ตอนที่ 37 ตรอกซอย

ถึงแม้ตรอกหมากูตงเฉิงจะเป็นสถานที่อันวุ่นวาย แต่กลับเป็นที่ตั้งของสามลัทธิเก้ากระแสที่ผู้คนเคารพนับถือ

ณ ที่แห่งนั้น มีเซียนกูผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดังอยู่ท่านหนึ่ง เล่าขานกันว่าสามารถสื่อสารกับภูตผี ซึ่งถึงขั้นตระกูลร่ำรวยเชื้อเชิญให้ไปทำพิธีอย่างลับๆ หลังจากประสบกับปัญหาที่ยากจะรับมือ

ชายหนุ่มรูปหล่อผู้หนึ่งมองสำรวจบริเวณโดยรอบ

อาคารที่เก่าโทรม มุมผนังเต็มไปด้วยกองขยะ บนพื้นมีน้ำสกปรกไหลผ่าน รวมถึงมีเสียงเด็กน้อยหัวเราะและร้องไหโวยวายดังเข้ามาเป็นระยะๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับรู้สึกประหลาดใจ

ความรู้สึกแปลกใหม่นี้เก็บซ่อนอยู่ในการระวังตัวนั้น

สายตาของผู้คนที่นั่งอยู่ตรงเชิงกำแพงอย่างหมดอาลัยตายอยากมองมายังชายหนุ่มผู้ดูอิสระ ทำให้เขารู้สึกต้องระวังตัวขึ้นมา

นี่เป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยมา ถึงขั้นเป็นทิวทัศน์ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

แต่ขณะที่เดินมาถึงทางแยก ชายหนุ่มก็หยุดเดิน แววตาเผยความสับสนออกมา

ชายหนุ่มหยุดเดิน แล้วเดินเข้าไปถามทางกับหญิงวัยกลางคนที่ถือถังซักผ้าเดินสวนมาว่า “ท่านป้า ตรอกหมากูไปทางไหนหรือ”

หญิงวัยกลางคนเหลือบมองชายหนุ่มชั่วครู่ มองเห็นถึงใบหน้าที่สะอาดสะอ้านและสวมเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาของชายหนุ่ม แววตาก็ลุ่มลึกขึ้นมาในทันที แล้วเชิดปากเอ่ยว่า “ทางนั้น”

ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ แล้วเดินไปทางที่หญิงวัยกลางคนบอก

หญิงวัยกลางคนกำถังซักผ้าในมือไว้แน่น มองไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดแต่พูดไม่ออก สุดท้ายก็ส่ายศีรษะ แล้วรีบเดินกลับบ้านของนาง

ชายหนุ่มยิ่งเดินออกไปเพียงสิบกว่าจั้ง ก็มีชายหนุ่มอายุราวยี่สิบต้นๆ ผู้หนึ่งถุยหญ้าที่คาบอยู่ในปากลงพื้น ขวางหน้าของชายหนุ่มนั้นไว้ แล้วยิ้มเยาะว่า “น้องชายจะไปไหนรึ อยู่เล่นเป็นเพื่อนพี่ก่อนไหม”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วทันที

คุณหนูกำชับว่าหากมายังสถานที่แบบนี้ต้องแต่งตัวเป็นผู้ชาย มิเช่นนั้น จะเดือนร้อนเอาได้ หรือว่าคนผู้นี้ตาบอด จะให้นางที่เป็น ‘หนุ่มน้อย’ อยู่เล่นอะไรเป็นเพื่อนเขาหรือ

จริงๆ แล้วคือชายหนุ่มผู้นี้คืออาหมานที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย

อาหมานรูปร่างสูงใหญ่ อายุราวสิบกว่าปี ซึ่งแทบจะดูไม่ออกว่าปลอมตัวเป็นผู้ชาย

อืม คุณหนูยังกำชับด้วยว่าหากปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วยังมีคนมาหาเรื่องอีก ก็ให้ใช้เงินแก้ปัญหา

อาหมานจดจำคำกำชับของคุณหนูได้อย่างขึ้นใจ หยิบเงินเหรียญหลายเหรียญจากเหอเปายัดใส่มือของชายหนุ่มผู้นั้น

ชายหนุ่มผู้นั้นตกตะลึง ชูเงินหนึ่งเหรียญขึ้นมาเป่า และพูดด้วยรอยยิ้ม “ไอ้น้องถือว่าอยู่เป็นดีหนิ แต่พี่ชายเยี่ยงข้าไม่ได้ต้องการเงินจากเจ้า”

ถ้าเป็นเช่นนี้ จำนวนเงินคงยังไม่พอ!

อาหมานหยิบเงินเหรียญหนึ่งพวงวางใส่มือของชายหนุ่มเพิ่ม ในใจกลับรู้สึกเสียดาย

เสียดายที่คุณหนูกำชับนักหนาว่าหากเลี่ยงปัญหาได้ก็ให้เลี่ยง มิเช่นนั้น ไอ้ไก่อ่อนตรงหน้า อาศัยเพียงมือข้างเดียวก็โยนเขาติดกำแพงได้แล้ว

ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่สวมชุดธรรมดาผู้นี้จะมีเงินจำนวนมากเช่นนี้

อย่ามองว่าเงินที่อาหมานให้ไปเป็นเพียงเงินเหรียญ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นชุมชนคนยากจน คนส่วนใหญ่อดมื้อกินมื้อ เงินเหรียญเหล่านี้เพียงพอสำหรับซื้อซาลาเปาไส้หมูอิ่มท้องได้หลายวัน

สายตาของชายหนุ่มจดจ้องไปยังเหอเปาที่แขวนอยู่ตรงเอวของอาหมาน แล้วยื่นมือไปกระชากออกมาอย่างไร้ความปรานี

อาหมานกำหมัด ระงับความโกรธแล้วเอ่ย “เงินทั้งหมดก็ให้เจ้าไปแล้ว ข้าไปได้แล้วใช่ไหม”

หนุ่มหัวเราะขึ้นมา “ไอ้น้อง ไม่รีบ ข้าไม่ได้ทำเพื่อต้องการเงินจริงๆ”

เพียงแต่ก็อยากได้เงินด้วยก็เท่านั้นเอง

“แล้วเจ้าต้องการอะไร” อาหมานใช้หางตากวาดมองชายหนุ่มผู้ว่างงานหลายคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจ้องมองมาด้วยสายตาโหดร้าย แล้วเอ่ยถามขึ้น

“ก็น้องไง พอข้าเห็นหน้าเจ้าก็รู้สึกชอบขึ้นมา” ชายหนุ่มเห็นอาหมานยอมอ่อนข้อให้จึงยิ่งกำเริบเสิบสาน

อาหมานมองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชา และชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว

“หมายความว่าอะไร”

“นายข้ากล่าวไว้ว่าไม่ควรทำผิดซ้ำซากถึงสามหน” อาหมานที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกก้าวเท้าเข้าใกล้เขาหนึ่งก้าว

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทิ่มแทงเข้ามายังร่างกายของตน

แต่ความรู้สึกนั้นช่างแปลกนัก เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงเลือดเนื้อที่ถูกสิ่งของนั่นขวางกั้น แต่กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร

ชายหนุ่มก้มศีรษะลง มองเห็นปิ่นทองปักอยู่ตรงท้องน้อยของเขา ปิ่นทองเกินครึ่งท่อนปรากฏอยู่ด้านนอก คล้ายกับได้กลิ่นหอมจากดอกอวี้หลันบนปิ่นปักผมที่เสมือนจริง

ขณะนี้ ในสมองของชายหนุ่มก็ผุดความคิดขึ้นมา หากเขาวิ่งหนีในตอนนี้ ปิ่นทองเล่มนี้ก็จะกลายเป็นของเขาใช่หรือไม่

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ขาของชายหนุ่มกลับติดแน่นอยู่กับพื้น ขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

“ไม่เจ็บล่ะสิ” อาหมานพูดด้วยน้ำเสียงอันดุดัน ดังก้องเข้าไปในหูของชายหนุ่ม โดยไม่สามารถอธิบายความผิดแปลกนั้นออกมาได้

ในสมองของชายหนุ่มเกิดเสียงหึ่งขึ้น เหงื่อชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง

ไม่เจ็บ เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นจริงๆ

ไม่เจ็บ? เหตุใดจึงไม่รู้สึกเจ็บ!

ปิ่นทองที่ปักคาท้องน้อยครึ่งท่อนไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัว คนเยี่ยงเขาเดิมทีก็เป็นคนไม่เอาไหนที่อยู่ตามท้องถนนอยู่แล้ว บาดเจ็บแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่เมื่อมองเห็นเลือดชัดเจนขนาดนี้ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ชายหนุ่มขนลุกขึ้นในใจ

หรือว่าจะเจอผีกลางวันแสกๆ เสียแล้ว

ตรงนี้ห่างจากตรอกหมากูไม่ไกล ตรอกหมากูเป็นที่พักอาศัยของเซียนกูผู้ซึ่งสามารถสื่อสารกับภูตผี ดังนั้น เจอผีบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกระมัง

“ไม่เจ็บใช่ไหม” เสียงนิ่งเรียบของอาหมานดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ ไม่เจ็บ” ชายหนุ่มลิ้นพันกัน

“ไม่เจ็บก็ถูกต้องแล้ว ต้องรอถึงคืนนี้จึงจะรู้สึกเจ็บ และเวลานั้นของทุกวันจะยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อยๆ” เสียงอาหมานยิ่งอยู่ยิ่งทุ้มต่ำลง ราวกับเชือกไร้รูปร่างรัดคอของชายหนุ่มไว้ ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

ที่แท้ก็แค่คนขี้ขลาด ไม่รู้ว่าคุณหนูจะเอาคนแบบนี้มาทำอะไร

แววตาอาหมานเต็มไปด้วยความดูแคลน เสียงแหลมดั่งยุง “หากเจ้าไม่อยากเจ็บจนตาย ตอนเที่ยงวันของอีกสามวันให้เอาปิ่นทองนี้ไปยังห้องแยกที่สองบนชั้นสองของโรงน้ำชาอู่ฝู

รอจนอาหมานเลี้ยวเข้าตรอกซอยข้างหน้า ชายหนุ่มถึงรู้สึกว่าตนเพิ่งตื่นจากความฝัน

“อาเฟย เจ้ายืนโง่ทำอะไร” คนที่รวมตัวอยู่ด้วยกันทุกวันเดินเข้ามาหา

“ไม่มีอะไร…” ชายหนุ่มรีบปัดแขนของผู้ที่มาตบไหล่ทิ้ง แล้วรีบวิ่งจากไป

ไม่ว่าหนุ่มแปลกผู้นั้นจะพูดจริงหรือไม่ก็ตาม ห้ามให้ใครเห็นปิ่นทองนี้เป็นอันขาด!

“อาเฟยเจ้าบ้าไปแล้วหรือ” คนที่ถูกผลักออกด่าทอพึมพำ

“พวกเจ้าดู!” หนึ่งในนั้นชี้ไปที่พื้นด้วยน้ำเสียงตกใจ

หลายคนก้มศีรษะมองพื้น มองเห็นคราบเลือดหยดเต็มพื้น สีหน้าเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

“อาเฟยเกิดเรื่องแล้วกระมัง”

“รู้อยู่แล้วว่าอาเฟยเป็นคนเลือดร้อนต้องเกิดเรื่องขึ้นสักวัน แยกย้าย แยกย้าย”

ผู้คนเดินกลับไปยังเชิงกำแพง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

อาหมานเดินเข้าไปในตรอกหมากู แล้วหยุดอยู่ตรงเรือนที่แขวนโคมกระต่ายหยกไว้

ตัวเรือนมีอายุที่ยาวนาน ถึงแม้มองดูแล้วจะยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่ประตูไม้กลับมีรอยลึกที่บ่งบอกถึงอายุของมัน

อาหมานตะโกนเรียกที่หน้าประตู ชั่วครู่ก็มีเด็กผู้หญิงเปิดประตูออก

“ข้ามาพบเซียนกู”

เด็กผู้หญิงคุ้นชินกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี เปิดประตูแล้วเอ่ยว่า “เข้ามาเถิด”

อาหมานเดินตามเด็กผู้หญิงเข้ามาในห้อง

ควันธูปหอมฟุ้งกระจายทั่วห้อง หญิงวัยกลางคนที่มวยผมนั่งขัดสมาธิอยู่ โดยดวงตาทั้งสองข้างปิดลงเล็กน้อย คล้ายกับผู้มีชีวิตอมตะก็ไม่ปาน

เมื่อได้ยินถึงเสียงเคลื่อนไหว หญิงสาวลืมตาขึ้น “มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือ”

“ท่านคือหลิวเซียนกูใช่หรือไม่” อาหมานเดินมายังด้านหน้าของหญิงสาว แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงนิ่งเรียบ