ตอนที่ 48 เป็นพ่อของเธอ
“ฮัลโหล หมอเทวดาน้อย?”
อวิ๋นไป๋อุ้มเจ้าถุงลมน้อยไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และโบกมืออีกข้างตรงหน้ามู่เถาเยา
มู่เถาเยาเบนสายตาจากตี้อู๋เปียนกลับไปที่อวิ๋นไป๋อย่างแข็งทื่อราวกับเครื่องจักรกล เธอร้องออกไปด้วยความงุนงงว่า “อะไรนะ”
อวิ๋นไป๋อดไม่ได้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ถุงลมน้อยรู้สึกว่าตาเล็กของเขากำลังหัวเราะมากเกินไปและแทบจะอุ้มเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าตัวจึงบิดตัวไถลลงไปกับพื้น วิ่งไปหามู่เถาเยาแล้วกอดหมับเข้าที่ขายาวของเธอ
ตี้อู๋เปียนแสร้งทำเป็นกระแอมสองสามครั้ง เบี่ยงศีรษะไปด้านข้างแอบหัวเราะเบาๆ
ไป๋เฮ่าอวี๋ยังคงเหมือนเดิม อ้าปากหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ เหมือนอวิ๋นไป๋
มู่เถาเยากลับมามีสติอีกครั้ง ใบหน้าเล็กๆ แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง ‘ฉันไม่กระอักกระอ่วน คนอื่นก็จะกระอักกระอ่วนแทน’ สีหน้าของเธอบอกแบบนั้น
คราวนี้ไม่ใช่แค่อวิ๋นไป๋ ตี้อู๋เปียน และไป๋เฮ่าอวี๋แล้วที่หัวเราะออกมา แม้แต่บอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ ก็หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้
ปู่ตี้และย่าตี้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่อครู่ก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้สถานการณ์ที่นี่ แต่พวกเขาก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนในขณะนี้
ย่าตี้ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เป็นอะไรกัน ทำไมทุกคนถึงหัวเราะเสียงดังขนาดนี้”
อวิ๋นไป๋พยายามหยุดหัวเราะ กล่าวตอบผู้อาวุโสไปว่า “คุณน้าครับ สาวน้อยจากครอบครัวหมอเทวดาหยวนคนนี้น่ารักมากจริงๆ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เด็กที่อาหยวนและเจ้าสำนักซย่าโหวเลี้ยงมากับมือย่อมโดดเด่นกว่าใคร”
“ใครคือเจ้าสำนักซย่าโหวเหรอครับ”
“ปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ของเสี่ยวเถาเยา ประมุขผู้กุมอำนาจของตระกูลลับแห่งสำนักยุทธโบราณอันดับหนึ่ง”
“ย่าตี้คะ อาจารย์เล็กของฉันส่งมอบตราประทับให้ศิษย์พี่ใหญ่ซย่าโหวเจี๋ยเฟยไปเรียบร้อยแล้ว”
“โอ้ พวกเราคนธรรมดาไม่รู้เรื่องนี้เลย!”
“ได้ยินมาว่าวิชาตัวเบาและเทคนิคบ่มเพาะกำลังภายในของตระกูลซย่าโหวเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า กระบวนท่าหมัดมวยก็เป็นรองเพียงตระกูลที่ห้าอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ดวงตาของอวิ๋นไป๋เป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว
“น้าเล็ก ตระกูลอวิ๋นรู้จักซย่าโหวและตระกูลที่ห้าด้วยเหรอคะ” มู่เถาเยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตระกูลที่ห้านั้นดีกว่าตระกูลซย่าโหวในแง่ของกระบวนท่าอยู่บ้างจริงๆ แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต
เมื่อสามปีก่อน เธอได้สร้างชุดวิชาดาบที่เหมาะกับความแข็งแกร่งของเทคนิคบ่มเพาะกำลังภายในของตระกูลซย่าโหว ควบคู่ไปกับวิชาตัวเบา เรียกได้ว่าตอนนี้ตระกูลซย่าโหวคืออันดับหนึ่งในโลกจอมยุทธ์อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องพูดถึงการเอาชนะตระกูลที่ห้า พวกเขาสามารถชนะได้โดยไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ!
ท้ายที่สุดแล้วเทคนิคการบ่มเพาะกำลังภายในและวิชาตัวเบาของตระกูลซย่าโหว ก็ยึดครองเป็นอันดับหนึ่งในโลกจอมยุทธ์มานับพันปีแล้ว
“ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลที่ห้า เลยได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับตระกูลลับจากพวกเขามาบ้าง หมอเทวดาน้อย เธอไม่เพียงแต่เก่งกาจในด้านการแพทย์เท่านั้น แต่ทักษะวรยุทธ์ของเธอก็ยอดเยี่ยมด้วยสินะ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ”
ถ้าเธอพูดว่าตัวเองเป็นที่สอง ใครจะกล้ายกตัวเป็นที่หนึ่ง แม้แต่ตัวเธอในชาติที่แล้วก็ยังเทียบกับเธอในตอนนี้ไม่ได้แม้สักเสี้ยวหนึ่ง!
นี่คือความมั่นใจ!
“ฮ่าๆๆ…” อวิ๋นไป๋และคนอื่นๆ หัวเราะอีกครั้ง
หากเป็นคนอื่นที่พูดจาโผงผางเช่นนี้ พวกเขาคงจะหัวเราะใส่เบาๆ ไปสองสามครั้ง
เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนี้อ่อนโยนและน่ารัก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเชื่อคำพูดนี้ พวกเขายังมีความสุขและภูมิใจมากด้วย!
ปู่ตี้และย่าตี้ก็อดขำไม่ได้
ถึงพวกเขาชอบเด็กสุภาพเรียบร้อย แต่สำหรับเสี่ยวเถาเยานั้นกลับแตกต่างออกไป!
ทำไมถึงแตกต่างกัน
มันก็แค่ต่าง!
ใครจะสนว่าเหตุผลของความต่างคืออะไร!
“เด็กดี! สมองและทักษะของหนูยากจะหาใครเทียบได้จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์และอาจารย์แม่ของหนูไว้วางใจให้หนูออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว” ย่าตี้หัวเราะจนตาหยี แทบมองไม่เห็นภาพตรงหน้าแล้ว
“อาจารย์และอาจารย์แม่ของหนู อยากเกษียณอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานมากกว่า ที่นั่นอากาศดี ผู้คนน่ารัก ผู้อาวุโสทั้งสามคนเลยไม่อยากออกมาค่ะ”
ที่จริงพวกเขาก็ยังไม่วางใจนัก ไม่อย่างนั้นคงไม่ฝากให้ศิษย์พี่ชายหญิง รวมถึงศิษย์หลานคอยจับตาดูเธออยู่เสมอ ทั้งยังแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ ขาดก็แค่กินนอนอยู่กับเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้พวกย่าตี้ฟังชัดเจนขนาดนั้น อย่างไรเธอก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับตระกูลตี้มากนัก…
ยกเว้นคนในหมู่บ้านเถาหยวนซานและศิษย์พี่ชายหญิงของเธอ เธอก็ไม่ต้องการเข้าใกล้ใครมากเกินไป
คนที่ทำดีกับเธอ เธอก็แค่ตอบแทนพวกเขากลับก็พอแล้ว
ต่างฝ่ายต่างไม่ติดค้าง จึงไม่คิดจะสนิทด้วย!
เนื่องจากเธอไม่ค่อยชอบจัดการความสัมพันธ์ต่างๆ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่ไม่อยากเสียเวลาจัดการ
ในเมื่อคนตระกูลตี้ปฏิบัติต่อเธออย่างดี เธอก็พร้อมจะปฏิบัติต่อพวกเขาแบบเดียวกัน และให้ความสำคัญต่อการรักษาโรคของตี้อู๋เปียนมากยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ติดค้างกันแล้ว!
รอจนทุกคนหัวเราะจนพอใจ ปู่ตี้ก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวเถาเยา อวิ๋นไป๋นำสมุนไพรมาด้วยหลายตัวเลย หนูช่วยดูให้หน่อยสิว่ามีตัวไหนที่เหมาะให้อู๋เปียนใช้บ้าง”
“ได้ค่ะ”
คนกลุ่มหนึ่งทยอยเดินเข้ามา
มู่เถาเยาวางหนังสือในมือลง มองไปที่วัตถุดิบยาในกล่องบนโต๊ะทีละอย่างแล้วจึงพยักหน้า “ทุกตัวล้วนเป็นของดี อย่างไรก็ดีวัตถุดิบสมุนไพรเหล่านี้มีฤทธิ์ยาค่อนข้างแรง หากอยากให้ตี้อู๋เปียนใช้ ก็ต้องปรับฤทธิ์ของยาให้เป็นกลางก่อน เขาถึงจะดื่มได้”
ไป๋เฮ่าอวี๋ถามอย่างกระวนกระวายว่า “ต้องปรับฤทธิ์ให้เป็นกลางยังไงครับ และต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเขาจะสามารถดื่มมันได้” เขารู้เกี่ยวกับการแพทย์โบราณเพียงผิวเผินเท่านั้น
“คุณรู้จักดอกเถียนซินหรือเปล่า”
ไป๋เฮ่าอวี๋ส่ายหัว
เอาอีกแล้วๆ เฮ่าอวี๋ผู้ไม่รู้หนังสือปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว!
ฮึกๆๆ…
นับตั้งแต่หมอเทวดาน้อยมา ก็มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่วิ่งอยู่ในหัวใจเขา!
“ดอกเถียนซินคืออะไร ฉันอ่านหนังสือแพทย์มาตั้งหลายเล่ม ไม่เคยพบชื่อดอกไม้นี้เลย”
“มันคือดอกไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสสารทางชีวภาพที่มีฤทธิ์อ่อนโยนที่สุดในโลก หากดอกไม้นี้พบกับพายุฝนหนักก็ทำให้พายุพัดเบาลง หากพบกับเปลวไฟร้อนระอุก็จะเปลี่ยนเป็นเพียงไออุ่นจางๆ เท่านั้น…”
ทุกคน “…” มันดูเหลือเชื่อมาก!
ย่าตี้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจอีกครั้ง ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เสี่ยวเถาเยา หรือสมุนไพรชนิดนี้เองก็เป็นสมุนไพรในตำนานด้วย”
“เกรงว่าจะใช่ค่ะ มันพิเศษมาก ไม่สามารถถูกชะล้างด้วยน้ำ ไม่สามารถหลอมละลายด้วยไฟ แถมยังไม่กลัวพิษ และไม่กลัวพลังที่มหาศาลอีกด้วย”
ทุกคน “…” ทำไมถึงให้ความรู้สึกว่าเสี่ยวเถาเยากำลังแอบต่อว่าว่าพวกเขาไม่มีความรู้กันนะ!
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย เธอพูดถึงพืชอยู่ใช่ไหม แต่ถ้าไม่ใช่พืชทำไมเธอถึงเรียกมันว่าดอกไม้”
“เป็นพืชค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว มันมีรูปร่างคล้ายดอกไม้ แถมยังมีลักษณะพิเศษของพืชทั้งหมด แต่มันกลัวอากาศหนาวมาก พอเข้าหน้าหนาวก็จะเปลี่ยนตัวเองเป็นหินแร่ผลึก”
จากพืชกลายเป็นก้อนหิน? สีหน้าของหลายๆ คนเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า
ปู่ตี้พูดขึ้น “เสี่ยวเถาเยา สิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้ เธอใช้เพื่อปรับฤทธิ์ยาให้อ่อนลงเท่านั้นเหรอ”
“มันไม่ได้ทรงพลังเลยสักนิด และนอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีประโยชน์อื่นแล้วด้วย”
“…”
นี่กำลังแกล้งพวกเขาเล่นอยู่ใช่ไหม เท่านี้ยังไม่ทรงพลังอีกเรอะ รู้สึกเหมือนกับว่าซุนหงอคงยังไม่เก่งเท่ามันเลย!
“เสี่ยวเถาเยา ทำไมมันถึงได้ชื่อว่าดอกเถียนซินล่ะ” อวิ๋นไป๋ไม่เข้าใจนิดหน่อย
กับสิ่งที่ร้ายกาจและทรงพลังขนาดนี้ น่าจะตั้งชื่อที่สง่างามหรือไม่ก็ดูยิ่งใหญ่อลังการมากกว่านี้สักหน่อยไหม
“เพราะว่ามีรสชาติหวานค่ะ หวานไปจนถึงหัวใจ ยิ่งกว่าน้ำตาลทั้งหมดในโลกนี้”
“มันกินได้ด้วย?” สีหน้าของทุกคนยิ่งสับสนหนักขึ้นไปอีก
“กินไม่ได้ค่ะ เคี้ยวไม่ได้ กัดก็ไม่ได้ เลียได้อย่างเดียวเท่านั้น” อย่าถามว่าเธอรู้ได้ยังไง!
อวิ๋นไป๋ “เสี่ยวเถาเยา เราจะหาสิ่งนี้ได้จากที่ไหน”
“ไม่ต้องหาหรอกค่ะ ฉันมีอยู่ดอกหนึ่ง”
“!!!”
สิ่งมหัศจรรย์แบบนี้ กลับถูกเลี้ยงไว้เหมือนพืชในเรือนกระจกหรือไม่ก็สัตว์ในสวนสัตว์เหรอ
“ยังไงก็ตามคงต้องรอให้ถึงฤดูหนาว ให้มันเปลี่ยนรูปเป็นแร่ผลึกก่อนถึงจะสามารถนำมาใช้งานได้ ในช่วงฤดูร้อน ใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วง ทำได้เพียงดูเท่านั้น”
“เสี่ยวเถาเยา หนูแน่ใจใช่ไหมว่าตัวเองไม่ใช่นางฟ้าตัวน้อยลงมาจุติ” ในสายตาของย่าตี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ถุงลมน้อยที่ยังคงสัปหงกมึนๆ อยู่ในตอนแรก ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘นางฟ้าตัวน้อย’ เขาก็ตื่นขึ้นทันที
“พี่สาวเป็นนางฟ้าตัวน้อย”
มู่เถาเยายิ้มตาหยีพลางพูดว่า “อันเหยี่ยก็เป็นเทพบุตรตัวน้อยๆ เหมือนกัน”
อุ๊บ…
สาวน้อยคนนี้ วินาทีก่อนเพิ่งจะบรรยายความรู้เป็นนักวิชาการแก่ๆ แต่ครู่ต่อมากลับกลายเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ ไร้เดียงสาไปเสียแล้ว
สลับบทบาทได้อย่างไรที่ติจริงๆ
อวิ๋นไป๋ยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆ ของมู่เถาเยาจนเกือบจะเป็นขยี้ด้วยความมันเขี้ยว “โลกนี้มีเด็กสาวที่น่ารักอย่างเธอได้ยังไงกันนะ! เสี่ยวเถาเยา สนใจรับฉันเป็นพ่อของเธอหรือเปล่า อีกหน่อยทรัพย์สมบัติของฉันยกให้เป็นของเธอทั้งหมดเลย!”
ทุกคนต่างตกตะลึง ยกเว้นถุงลมน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
ไม่ได้ตกใจกับคำพูดที่ว่า ‘ทรัพย์สมบัติของฉันยกให้เป็นของเธอทั้งหมด’ แต่คำพูดที่ว่า ‘สนใจรับฉันเป็นพ่อไหม’ ทำเอาไปไม่ถูกกันหมดแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีทรัพย์สินมากแค่ไหน ในฐานะลูกชายสายตรงคนสุดท้องที่ผู้เฒ่าตระกูลอวิ๋นได้มาตอนอายุมากแล้ว น้องชายแท้ๆ ของคุณผู้หญิงอวิ๋นเหอ ภริยาของราชาแห่งประเทศเหยียนหวง คนที่อยากแต่งกับเขานั้นมีมากเหมือนปลาตะเพียนที่แข่งกันว่ายข้ามแม่น้ำ!
ท้ายที่สุดเขากลับยอมเป็นคุณพ่อง่ายๆ โดยที่ไม่แต่งงานมีลูกเป็นของตัวเอง?
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงข่าวลือที่ดังสนั่นหวั่นไหวและร้อนแรงไปทั่วทั้งโลกก่อนหน้านี้