน

เดิมที ด้วยร่างกายของเขาในฐานะผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกมันคงไม่เป็นไรต่อให้ตกจากที่สูงร้อยเมตร แต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง

ตอนนี้ หัวใจของฉู่ฉู่พลันตกไปที่ตาตุ่ม และนางก็หายตัวมาปรากฏข้างจั๋วฝาน จับตัวเขาไว้แน่น ตอนนี้ มุมปากของจั๋วฝานดูเหมือนจะยกโค้งขึ้นอย่างชั่วร้าย มือของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บและกรงเล็บก็กระแทกใส่คอของฉู่ฉู่

เขาคิดใช้กระบวนท่าหนึ่งเพื่อสะกดศัตรู บังคับให้นางส่งมอบยาหยกโพธิ์ ถ้านางไม่ยอมส่งมอบ เขาก็จะฆ่านาง

จั๋วฝานเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนดี

แต่ยังไงซะ นางก็เป็นถึงผู้บ่มเพาะนภา และฉู่ฉู่ก็อดตวัดตามองไม่ได้ตอนได้ยินเสียงแหวกลม นางหดคอโดยไม่รู้ตัว หลบการโจมตีของจั๋วฝาน

กรงเล็บดุร้ายพุ่งผ่านคอของฉู่ฉู่ คว้าชิ้นผ้าสีฟ้าบนหน้านาง เผยให้เห็นความงามไร้ผู้เทียบเคียงเหมือนดวงจันทร์สว่าง

ตอนจั๋วฝานเห็นว่าการโจมตีของเขาไม่สำเร็จ เขาก็ยังอยากลงมือต่อ แต่ตอนเขาเห็นหน้าของฉู่ฉู่ เขาก็ตกตะลึง

นางฟ้านางสวรรค์!

มีคำเพียงสี่คำในหัวใจของจั๋วฝาน ความงามของฉู่ฉีนับเป็นความงามที่สมบูรณ์แบบสุดที่เขาเคยเห็นมาในสองชีวิต เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ในโลกด้วย

นางเปรียบเสมือนเทพธิดา

จั๋วฝานอดตกตะลึงไม่ได้ ลืมเลือนจุดประสงค์เดิมไปเสียสนิท

ฉู่ฉู่เองก็ผงะ ราวกับไม่ตระนหักว่านั่นคือกระบวนท่าสุดท้ายของจั๋วฝาน แต่พอเห็นเขามองนางเหมือนคนโง่ แก้มของนางก็แดงและน้ำตาก็เอ่อล้นในดวงตาสดใสสองข้าง

เพี้ย!

นางตบหน้าจั๋วฝานปลิวไปกระแทกกำแพง ฉู่ฉู่หยิบผ้าสีฟ้าที่ตกพื้นขึ้นมาอย่างวิตก ปิดหน้านางและวิ่งออกไป

แต่รอยน้ำตาหยดบนพื้นกลับเห็นได้ชัด!

“กะ..เกิดอะไรขึ้น?”

จั๋วฝานลูบแก้มที่บวมของเขา ลูบมันอย่างแรง แต่ยังไม่สามารถสะบัดไล่ใบหน้าของนางออกไปจากหัวได้

“ไม่คิดเลยว่าจะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ในโลกด้วย ข้าชมนางแบบประจบประแจง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจริง ผู้หญิงตาสวยคือสาวงาม โดยเฉพาะนาง นางคือสาวงามอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง”

จั๋วฝานถอนหายใจ ใบหน้าของเขาดูเหมือนคนโง่ เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครในโลกที่สามารถเทียบเคียงกับนางได้!

ทันใดนั้น จั๋วฝานก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้และรีบวิ่งไปประตู แต่มองไม่เห็นฉู่ฉู่อีกแล้ว แม้กระทั่งลมหายใจของนางก็ยังหายไป

พี่สาว ทิ้งยาหยกโพธิ์ไว้ให้ข้าก่อน!

จั๋วฝานอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เบาะแสของเขาหายไปอีกแล้ว!

จั๋วฝาน เจ้าเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไม่ลงมือ?หรือว่าบิดาเองก็เป็นพวกหื่นกาม?ข้าไม่สามารถเดินได้ตรงตอนเห็นสาวงาม?

จั๋วฝานลอบก่นด่าตัวเองและถอนหายใจ