ตอนที่ 99 ทรยศ

การเยาะเย้ยของหลินเสวี่ยเหมยนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

ผลการเรียนของหลินอี้ถงอยู่ในระดับเดิมมาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงปัจจุบัน

เธอตกไปอยู่อันดับสิบในชั้นเรียนเสมอ ในปีที่ผ่านมาอันดับของเธอขยับอย่างรวดเร็วมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของชั้นเรียน

เรียนได้ดีเป็นครั้งคราวแต่บางทีก็ตกไปถึงสิบอันดับ

ด้วยผลคะแนนดังกล่าวเธอจึงอาจไม่สามารถเป็นแพทย์ได้

หลินอี้ถงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ

“ไม่ต้องมาพูดจาเย็นชาที่นี่ก็ได้ ฉันจะแสดงให้เห็นเอง แล้วแม่จะได้ยอมรับ!”

“โอ้ย อยากจะดูจริง ๆ อีกแค่เดือนเดียวก็สอบปลายภาค คิดว่าคราวนี้จะสอบผ่านไหม!”

หลินเสวี่ยเหมยไม่ได้พูดอะไรอีก

หลินอี้ถงไม่ได้โต้เถียงกับหลินเสวี่ยเหมย หลังจากฟังก็กระแทกประตูออกไปด้วยความโกรธ

“เจ้าเด็กนี่! ปีกกล้าขาแข็งใช่มั้ย”

หลินเสวี่ยเหมยคํารามด้วยความโกรธ

“ป้า อย่าโกรธไปเลยผมจะคุยกับอี้ถงเอง”

หลังจากซูฟ่านพูดจบ เขาก็วิ่งออกไปหาหลินอี้ถง

หลินอี้ถงปาดน้ำตาและวิ่งไปที่สวนด้านล่างของโรงพยาบาล

ซูฟ่านวิ่งตามเธอไปเพื่อจะหยุดเธอ

หลังจากที่เห็นซูฟ่านไล่ตามเธอมา หลินอี้ถงที่ยังคงโกรธอยู่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก

“มานั่งคุยกันเถอะ

หลังจากที่ซูฟ่านพูดจบ เขาก็พาหลินอี้ถงไปนั่งในสวน

“โกรธคุณป้าเหรอ?”

“ดูสิว่าเธอพูดจาน่าเกลียดขนาดไหน!”

หลินอี้ถงโกรธมากเมื่อเธอนึกถึงคําพูดที่เย็นชาของหลินเสวี่ยเหมยเกี่ยวกับตัวเองเมื่อตอนนั้น

“ป้าก็เคยพูดแบบนี้กับเธออยู่แล้วแต่ป้าไม่ได้ตั้งใจจะทําร้ายจิตใจเธอหรอกนะ ถ้าเธอไม่ชอบฟังก็บอกป้าไปเถอะว่าอย่าพูดอีกในอนาคต”

“โอ้ คนอย่างแม่น่ะไม่ฟังหรอกแล้วหนูก็ไม่ใช่ไม่เคยคุยกับแม่มาก่อน”

“ไม่ว่าหนูจะทําอะไรแม่ก็จะพูดจาเย็นชาเสมอ”

“ก็จริงนะที่หนูเกรดไม่ได้ดี แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะมาดูถูกอนาคตของหนูได้ใช่ไหม”

“และเหตุผลที่เกรดหนูไม่ดีก็ไม่ใช่แค่ปัญหาของหนูด้วยซ้ำ แม่เองก็มีความรับผิดชอบตรงนี้ด้วย!”

ความรู้สึกของหลินอี้ถงยังคงไม่พอใจอยู่

อันที่จริงหลินเสวี่ยเหมยนั้นหยาบเกินไปในเรื่องการอบรมเด็ก มันทําให้เธอมีกําลังใจน้อยมากตั้งแต่ยังเด็ก หลินอี้ถงได้ยินเพียงแต่คําเสียดสีและการเยาะเย้ยมาตลอด

จนกระทั่งเธอเข้าสู่วัยสาวและมีความคิดของตัวเอง เธอก็เริ่มต่อต้านพฤติกรรมของแม่มากยิ่งขึ้นไปอีก

ยิ่งในเรื่องการเรียนแม่ก็ยิ่งบอกว่าเธอโงในเรื่องการเรียนมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งไม่อยากเรียนมากเท่านั้น

ทั้งหมดมาจากเรื่องนั้นและซูฟ่านก็เข้าใจอารมณ์ปัจจุบันของหลินอี้ถง

“เอาล่ะ สิ่งที่แม่ของเธอทําน่ะผิดจริง ๆ แต่เธอก็โตแล้วฉันคงพูดอะไรไม่ได้แต่อย่าพูดถึงแม่ของเธอแบบนั้นเลย”

“เธออยากเป็นหมอจริง ๆ เหรอ”

ซูฟ่านถาม

หลินอี้ถงพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ใช่ ครั้งนี้หนูมาที่โรงพยาบาลและการได้เห็นหมอพวกนั้นรักษาคนไข้และสั่งยา มันดูยอดมากเลย”

“และพวกเขาช่วยชีวิตผู้คนได้มากมายรวมทั้งพ่อของหนูด้วย”

“จู่ ๆ หนูก็รู้สึกประทับใจกับอาชีพนี้ ถ้าทําได้หนูก็อยากเป็นหมอ!”

ดวงตาของหลินอี้ถงเต็มไปด้วยความคาดหวังในอนาคต

ซูฟ่านยิ้ม

“ฉันเชื่อว่าเธอทําได้”

“จริงเหรอ เชื่อหนูเหรอ!”

หลินอี้ถงพูดอย่างตื่นเต้น

“แน่นอน เธอไม่ใช่คนโง่นี่ตราบใดที่เธอตั้งใจเรียน เธอก็ทําได้”

“แต่เธอต้องรู้ว่าอาชีพแพทย์นั้นเหนื่อยมาก ไม่เพียงแต่ต้องทํางานล่วงเวลาอย่างไม่รู้จบเท่านั้น แต่ยังต้องทนทรมานจากผู้ป่วยเองด้วย”

“และในขณะที่เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ เธอต้องพกสิ่งของมากกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ เธออาจจะต้องผ่าสัตว์ที่ทั้งมีชีวิตและซากศพมนุษย์ เธอต้องทําหลายอย่างที่คนธรรมดาไม่ต้องการทําเลยล่ะ”

ซูฟ่านเตือนหลินอี้ถง

หลินอี้ถงไม่หวั่นไหวเลย

“พี่ซูฟ่าน ฉันเข้าใจสิ่งที่พี่พูดจริง ๆ และฉันยอมรับได้!”

ความตั้งใจที่มั่นคงของหลินอื้องทําให้ซูฟ่านรู้สึกพอใจ

เขายิ้ม

“แล้วเธอวางแผนที่จะบรรลุเป้าหมายของเธอแบบไหนล่ะ เธอวางแผนที่จะทําอะไรบ้าง”

“นี่จริง ๆ แล้วหนูต้องการพัฒนาเกรดของหนู แต่วิชาเดียวที่ทําได้ดีตอนนี้คือภาษาจีน วิชาอื่น ๆ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ยากมาก”

เมื่อพูดถึงเกรดหลินอี้ถงก็รู้สึกปวดหัว

เนื่องจากหลินอี้ถงต้องการพยายามให้หนักและมีแผนของตัวเองแล้ว ซูฟ่านก็ยินดีที่จะช่วยเธอ

“ฉันจะช่วยเธอในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี เอาไว้เธอรวบรวมเรื่องที่เธอไม่เข้าใจไว้ทุกสัปดาห์ แล้วฉันจะเลือกวันที่จะสอนให้เอง เป็นไง?”

ข้อเสนอของซูฟ่านทําให้ดวงตาของหลินอี้ถงเปล่งประกาย

เยี่ยมมาก!

ความสามารถของซูฟ่านในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยธุรกิจเมืองเมจิกได้ก็แสดงให้เห็นว่าเกรดของเขาไม่เลว ถ้าเขาเต็มใจที่จะติวหลินอี้ถง เธอก็จะก้าวหน้าอย่างมากอย่างแน่นอน!

“ขอบคุณพี่ซูฟ่าน!”

หลินอี้ถงกอดซูฟ่านอย่างตื่นเต้น

“พยายามให้มากอย่าไปสนใจสิ่งที่ป้าพูดแค่ทําคะแนนแล้วให้เธอดูก็พอ”

ซูฟ่านพูด

หลินอี้ถงพยักหน้าอย่างจริงจัง

แม้ว่าจะอยู่ในวัยต่อต้าน หลินอี้ถงก็ยังเป็นเด็กที่มีเหตุผล

หลินเสวี่ยเหมยมักพูดสิ่งที่น่ารังเกียจและหลินอี้ถงก็แสร้งทําเป็นไม่สนใจ เพราะเธอไม่ต้องการทะเลาะกับแม่

เหตุผลที่เธอโกรธมากในวันนี้ก็คือหลินเสวี่ยเหมยไม่ฟังคําพูดของเธอแถมยังล้อเลียนความฝันของเธอ

นี่เป็นเรื่องที่แย่มากสําหรับเด็กวัยรุ่น

อีกอย่างคือซูฟ่านอยู่ที่นี่

ตอนนี้ซูฟ่านเป็นไอดอลในสายตาของเธอ ถ้าถูกพูดถึงแย่ ๆ ต่อหน้าไอดอลของตัวเองก็ไม่มีใครสามารถสงบลงได้

ด้วยการสนับสนุนจากซูฟ่าน ตอนนี้หลินอี้ถงได้ลืมเรื่องที่โกรธไปแล้ว

สิ่งที่เธอคิดในตอนนี้คือเธอต้องเรียนให้หนักด้วยตัวเอง แล้วค่อยถามคําถามกับซูฟ่านเยอะ ๆ

ด้วยวิธีนี้เธอสามารถเจอซูฟ่านได้สัปดาห์ละครั้ง

สําหรับรักแรกของเธอ ซูฟ่านนั้นเป็นคนดีที่สุดในโลก!

อย่างไรก็ตามซูฟ่านถือว่าเธอเป็นเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้น

จู่ ๆ ก็มีการสั่นสะเทือนอีกครั้งจากหูฟัง

ซูฟ่านรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาไม่มีโอกาสได้ฟังมากนัก เขาจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว

เมื่อเห็นว่าหลินอี้ถงไม่โกรธแล้ว ซูฟ่านจึงพาหลินอี้ถงกลับไปที่วอร์ด

ในวอร์ดหลินเสวี่ยเหมยยังคงบ่นกับหลินมู่เฉิงเกี่ยวกับที่หลินอี้ถงกระแทกประตูรุนแรง

เมื่อเห็นหลินอี้ถงกลับมา หลินเสวี่ยเหมยก็ปิดปากของเธอทันทีและไม่พูดอะไร

“แม่อย่าโกรธหนูนะ หนูขอโทษ!”

หลินอี้ถงเข้าไปกอดหลินเสวี่ยเหมยพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ

หลินเสวี่ยเหมยหงุดหงิดเมื่อเธอได้ยิน

“เธอยกโทษให้ฉันด้วยเหรอ เป็นเด็กหญิงปีกกล้าขาแข็งจริง ๆ!”

“โอ้ย พูดไม่กี่คําเองไม่ได้เหรอ!”

หลินอี้ถงลูบแขนของหลินเสวี่ยเหมย

“วันนี้ซูฟ่านอยู่ที่นี่ฉันจะไม่สนใจเธอแล้วกัน!”

“ยังไงก็เถอะซูฟ่าน เธอคิดจะมอบร้านเจียงตูบาร์บีคิวให้เราจริง ๆ เหรอ?”

หลินเสวี่ยเหมยถามอย่างประหม่าเพราะกลัวว่าซูฟ่านจะเปลี่ยนใจ