ตอนที่ 57 ซุปเปอร์แมน?

“คุณชายหลิน คุณถือบัตรสมาชิกสีดำระดับซุปรีมใบนี้ วันหน้าสามารถมาเที่ยวโกลเดนพาเลซได้โดยไม่ต้องเสียงเงินแม้แต่หยวนเดียว..”
หลิวหยิงหยิงอธิบายต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไม่เพียงแค่นั้น ทั้งโรงแรมและสถานบันเทิงต่างๆในเครือของเรา คุณชายหลินก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน!”
“โอ้โห.. ได้รับสิทธิพิเศษมากมายขนาดนั้นเชียวเหรอ?” หลินหนานร้องอุทานออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย
เท่ากับว่ามีบัตรใบนี้ เขาก็สามารถเบ่งกินฟรีได้อย่างสบายๆ หลินหนานรีบเก็บบัตรสีดำทองเข้าไปในกระเป๋าเงินของตนเองทันที หลิวหยิงหยิงถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกกังวลว่า ตนเองจะไม่สามารถมอบของกำนัลได้สำเร็จ นั่นเพราะการได้พบเจอและตีสนิทกับยอดฝีมืออย่างหลินหนาน ด้วยการมอบบัตรสีดำล้ำค่านี้ให้นั้น ในทางธุรกิจนับว่ามีแต่ได้ไม่มีขาดทุน..
“คุณชายหลิน พวกเราไม่รู้จริงๆว่าคุณชายเป็นสหายของเถ้าแก่หลิว เป็นพวกเราเองที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วย!” หมาป่าเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
นับว่าหัวของมันใคร่ครวญทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก การที่หลินหนานได้รับบัตรสมาชิกดำทองจากเถ้าแก่หลิวเช่นนี้ จะตีความหมายเป็นอื่นใดไปได้อีก.. หากไม่ใช่ ทั้งสองคนสนิทสนมจนแทบใช้จมูกหายใจร่วมกัน!
การมีเรื่องกับหลินหนาน ย่อมหมายถึงการมีเรื่องกับเถ้าแก่หลิว และอำนาจอิทธิพลที่สนับสนุนเธออยู่!
และต่อให้หมาป่าเก่งกาจมากเพียงใด เขาย่อมไม่กล้าแตะต้องอำนาจอิทธิพลของเถ้าแก่หลิวเป็นแน่!
ด้วยเหตุนี้ หมาป่าจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้เสียเอง!
หลินหนานรู้ดีว่า การที่จู่ๆหมาป่าเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อตนเองอย่างรวดเร็วนั้น เป็นเพราะเกรงกลัวต่ออำนาจอิทธิพลของหลิวหยิงหยิง
“นี่แกหมายความว่า ถ้าวันนี้ฉันไม่ใช่สหายของเถ้าแก่หลิว ฉันจะไม่สามารถกลับออกไปได้สินะ?” หลินหนานเอ่ยถามขึ้น
สีหน้าของหมาป่าถึงกับเปลี่ยนไปทันที!
ไอ้น้องชาย.. ต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวจะดีกว่า!
แต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้น แต่หมาป่าก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ จึงได้แต่บอกไปว่า “คุณชายหลิน ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน!”
หลังจากพูดจบ.. หมาป่าก็รีบนำลูกน้องทั้งหมดออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว!
หลังจากนั้น ชายฉกรรจ์ทั้งห้าสิบกว่าคน ต่างก็พากันแยกย้ายกลับออกไปคนละทาง ราวกับนกแตกรัง
หลินหนานเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า และคิดในใจว่า ‘ก็แค่พวกหมาหมู่!’
“คุณชายหลิน ฉันคงต้องกลับเข้าไปแล้ว หวังว่าจะได้พบคุณชายหลินที่นี่อีกครั้งนะคะ!” หลิวหยิงหยิงร้องบอกหลินหนาน พร้อมกับขยิบตาให้กับเขา
“แน่นอนครับ!” หลินหนานพยักหน้า
หลิวหยิงหยิงหันหลังเดินกลับเข้าไปยังโกลเดนพาเลซ ส่วนเหยาไห่กลับเดินเข้าไปหาหลินหนาน พร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา
“คุณชายหลิน ต้องการให้ผมช่วยจัดการกับอ้ายฉางเจียงแทนมั๊ยครับ?”
ระหว่างที่ถามนั้น สีหน้าและแววตาของเหยาไห่มีประกายดุดัน และรังสีสังหารปรากฏออกมาด้วย
“ไม่จำเป็น ฉันจัดการเองได้! หมอนี่กระจอกจะตาย..” หลินหนานโบกมือปฏิเสธ พร้อมตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ครับ” เหยาไห่พยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในโกลเดนพาเลซเช่นกัน
ส่วนหลินหนานเดินตรงไปที่ถนนใหญ่ด้านหน้า เพื่อเรียกแท๊กซี่กลับไปที่หมู่บ้านหมิงเหมินวิลล่า แม้ว่าฐานะสามีของเขาจะเป็นเพียงแค่ภาพ แต่อย่างน้อยด้วยบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ เขาจึงต้องกลับไปบ้าน
หลินหนานยืนอยู่หน้าสี่แยก แต่ในขณะที่เขากำลังจะยกมือขึ้นโบกเรียกแท๊กซี่นั้น จู่ๆ รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งก็บีบแตรใส่เสียงดัง เป็นรถยี่ห้อ Mercedes-Maybach S650
หลินหนานสังเกตเห็นว่า ชายคนขับก็คือหนุ่มร่างอ้วนที่ชื่อว่าหวังชางหยาง ส่วนคนที่นั่งข้างๆเขาก็คือแฟนสาวที่มาด้วย เบาะหลังด้านซ้ายมือเป็นถังจินซ่ง ส่วนซ้ายมือเป็นหญิงสาวสวมเสื้อสเว็ตเตอร์คนหนึ่งอยู่
หญิงสาวคนนี้กำลังนอนพิงศรีษะกับเบาะรถคล้ายคนเมาหมดสติ แต่เป็นเพราะผมที่ยาวนั้นร่วงลงมาปิดบังใบหน้าของเธอไว้ ทำให้หลินหนานไม่สามารถเห็นหน้าของหญิงสาวได้
แต่สายตาของเขากลับเหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือสีแดงที่ข้อมือของหญิงสาว แววตาของเขาถึงกับเป็นประกายสะท้านขึ้นมาทันที!
นั่นมันเย่เข่อเอ๋อนี่!!
สร้อยข้อมือสีแดงมีจี้รูปแกะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราศีประจำตัวนี้ เย่เฟิงชุนเป็นคนสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อมอบให้เป็นของขวัญกับเย่เข่อเอ๋อ จึงมั่นใจได้ว่ามีอยู่เพียงเส้นเดียวอย่างแน่นอน และหลินหนานก็เห็นจนคุ้นตา
“ทำไมเย่เข่อเอ๋อถึงได้ไปอยู่ในรถของหวังชางหยางได้?”
“นี่เธอดื่มจนเมามายไม่ได้สติขนาดนี้เชียวเหรอ? แต่…”
“หรือว่า…”
เมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของหลินหนาน เขาจึงรีบวิ่งตามรถสปอร์ตคันหรูไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องตะโกนเรียกเสียงดัง
……
ภายในรถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรู หวังชางหยิงขับรถด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างนั้นลูบไล้แขนของแฟนสาวชุดแดง ปากก็ร้องตะโกนถามออกไปว่า
“เป็นยังไงบ้างล่ะคุณชายถัง เชื่อผมรึยัง? ผมบอกแล้วยังไงว่ายานี้แรงมาก!”
ถังจินซ่งเหลือบมองเย่เข่อเอ๋อที่กำลังหลับสนิท พร้อมกับร้องตะโกนตอบหวังชางหยางกลับไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก
“ครั้งนี้นายทำได้ดีมาก!”
“ฮ่าๆๆ ขอแสดงความยินดีกับคุณชายถังล่วงหน้า ไม่สิ! ผมคงต้องเรียกคุณชายถังว่า ลูกเขยคนรองของตระกูลเย่แล้วสินะ!” หวังชางหยางหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน
“มิกล้า.. มิกล้า..” ถังจินซ่งตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่พึงพอใจอย่างมาก
“คุณชายถัง ผมจะพาคุณไปส่งที่โรงแรมฮิลตัน แต่ผมขอเตือนไว้ก่อน คุณคงต้องเตรียมตัวรับมือไว้ให้ดี เพราะยานี้รุนแรงมากเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ!” หวังชางหยางร้องบอกพร้อมกับยักคิ้วให้
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ร่างกายของฉันแข็งแรงมาก! จัดให้ได้ถึงสามสี่ครั้งตลอดทั้งคืนเลยล่ะ!” ถังจินซ่งแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหาย
“ผมนี่อิจฉาคุณจริงๆ! คืนนี้จะได้เข้าห้องหอกับเย่เข่อเอ๋ออย่างดุเดือด! ฮ่าๆๆๆ” หวังชางหยางถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
ในขณะที่ถังจินซ่งเองก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข พร้อมตอบกลับไปว่า “ขนาดผมเอง ยังอดที่จะอิจฉาตัวเองไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ”
ผู้คนในสังคมชั้นสูงรักสิ่งใดยิ่งกว่าเงินงั้นเหรอ? แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเกียรติยศ และหน้าตาในสังคม!
หากผ่านคืนนี้ไป เย่เข่อเอ๋อก็จะกลายเป็นหญิงสาวที่มีตำหนิด้วยฝีมือของถังจินซ่ง หากตระกูลเย่กล้าป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป แน่นอนว่าชื่อเสียงของเย่เข่อเอ๋อย่อมต้องเสียหาย ผู้คนทั่วทั้งเจียงไฮวก็จะได้รับรู้เรื่องฉาวโฉ่ของเธอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะมีผู้ชายคนใดอยากแต่งงานกับหญิงมีตำหนิอีกเล่า?
อีกทั้งตระกูลถังก็เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งอย่างมาก และสามารถบดขยี้ตระกูลเย่ให้แหลกเหลวได้อย่างไม่ยากนัก และหากตระกูลเย่เลือกที่จะมีปัญหากับตระกูลถังแล้วล่ะก็ ผู้ที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบย่อมต้องเป็นตระกูลเย่
ฉะนั้น ทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลเย่ก็คือ ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม และจัดงานแต่งงานให้กับเย่เข่อเอ๋อในทันที
และถึงเวลานั้น ถังจินซ่งก็จะได้หญิงสาวที่หน้าตาสะสวยอย่างเย่เข่อเอ๋อมาเป็นภรรยาสมใจ!
ถังจินซ่งรู้สึกว่า หมากเกมนี้เขาเดินได้อย่างสวยงาม..
แต่ในระหว่างที่ถังจินซ่งกำลังวาดฝันงดงามอยู่นั้น จู่ๆ หญิงสาวชุดแดงที่นั่งข้างคนขับ ก็กรีดร้องออกมาเสียงดังจนทุกคนในรถต่างก็ตกอกตกใจ!
ถังจินซ่งถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย “หวังชางหยาง.. สั่งแฟนนายให้หยุดที ฉันตกใจแทบตาย!”
“มิเชล.. นี่เธอแหกปากร้องตะโกนทำไมกัน? ไม่เห็นหรือยังไงว่าฉันกำลังขับรถอยู่!!” หวังชางหยางตะคอกหญิงสาวด้วยความโมโห
แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวชุดแดงจะเห็นอะไรบางอย่างที่น่าตกใจ..
“คุณ.. คุณเห็นอะไรมั๊ย?!!”
มิเชลร้องตะโกนถาม พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ ส่วนมืออีกข้างก็ชี้ไปที่กระจกข้างรถ
หวังชางหยางเหลือบมองไปที่กระจกข้างทันที แล้วเขาก็ตกใจจนแทบปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากพวงมาลัยรถ
เพราะเวลานี้ มีใครบางคนกำลังวิ่งตามรถของเขามาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ คนผู้นั้นวิ่งมาด้วยความเร็วราวกับเสือชีต้าห์ และที่สำคัญ.. ระยะห่างระหว่างรถกับคน ก็แคบลงเข้ามาเรื่อยอีกด้วย!
หวังชางหยางเหลือบมองเข็มความเร็วที่หน้าปัดรถทันที และเวลานี้รถของเขาก็แล่นอยู่ที่ความเร็ว 90 ไมล์ต่อชั่วโมง!
นี่มันนักวิ่งแข่งขันโอลิมปิคหรือยังไง?
ไม่สิ! สถิติของนักวิ่งแชมป์โอลิมปิคยังอยู่แค่ 40 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง!
หรือว่านี่มันไม่ใช่คน!
ซุปเปอร์แมนหรือไงวะ?!!