ตอนที่ 294 – สารสกัดหยกเพลิงประกาย
“ตาแก่เฟิ่ง!” ได้ยินเพียงเสียงตะโกนที่มีความโกรธแค้นในน้ำเสียงถึงสิบส่วน ความเร็วแสงหลบหนีของประมุขเต๋าจิ้งเหอจู่ ๆ ก็เร่งขึ้นมา พุ่งมาถึงตรงหน้าในพริบตา น้ำเต้าหลีหั่วหลุดจากมือมาแขวนอยู่เบื้องหน้า เอ่ยด้วยเสียงโมโหว่า “ท่านกล้าแตะต้องศิษย์ข้า!”
เฟิ่งเซียวยังไม่ส่งเสียง ติงหลวนยิ้มเอ่ยขึ้นมาแล้วว่า “จิ้งเหอเต้าเกอ* อย่ากังวล สามีเพียงหยอกล้อเด็กบ้านท่านเล็กน้อยเท่านั้น”
“หยอกล้อรึ” ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็มิใช่คนสมองช้า มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็รู้คร่าว ๆ แล้วว่าเกิดเรื่องอะไร น้ำเสียงก็ผ่อนคลายลง “ได้ พวกท่านสองสามีภรรยาก็ไม่ต้องเล่นอุบาย ในเมื่อพวกท่านปกป้องเขาคราหนึ่งก็ถือเสียว่าเปิ่นจวิน** ติดค้างน้ำใจพวกท่านหนึ่งครั้ง”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว เฟิ่งเซียวหัวเราะฮา ๆ สองนิ้วชี้ออกปราดหนึ่ง พลังวิญญาณสายหนึ่งจี้ลงไปยังจุดเจียนจิ่งของฉินซี ฉินซีซึ่งเมื่อครู่ชีพจรปราณถูกสกัดจนขยับไม่ได้สักก้าวในที่สุดก็ขยับเขยื้อนช้า ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา
เขาคารวะไปทางเฟิ่งเซียว มิได้ไม่เคารพสักครึ่งส่วน “ขอบคุณผู้อาวุโสเฟิ่งมากขอรับ” เฟิ่งเซียวเพิ่งจะลงมือใส่เขาเป็นการคิดจะอาศัยเขาควบคุมประมุขเต๋าจิ้งเหอ ประมุขเต๋าจิ้งเหอมีคุณธรรมมาก ดังนั้นเฟิ่งเซียวสามีภรรยาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เลือกที่จะร่วมมือกับประมุขเต๋าจิ้งเหอ
ฉินซีคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นยังคงเคารพนอบน้อมต่อเฟิ่งเซียว ระหว่างผู้ฝึกตนเดิมก็มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกันมากมายอยู่แล้ว ในเมื่อซือฟุเลือกจะร่วมมือกับพวกเขาสองสามีภรรยา เช่นนั้นตอนนี้ก็คือสหาย เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาไม่มีเหตุผลให้ไม่เคารพต่อเฟิ่งเซียว
เฟิ่งเซียวยิ้มแย้มพยักหน้า ติงหลวนกลับยิ้มหวานให้ประมุขเต๋าจิ้งเหอเอ่ยว่า “จิ้งเหอเต้าเกอ เด็กบ้านท่านช่างเฉลียวฉลาดนัก ข้าชมชอบจริง ๆ มิสู้ให้มาเป็นลูกเขยข้าเป็นไร เฟิ่งหนิงบ้านข้าถึงจะเอาแต่ใจอยู่บ้างแต่ก็เป็นกูเหนียงที่ดีคนหนึ่ง”
ไม่กี่ลมหายใจ จากการลองเชิงกันถึงร่วมมือกันถึงปรึกษาการแต่งงาน ฝูหลิงพรตเฒ่าและพวกซึ่งเดิมทีบินอยู่ข้างหน้ายังเร่งมาไม่ถึง หัวข้อสนทนาของพวกเขาไม่รู้ว่าโดดไปถึงไหนแล้ว
ฉินซีทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนี้ เดินกลับไปยังข้างกายประมุขเต๋าจิ้งเหอ “ซือฟุ”
“อืม” ประมุขเต๋าจิ้งเหอเห็นเขามีเพียงคนเดียวจึงเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ “เทียนเกอเล่า”
ฉินซีกำลังกังวลใจกับเรื่องนี้ “ข้ากับเทียนเกอพลัดหลงกัน ซือฟุ ในเมื่อท่านมาแล้ว ข้าไปหานาง……”
“รอเดี๋ยว!” ประมุขเต๋าจิ้งเหอยกมือขึ้นห้าม ขมวดคิ้วพูดว่า “อย่าเคลื่อนไหวส่งเดช ที่นี้เป็นส่วนลึกของซากโบราณสถานเหล่าเซียน พวกเจ้าเดิมไม่สมควรมา ในเมื่อมาแล้วก็รอไปก่อน ซือฟุแก้ไขเรื่องทางนี้แล้วจะไปหาเทียนเกอกับเจ้า!”
“แต่ว่า……” ฉินซีเพียงพูดได้สองคำ เห็นสีหน้าของประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ได้แต่ถอนหายใจ ยอมรับชะตา “ทราบแล้วขอรับ”
เขาย่อมรู้ว่าสิ่งที่ซือฟุพูดนั้นถูกต้องแล้ว ในที่นี้มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากขนาดนี้ เห็นได้ว่าเมื่อครู่นี้หมอกหนาได้พาเดินผิดทิศทางหลงเข้ามายังส่วนลึกของซากโบราณสถานเหล่าเซียน ขณะนี้เขาไม่เหมาะจะเคลื่อนไหวตามลำพังตัวแล้ว แต่เมื่อคิดถึงว่าเทียนเกอยังอยู่ในหมอกหนา คนคนเดียวหาทิศทางไม่พบ เขาก็รู้สึกจิตใจร้อนรนดั่งไฟเผา
เห็นท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเขา ประมุขเต๋าจิ้งเหอไหนเลยจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก ทว่าไปตอบคำถามเมื่อครู่ของติงหลวนว่า “คำพูดนี้ท่านพูดช้าไปแล้ว เฟิ่งหนิงบ้านท่านถึงจะไม่เลว แต่น่าเสียดายที่เด็กบ้านข้ามีคนในใจแล้ว”
“หา?” ติงหลวนประหลาดใจอยู่บ้าง เหลือบมองฉินซีหนึ่งที เอ่ยล้อเล่นว่า “น่าเสียดายโดยแท้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นกูเหนียงบ้านใด?”
“ฮา ๆ น้ำอุดมไม่ไหลเข้านาผู้อื่น โชคไม่ดีที่ยังคงเป็นศิษย์ข้า……”
คำพูดภาคภูมิใจของประมุขเต๋าจิ้งเหอเพิ่งจะพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ได้ยินเสียงอึมครึมว่า “พวกเจ้าสามคนช่างใจร้อนนัก เวลาประเดี๋ยวเดียวแค่นี้ก็คุยเรื่องแต่งงานแล้วรึ”
เสียงนี้พอดีเป็นซงเฟิงซ่างเหริน ศิษย์ของตัวเขาเองถูกฉินซีสังหาร ตอนนี้เห็นประมุขเต๋าจิ้งเหอกับสามีภรรยาหลวนเฟิ่งคุยถึงลูกศิษย์กับลูกสาวก็รู้สึกเคียดแค้นจนปวดฟัน
ติงหลวนดันยังจะราดน้ำมันเข้ากองไฟ ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “ตาแก่ซงเฟิง ตัวท่านเองไม่มีเด็กเลยอิจฉาหรือ มีความพยายามเช่นนี้มิสู้ไปให้กำเนิดสักคน…… อ้อ ไม่ถูก ด้วยร่างกายที่คนไม่ใช่คนผีไม่ใช่ผีปีศาจไม่ใช่ปีศาจมารไม่ใช่มารนี้ของท่าน เกรงว่าให้กำเนิดไม่ได้สินะ?”
“เจ้า–” ซงเฟิงซ่างเหรินโทสะรุนแรงขึ้นมาทันที ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มขยายตัวใหญ่ กลายมาเป็นดาบยาวอีกครั้ง
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนอื่นทยอยปิดแสงหลบหนี แต่ละคนจับจ้องซงเฟิงซ่างเหรินด้วยสีหน้าไม่ชมชอบ
พรตเฒ่าฝูหลิง, ผู้อาวุโสกระบี่เซียวเหอแห่งสำนักกู่เจี้ยน ผู้ฝึกตนอิสระนักเดินทางชิงหมิง ประมุขเต๋าหัวเหยียนโรงเรียนเสวียนชิง เฮยเฟิงเต้าเหรินแห่งสำนักเทียนเต้า หลู่ต้าฉวน…… ถึงแม้คนเหล่านี้นอกจากพรตเฒ่าฝูหลิงล้วนเป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้น แต่ประมุขเต๋าจิ้งเหอ, ติงหลวน, เฟิ่งเซียว, พรตเต๋าจี้สี่คนเป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางตัวจริงเสียงจริง
ซงเฟิงซ่างเหรินชะงักไปชั่วครู่ ร้องหึเสียงเย็นแต่ไม่ทักทายสักคำก็กลายร่างเป็นเมฆดำหนึ่งก้อนจากไปเสียแล้ว
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สิบคนในที่นั้นล้วนโล่งอก พวกเขาคนมาก ถึงจะไม่กลัวซงเฟิงซ่างเหริน แต่ตาแก่นี่กลับเป็นคนบ้า หากปะทะกันขึ้นมาจริง ๆ ด้วยนามของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายอันดับหนึ่งของเทียนจี๋ ถึงจะแพ้ พวกเขาก็จะต้องเสียคนไปบ้าง อีกทั้งเป็นไปได้มากว่ายังจะสังหารเขาไม่ได้ ขณะนี้เขาจากไปด้วยตนเองดีจนไม่รู้จะดีกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว
ซงเฟิงซ่างเหรินพอไป พรตเฒ่าฝูหลิงที่เพิ่งจะมาก็หัวเราะเหอ ๆ คำนับให้คนทั้งหลาย “สหายเต๋าเฟิ่ง สหายเต๋าติง สหายเต๋าจี้ สหายเต๋าจิ้งเหอ ท่านทั้งหลาย นี่ทำอะไรกันหรือ”
ตอนการก่อจลาจลของสัตว์ปีศาจ โม่เทียนเกอและเยี่ยจิ่งเหวินเควมีเรื่องไม่ลงรอยกับสำนักกู่เจี้ยน ดังนั้นทัศนคติที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอมีต่อพรตเฒ่าฝูหลิงนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เพียงยกมือให้พรตเฒ่าฝูหลิงอย่างไม่อินังขังขอบถือเสียว่าเป็นการคำนับตอบ
ติงหลวนกลับยิ้มเอ่ยว่า “สหายเต๋าฝูหลิง มิได้พบกันนาน ที่จริงก็ไม่มีอะไร ข้าสามีภรรยากับสหายเต๋าจี้เพิ่งจะค้นพบสิ่งของเล็กน้อยเท่านั้น”
“จริงหรือ” ในดวงตาของพรตเฒ่าฝูหลิงเกิดประกายแสงขึ้นวูบหนึ่ง แต่ภายใต้รอยยิ้มของติงหลวนกับเฟิ่งเซียว ประกายแสงสายนี้หม่นแสงลงไปอย่างรวดเร็ว ยังคงหัวเราะเหอ ๆ “สหายเต๋าทั้งสองวางใจ พวกท่านสองสามีภรรยาร่วมมือกัน ข้าพรตเฒ่าไหนเลยจะมีที่ให้สอดมือ เพียงแค่คิดจะเปิดหูเปิดตา ท่านทั้งหลายคงไม่ปฏิเสธสินะ”
ติงหลวนยิ้ม กล่าวอย่างแช่มช้าว่า “สหายเต๋าฝูหลิงเอ่ยวาจาใดกัน ก็มิใช่ของดีอะไร เพียงแค่เป็นสารสกัดหยกเพลิงประกายก้อนหนึ่งเท่านั้น คิดว่าสิ่งของนี้ไม่มีประโยชน์ต่อสหายเต๋า”
“อ้อ……” ประกายแสงในดวงตาพรตเฒ่าฝูหลิงดับวูบไปตามคาด สารสกัดหยกเพลิงประกายเป็นของดี เป็นวัตถุดิบหายากในการหลอมสร้างอาวุธเวทสายอัคคี แต่ว่าเขาเป็นผู้ฝึกกระบี่ สิ่งของนี้สำหรับผู้ฝึกกระบี่ไม่มีประโยชน์อะไร
กลับเป็นฉินซีที่อยู่ข้างกายประมุขเต๋าจิ้งเหอแววตาเจิดจ้าขึ้นมา
สายตาของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางแหลมคมเพียงใด สายตาของติงหลวนจับอยู่ที่ร่างของฉินซีทันที ยิ้มถามว่า “เด็กสกุลฉิน หรือว่าเจ้ามีความสนใจต่อสารสกัดหยกเพลิงประกายนี้ อ้อ จริงสิ พวกเจ้าสองศิษย์อาจารย์ล้วนฝึกทักษะเวทสายอัคคี”
ถึงแม้วาจาจะเมตตา สายตาของติงหลวนกลับเหลือบมองประมุขเต๋าจิ้งเหออย่างเฉยชา ความหมายไม่ต้องอธิบาย
ประมุขเต๋าจิ้งเหอร้องหึคำหนึ่ง กล่าวว่า “พวกท่านสองสามีภรรยาไม่ต้องทดสอบ คำพูดที่เปิ่นจวินพูดออกมาเคยกลับมาเสียดายเมื่อใดกัน”
ในระหว่างผู้ฝึกตน เรื่องราวการต่อสู้วางอุบายต่อกันมากมายยิ่ง แต่ผู้ฝึกตนยิ่งระดับสูงยิ่งให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญา เมื่อพูดออกจากปากมักจะไม่แปรเปลี่ยนกลับกลาย นอกเสียจากเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่
สารสกัดหยกเพลิงประกายหนึ่งก้อนเป็นสิ่งที่พอจะอยู่ในขอบเขตนี้แล้ว ติงหลวนเฟิ่งเซียวจึงมีเจตนาจะทดสอบประมุขเต๋าจิ้งเหอ แต่พวกเขาก็รู้ว่าฉินจิ้งเหอผู้นี้ถึงจะมีนิสัยน่ารำคาญแต่พูดคำไหนคำนั้นมาตลอด เมื่อครู่ไม่รู้ว่าเป็นสารสกัดหยกเพลิงประกาย รู้แล้วยังพูดเช่นนี้จะต้องไม่มาแย่งชิงกับพวกเขาแล้ว
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางห้าคนในที่นี่ พรตเฒ่าฝูหลิงไม่สนใจ ประมุขเต๋าจิ้งเหอไม่ยื้อแย่ง ที่เหลือคือพวกเขากับพรตเต๋าจี้เป็นพวกพ้อง ย่อไม่มีภัยคุกคามอื่นแล้ว เฟิ่งเซียวกุมมือให้คนอื่น ๆ “ขอบคุณทุกท่านมาก” พูดแล้วก็ส่งความหมายทางสายตาให้พรตเต๋าจี้ พรตเต๋าจี้พยักหน้า กระโจนลงไปจากปากปล่องภูเขาไฟ
พรตเต๋าจี้ไปเอาสารสกัดหยกเพลิงประกาย ติงหลวนกวาดตารอบหนึ่ง เห็นว่าด้านหลังพรตเฒ่าฝูหลิงติดตามมาด้วยชายหนุ่มสร้างฐานพลังหน้าตาบอบบางที่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ยิ้มถามว่า “สหายเต๋าฝูหลิง รับศิษย์ใหม่เมื่อใดหรือ”
พรตเฒ่าฝูหลิงเหลือบมองชายหนุ่มด้านหลัง ลูบเคราเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “สหายน้อยผู้นี้ไม่ใช่ศิษย์ข้า”
“เช่นนั้นหรือ” ติงหลวนประหลาดใจอยู่บ้าง “ท่านใจดีเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ไม่ใช่ศิษย์ท่านยังถึงกับพามาภูเขามาร?”
“ฮา ๆ!” พรตเฒ่าฝูหลิงท่าทางอารมณ์ค่อนข้างดี “บอกท่านก็มิเป็นไร แต่ว่า สหายเต๋าติง พวกท่านสามีภรรยาไม่อาจแย่งชิงกับข้านะ!”
เฟิ่งเซียวยิ้มบาง ๆ เอ่ยว่า “สหายเต๋าฝูหลิงพูดอันใด พวกเราสามีภรรยามีบุตรี หรือว่าจะให้แย่งสหายน้อยผู้นี้ไปเป็นลูกเขยกันเล่า”
“คำพูดนี้ก็ไม่แน่” พรตเฒ่าฝูหลิงกลับยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
สีหน้านี้ของเขาลึกลับเกินไปแล้ว ดังนั้นสามีภรรยาหลวนเฟิ่งรวมทั้งประมุขเต๋าจิ้งเหอและพวกจึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยจิตหยั่งรู้ออกไปสำรวจชายหนุ่มผู้นั้น หลังจากการสำรวจนี้ สีหน้าของหลายคนแปรเปลี่ยนกันหมด
ผ่านไปพักใหญ่ ติงหลวนพึมพำกับตนเองว่า “ร่างหยางบริสุทธิ์……”
เมื่อได้ยินสี่คำนี้ ฉินซีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที อดมองไปทางชายหนุ่มนี้มิได้
พรตเฒ่าฝูหลิงกลับยิ้มแย้มไม่เอ่ยวาจา ภาคภูมิใจถึงสิบส่วนอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่กังวลว่าคนอื่นจะแย่งคนกับเขา จะอย่างไรร่างหยางบริสุทธิ์ก็มีประโยชน์กับเพียงผู้ฝึกตนสตรี ผู้ฝึกตนสตรีในที่นี้มีเพียงติงหลวนคนเดียว มีคู่ฝึกตนร่วมสัมพันธ์แต่แรกแล้ว ถึงพวกเขาจะมีบุตรสาวแต่รักใคร่ดั่งสมบัติ คาดว่าจะไม่หาเตาหลอมให้บุตรีลวก ๆ คนอื่นที่มีศิษย์สตรีก็ต้องคิดถึงผลตามหลังจากการแย่งคนกับเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิ่งเซียวเอ่ยว่าชืดชาว่า “สหายเต๋าฝูหลิงโชคดีโดยแท้ ร่างหยางบริสุทธิ์พันปียากเสาะหา อยากจะนำไปเป็นเตาหลอมให้ศิษย์หรือ”
เมื่อได้ยินคำว่าเตาหลอมสองคำ ชายหนุ่นนั้นยิ่งหวาดกลัว
พรตเฒ่าฝูหลิงยิ้มเอ่ยว่า “เตาหลอมยังไม่เท่าไหร่ สหายน้อยนี้คุณสมบัติก็ไม่เลว รับเข้าสำนักก็มิเป็นไร”
“เช่นนั้นหรือ” ติงหลวนยังอยากจะพูดอีก แต่พรตเต๋าจี้ปรากฏตัวขึ้นที่ปากปล่องภูเขาไฟแล้วจึงหยุดพูดหัวข้อนี้
สายตาพรตเต๋าจี้ทอดมองผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทุกคนตรงหน้าอย่างระแวดระวังแล้วจึงโยนสารสกัดหยกเพลิงประกายในมือออกไปเบา ๆ
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายถึงไม่มีเจตนาจะแย่งชิงแต่ยังไม่ได้จากไป ย่อมมีความสนใจต่อสารสกัดหยกเพลิงประกายนี้ อยากจะเห็นว่าสารสกัดหยกเพลิงประกายที่งอกเงยจากซากโบราณสถานเหล่าเซียนนี้สรุปแล้วมีลักษณะอย่างไร ขณะนี้พอเห็นสารสกัดหยกเพลิงประกายก้อนนี้ที่พรตเต๋าจี้โยนออกมา สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องตรง ๆ
ในแววตาพรตเฒ่าฝูหลิงไหววูบ แม้แต่ประมุขเต๋าจิ้งเหอยังสั่นคลอน สารสกัดหยกเพลิงประกายก้อนนี้สมบูรณ์เกินไปแล้วจริง ๆ! ขนาดสองกำปั้น สีแดงเพลิงเปล่งประกาย บริสุทธิ์ถึงที่สุด! สารสกัดหยกเพลิงประกายเช่นนี้ พวกเขายังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“ผู้อาวุโสทั้งสาม” คนแรกสุดที่เอ่ยปากกลับเป็นฉินซี
สายตาของสามีภรรยาหลวนเฟิ่งและพรตเต๋าจี้จับจ้องเขาอย่างตื่นตัว
ฉินซีน้ำเสียงสงบนิ่ง กล่าวว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทั้งสามเพียงมีความสนใจต่อสารสกัดหยกเพลิงประกายหรือไม่”
ทั้งสามคนตะลึงไป ยังคงเป็นติงหลวนที่ยิ้มเอ่ยว่า “เด็กสกุลฉิน คำพูดนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร”
ฉินซีเอ่ยว่า “สารสกัดหยกก้อนใหญ่ขนาดนี้ งอกเงยอยู่ที่นี่อย่างต่ำที่สุดก็หลายหมื่นปี เพียงพอจะมีแร่อวี้สุ่ยงอกเงยออกมาแล้ว ถ้าหากมีแร่อวี้สุ่ย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทั้งสามจะยินยอมสละให้หรือไม่ ผู้เยาว์ยินดีจะใช้สมบัติอื่น ๆ แลกเปลี่ยน”
“แร่อวี้สุ่ย?” ประมุขเต๋าจิ้งเหอจิตใจสั่นไหว ในแววตาก็มีความกระตือรือร้นอยู่บ้าง “มิผิด เจ้าสารสกัดหยกนี้ดีเยี่ยมขนาดนี้ ถ้าหากมีแร่อวี้สุ่ยงอกเงยจะต้องไม่เลวเลย”
ได้ยินคำพูดนี้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางทั้งสามหันไปสบตากัน แร่อวี้สุ่ยถึงจะหายากเหมือนกัน แต่เทียบกับสารสกัดหยกเพลิงประกายนี้แล้วไม่นับเป็นอะไรเลย
ติงหลวนจึงเอ่ยว่า “ที่แท้สิ่งที่เจ้าต้องการคือแร่อวี้สุ่ย หากในสารสกัดหยกก้อนนี้มีแร่อวี้สุ่ยงอกเงยจะยกให้เจ้าก็มิเป็นไร”
ฉินซียิ้ม โค้งคำนับขอบคุณ “ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสามมากขอรับ”
ได้ยินสองคนพูดโต้ตอบกันแล้ว ในแววตาพรตเฒ่าฝูหลิงและพวกเกิดความเสียดายแวบขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อพบว่าสารสกัดหยกเพลิงประกายยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ในใจของพวกเขาล้วนมีความละโมบ หากกลุ่มฉินจิ้งเหอปะทะกับสามคนนี้ พวกเขาก็จะสามารถจับปลาในน้ำขุ่น น่าเสียดายที่สิ่งที่เด็กสกุลฉินต้องการคือแร่อวี้สุ่ย ติงหลวนก็ยกให้เป็นน้ำใจไปอีก ดูท่าจะไม่เกิดการต่อสู้แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้ พรตเฒ่าฝูหลิงกุมมือให้ทุกคน “ในเมื่อไร้เรื่องราว พวกข้าก็ขอลาไปก่อน สหายเต๋าทั้งหลาย วันหลังค่อยพบกัน”
ติงหลวนเฟิ่งเซียวสามคนตั้งตารอให้พวกเขาไปอยู่แล้ว ขณะนี้คำนับกลับด้วยมารยาท ทว่ากลุ่มประมุขเต๋าจิ้งเหอไม่ได้สนใจเลย
…………………………..
*เต้าเกอน่าจะแปลว่าพี่ทางเต๋า
** เปิ่นจวิน แปลว่าตัวข้าประมุข คำว่าประมุขเต๋า แปลมาจากคำว่าเต้าจวิน เป็นตำแหน่งแหละนะ