บทที่ 37 ตัดสัมพันธ์พ่อลูก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 37: ตัดสัมพันธ์พ่อลูก

“เจ้ายังมีหน้ามาถามว่าทำไมอีกรึ? เรื่องที่เจ้ากระทำลงไปเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่หรือไง?” หลานเฉินมู๋โกรธจัดจนตะคอกใส่นางอย่างขุ่นเคือง

ราวกับว่านางเพิ่งจะไปทำสิ่งที่ชั่วร้ายมหันต์มาอย่างใดอย่างนั้น!

หรือว่าหลานเฉินมู๋จะรู้เรื่องอะไรเข้าให้แล้ว?

หลานเยาเยารู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ แต่เมื่อหลานเฉินมู๋ให้คนจับชายหนุ่มแปลกหน้าผู้หนึ่งมากดลงตรงหน้าเธอ นางถึงได้รู้ขึ้นมาทันทีว่าที่แท้แล้วเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้หลานเฉินมู๋ปรากฏตัวที่นี่

ชายแปลกหน้าคุกเข่าลงบนพื้นเขามองหลานเยาเยาด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา ก่อนจะชี้ไปที่เธอด้วยความกลัวและพูดว่า:

“ท่านแม่ทัพ เป็นนางขอรับ ข่าวลือในเมืองหลวงเป็นคุณหนูหกที่สั่งให้ข้าน้อยกระจายข่าวออกไป ข้าน้อยแค่เพียงต้องการเงินเล็กๆน้อยๆมาใช้สอย ไม่รู้ว่าคุณหนูหกนั้นมีจุดประสงค์เช่นนี้ ได้โปรดท่านแม่ทัพละเว้นข้าน้อยสักครั้ง ข้าน้อยจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี” หลังพูดจบก็โขกคำนับพื้นอย่างสำนึกผิดอย่างไม่หยุด

ช่างน่าเสียดาย!

ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา แต่ทั้งหมดกลับจดจ่อไปที่หลานเยาเยา

เอ่อ……

พูดจาไร้สาระเช่นนี้ดีจริงแล้วหรือ?

เพียงแต่พอนึกให้ละเอียดขึ้นมาก็พอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!

แค่นึกไม่ถึงเท่านั้นว่าเพียงเพื่อชื่อเสียงของหลานชิวหยุน และเพื่อประจบแข้งขาขององค์รัชทายาท หลานเฉินมู๋ไม่ลังเลเลยสักเล็กน้อยที่จะหาใครสักคนมาแบกหม้อก้นดำของลูกสาวตน ซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนที่พึ่งจะช่วยชีวิตเขามาเมื่อไม่นานนี้อีกด้วย

ดูเหมือนว่าเธอจะมองหลานเฉินมู๋ดีเกินไปหน่อย!

เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งคิดจะปิดปากคน คิดจะทำให้นางพูดอะไรออกมาไม่ได้ ทำให้นางหมดหนทางแก้ตัว!

เฮอะเฮอะ!

ใจโฉดนัก!

“นางมารร้าย วันนี้พ่อจะที่ต้องตีเจ้าให้เห็นดี”

พูดไป หลานเฉินมู๋ก็ง้างฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง และโบกลงมา…

ซ้ำความเร็วและความรุนแรงยังมากกว่าครั้งก่อนหน้าอย่างยิ่ง

หลานเยาเยาหรี่ตาลง หลังจากนั้นถึงก้าวถอยหลังไปสองก้าว หลีกเลี่ยงการตบที่โหดร้าย ก่อนจะเอ่ยพูดพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ :

“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงฟังความแค่ข้างเดียวก็คิดจะลงไม้ลงมือเสียแล้ว?”

แม้ว่าการวางยาพิษและข่าวลือจะล้วนเป็นสิ่งที่นางออกคำสั่งให้กระทำอย่างลับๆ แต่นั่นก็เป็นเพราะต้องการเอาคืนเรื่องหลานชิวหยุนและนิ่งซื่อเท่านั้น

ถ้าหากมีหลักฐานจริง นางก็เธอจะไม่เล่นลิ้น

แต่ว่า หลานเฉินมู๋กลับจงใจหาคนมาใส่ความเธอ เขานึกว่าเธอเป็นลูกพลับที่ใครๆก็บีบได้หรือยังไงกัน?

ถูกหลานเยาเยาหลบเลี่ยงฝ่ามือได้อีกครั้ง หลานเฉินมู๋ก็ใช้พลังยุทธ์ถึงแปดส่วนเข้ารวบรวมไว้ที่ฝ่ามือทันที

ดวงตาของเขามืดดำขึ้นมาเล็กน้อย และตะคอกด้วยความโกรธ: “พยานอยู่ที่นี่แล้ว หลักฐานก็คือพิษในวันนั้น หลักฐานพยานล้วนอยู่ครบ เจ้ายังต้องการที่จะเล่นลิ้น? เสียแรงที่พ่อยังเอ็นดูสงสารเข้า คิดไม่ถึงว่าจิตใจของเจ้าจะสกปรกเช่นนี้ วันนี้แม่ทัพอย่างข้าจะผดุงความชอบธรรม ทำตามความถูกต้อง ส่งตัวเจ้าไปยังศาลสืบสวน”

พรืด!

เอ็นดูสงสาร?

หากใส่ใจบางหรือรักเอ็นดูนางจริงๆละก็ เห็นทีเจ้าของร่างเดิมคงไม่ตายเช่นนี้

ยังมีผดุงความชอบธรรมอะไรนั่นอีก?

เห็นทีเขาคงเตรียมเรื่องนี้เอาตั้งนานแล้ว!

ฮึ มีหรือที่หลานเฉินมู๋จะไม่รู้ว่าลูกสาวของหากต้องเข้าคุกของศาลสืบสวนแล้วจะต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้าย

แต่กระทั่งทางออกสักทางเขายังไม่ให้แก่เธอด้วยซ้ำ พอลงมือก็ปิดทุกทางรอดของเธอ!

ช่างใจหยาบช้านัก

แน่นอนว่าเขาเป็นใครกัน?

“หึหึหึ … ”

ในเวลานี้ จู่ๆหลานเยาเยาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังจากนั้นจึงชี้ไปยังชายแปลกหน้าที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นและพูดว่า:

“ท่านดูเขาสิ เสื้อผ้ากางเกงล้วนไม่สมกับตัว ซ้ำกางเกงยังสวมผิดด้านอีกด้วย แถมเสื้อผ้าที่เปิดเผยออกมายังคล้ายคลึงกับเสื้อผ้าขององครักษ์ในจวนราวกับแบบเดียวกัน นอกจากนี้สีผิวบริเวณหนวดของเขากับสีผิวบนใบหน้ายังไม่เหมือนกันอีกด้วย แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่า พยานบุคคลผู้นี้เป็นแค่องครักษ์ของจวนที่ปลอมตัวมาอย่างรีบร้อนเท่านั้น”

พูดไปเธอก็เดินมาตรงหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้น และดึงหนวดปลอมของเขาออก ก่อนจะหันมายิ้มเย็นใส่หลานเฉินมู๋

“ท่านเป็นถึงแม่ทัพของประเทศ เพียงเพื่อชื่อเสียงตำแหน่งจอมปลอม แม้กระทั่งลูกสาวของตนเองยังกล้าใส่ความ ข้าที่ใช้สกุลหลานนับเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าอับอายที่ต้องเกิดมาเป็นบุตรสาวของเจ้า”

“เจ้า……”

ถูกหลานเยาเยาเปิดโปงอย่างไร้เยื่อใย ใบหน้าของหลานเฉินมู๋ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะเปลี่ยนความอับอายให้เป็นความโกรธในเวลาถัดมา

เขากำหมัดแน่นด้วยความเกรี้ยวกราด แทบจะอยากเหวี่ยงมันออกไปใส่หลานเยาเยาให้กระจุย

เดิมเขาคิดจะเริ่มลงมือก่อน แต่นึกไม่ถึงว่าหลานเยาเยาจะหลบหนีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งยังนึกไม่ถึงว่าหลานเยาเยาจะมองการปลอมตัวขององครักษ์ออกได้แค่เพียงการมองโดยไม่กี่ครั้งเท่านั้น

เธอแปรเปลี่ยนเป็นคนฉลาดตั้งแต่เมื่อไหร่?

ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่รู้มาก่อน

น่าเสียดาย นางเกิดมาหน้าตาไม่ดี ซ้ำยังเป็นเพียงลูกนอกสมรส ไม่มีทางที่จะได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทได้

นี่แหละคือชะตาของนาง!

อย่าได้โทษผู้อื่น

เขาต้องการรักษาชิวหยุนเอาไว้ จึงต้องผลักนางออกไปเป็นแพะรับยาปให้ได้ก่อนเช่นนี้คนสามารถเกลี้ยกล่อมให้ผู้คนเชื่อได้ ในเมื่อทั้งคู่ล้วนเป็นบุตรสาวของเขา!

ดังนั้น!

หลานเฉินมู๋จ้องมองหลานเยาเยาอย่างโกรธเคือง

“หลักฐานพยานบุคคลก็อยู่ที่นี่แล้ว เจ้ายังกล้าเล่นลิ้น? ข้าหลานเฉินมู๋ไม่มีบบุตรสาวอย่างเจ้า ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอาย เช่นนั้นวันนี้ข้ากับเจ้ารับว่าตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกันลง หลังจากนี้เรื่องของจวนแม่ทัพเจ้าไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวได้อีกต่อไป จงยอมรับผลการกระทำของเจ้าด้วยตัวเองซะ ”

ขอเพียงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างบิดาบุตรขาดลง จากนั้นเขาก็จะสามารถส่งตัวหลานเยาเยาไปยังศาลสืบสวนได้

จากนั้นเขาจึงค่อยสร้างเรื่องให้ผู้คนวิจารณ์ในสาธารณะ และโยนเรื่องเสื่อมเสียทั้งหมดไปไว้บนตัวของหลานเยาเยา ในเวลานั้นชิวหยุนย่อมต้องสามารถเป็นพระชายาองค์รัชทายาทได้แล้ว

ส่วนความตายของหลานเยาเยานั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไปกัน?

อย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่บุตรสาวของเขาอีกต่อไป เขาก็ไม่ต้องมารับผลกระทบจากเรื่องเสื่อมเสียของนาง!

ตามความเห็นของหลานเฉินมู๋ หลานเยาเยาก็เป็นเพียงแค่หมากไร้ประโยชน์ตัวหนึ่งเท่านั้น!

“ข้ายินดีเช่นกัน!”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความราบเรียบ อีกทั้งยังไม่ได้ถูกคำพูดของหลานเฉินมู๋ทำให้โมโหแต่อย่างใด

เดิมก่อนหน้านี้นางก็คิดอยากตัดสัมพันธ์พ่อลูกกับหลานเฉินมู๋อยู่แล้ว คาดไม่ถึงว่ากลับเป็นเขาที่หยิบยกมันขึ้นมา แบบนี้ก็ดีเช่นกัน จะได้ไม่ต้องเปลืองสมองของเธอ

ไม่นานนัก หลานเฉินมู๋ก็สั่งให้คนไปนำกระดาษและปากกามา ก่อนที่ทั้งคู่จะลงนามและประทับตราสัญลักษณ์ของจวนแม่ทัพลงไป

“นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ข้าหลานเฉินมู๋ไม่มีบุตรสาวเช่นเจ้า”มองดูหนังสือตัดความสัมพันธ์ในมือ นัยน์ตาของหลานเฉินมู๋ก็เข้มขึ้น ใบหน้าแฝงด้วยเจตนาอันชั่วร้ายบางอย่างผุดขึ้น

เขาโบกมือ!

และเอ่ยอย่างชั่วร้าย

“ หลานเยาเยาจงใจใส่ร้ายบุตรสาวที่รักของแม่ทัพ จงนำตัวไปตัดลิ้น และตัดแขนขาของนางออก จากนั้นนำตัวไปขังที่คุกของศาลสืบสวน

ด้วยวิธีนี้ ต่อให้หลานเยาเยาจะรู้ความจริงแล้วยังจะสามารถทำอะไรได้อีก?

ปากไม่สามารถพูดได้ มือไม่สามารถเขียนได้ เป็นตายล้วนไม่ต่างกัน!

กระจ่างยิ่ง!

ในใจของหลานเยาเยาราวกับกำลังมีม้านับหมื่นตัววิ่งกระหน่ำ

จุ๊ๆ

นี่แหละคือใบหน้าที่แท้จริงของ หลานเฉินมู๋!

เมื่อมองดูเจ้าหน้าที่ทางการที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าสมดั่งใจ นางก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้พวกเขาล้วนเป็นพวกเดียวกัน

ไม่เช่นนั้น หลานเฉินมู๋คงไม่ไร้ศีลธรรมยางอายได้ถึงเพียงนี้

ในพริบตา องครักษ์ทั้งสองคนก็มาถึงตรงหน้าของหลานเยาเยา และยื่นมือออกมาเพื่อจะจับกุมตัวเธอ แต่กลับถูกนางหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

ฮึ!

องครักษ์ไม่กี่คนแค่นี้ไหนเลยจะอยู่ในสายตา

“มาเลย มาสิ ไม่ใช่ว่าต้องการจะจับตัวข้าหรอกหรือ? รีบมาสิ! แบร่แบร่แบร่!”

หลานเยาเยายื่นมือออกไปล้อเลียนให้พวกเขาเข้ามาจับกุมนาง ในขณะที่ปากก็ยังคงเอ่ยคำพูดยุแหย่ไม่หยุด

เมื่อถูกหลานเยาเยาปั่นหัว พวกองครักษ์ก็ถูกกระตุ้นให้โมโหขึ้นมา แต่กลับยังจับตัวนางไม่ได้เสียที

อีกทั้งในระหว่างนั้น หลานเยาเยาก็ได้นำขวดน้ำยาขวดหนึ่งออกมาระบบแล้วเป็นที่เรียบร้อย

หลานเฉินมู๋ที่ยืนห่างออกไปไม่ไหล พอเห็นหลานเยาเยาสามารถหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น สายตาเพิ่มความโหดเหี้ยมขึ้นมา

หลังจากเพิ่มกำลังภายในขึ้นมาอีกสิบเท่า เพียงพริบตาเขาก็เคลื่อนที่ไปยังด้านหลังของหลานเยาเยา ก่อนจะโจมตีด้วยฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง…