ซวยแล้วไง ซวยแล้ว ๆ

ใครจะไปคิดว่าแค่การเดินทางมาหาอีเว้นท์เก็บคะแนนมิตรภาพ มันจะกลายเป็นเตรียมตัวเข้าห้องบอสแบบนี้

ตอนนี้ร่างของซิลวี่และเอลดรานได้หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแบบไม่เห็นร่องรอยอะไร น่าจะเป็นพลังของมณีอย่างที่ราสบอก ทำให้ตอนนี้ในห้องมีเพียงแค่ผมกับพวกปีศาจเท่านั้น

ผมจ้องมองเหล่าปีศาจกว่าสิบตนที่กำลังเดินเข้ามารุมล้อมผมเอาไว้ พวกมันคือเหล่าเด็ก ๆ ที่เล่นกับซิลเวียมาตลอดหนึ่งปี ไม่สิ จะเรียกว่าเล่นก็ไม่ถูก พวกนี้มันแค่ปีศาจจำแลงกายมาเป็นเด็กเพื่อหลอกซิลวี่ผู้น่ารักเท่านั้นเอง

“พี่สาว มาเล่นกันนนน”

หลอนโคตรรรร

ยังมีเสียงยานคางแหลมร้องออกมาจากจนแสบแก้วหู ต้นเสียงพวกนั้นมาจากเหล่าเด็กปีศาจทั้งหลายที่ดูหน้าอย่างไรก็พยายามจะกินผมชัด ๆ แต่อย่างที่รู้ว่ารอบตัวของผมมันเกราะศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมอยู่ทำให้มันยังคงรักษาระยะห่าง

แต่นั่นมันก็ยังแย่อยู่ดี อย่างที่บอกไปว่าผมน่ะไม่ถูกกับเรื่องสยองขวัญและก็พวกผีทั้งหลาย เพราะงั้นเจ้าพวกปีศาจเด็กตรงหน้านี่ มันเข้าล็อคทุกอย่าง ทำไมน่ะเหรอเพราะรูปร่างของพวกมันนั้นแม้จะเป็นสัตว์ป่าสีดำแต่ก็ยังมีร่องรอยแขนขาหรือใบหน้าของพวกเด็ก ๆ ที่มันปลอมตัวหลงเหลืออยู่

ไม่ว่าจะด้วยเพราะพลังมันยังไม่พอหรือเพราะเจ้านายของมันรีบเรียกพวกมันเร็วเกินไป แต่ก็ยังสยองอยู่ดี สยองจนขาของผมสั่นพั่บๆ รัว ๆ แล้วเนี่ย

‘เป็นอะไรไปยัยหนู เจ้าปีศาจพวกนี้น่ะ อ่อนแอกว่าพวกด้านนอกที่เจ้าเพิ่งจัดการ ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จัดการมันในครั้งเดียวเลย’

ไม่ไหวราส ปากกับขามันขยับไม่ไหว น่ากลัวอะ เจ้าพวกปีศาจพวกนี้มันน่ากลัวเกินไป!!! นายดูนั่นสิ นั่นมันหัวเด็กกำลังร้องเรียกนะ ไม่พอยังมีตาเหลือกใส่ด้วย

‘เป็นนักบุญแต่กลัวผีเนี่ยนะ เมื่อครู่เจ้าเพิ่งจัดการตัวโหดกว่านี้ได้ไม่ใช่เหรอไง’

เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนล่ะเรื่องกันเลยราส ระหว่างศัตรูโหดกับศัตรูสยองขวัญ นายต้องใจผมนะ!!

‘ไม่เข้าใจโว้ยย ต่อให้มันจะเป็นผีหรือปีศาจสุดสยองแต่อย่าลืมสิว่ามันทำอะไรเจ้าไม่ได้น่ะ’

แต่มันทำผมกลัวได้!!!

‘ให้มันได้แบบนี้สิ… สงสัยข้าต้องรับบทให้กำลังใจแล้วสินะ’

เจ้าราสถอนหายใจออกมาระหว่างที่ผมยังคงขาสั่นตัวสั่น พยายามหลบหน้าหลบตาไม่มองเจ้าร่างสุดสยองไม่สมประกอบนั่น ในใจก็ท่องมันหมดทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสวดหาพระเจ้าหรือพระสงฆ์ ศาสนาไหนมีผมก็สวดเอาหมด

“นะโม นะโม พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดช่วยลูกช้างด้วยยย”

‘คิดดูนะออโรร่า ตอนนี้เพื่อนเจ้าเพิ่งถูกจับตัวไป จะโดนมันทำมิดีมิร้ายหรือเอาไปเป็นเครื่องสังเวยไหมก็ไม่รู้’

ซิ…ซิลวี่จะเป็นอันตาย

‘ใช่แล้วยัยหนู ถ้าเจ้าปล่อยให้ความกลัวมันชนะเจ้าในตอนนี้ ตัวเจ้าน่ะพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอยากช่วยสหายของตนเองน่ะ แล้วเจ้าจะปล่อยให้ความกลัวเล็กน้อยนี่มาชนะมิตรภาพอันงดงามของเจ้าเหรอ คิดดูยัยหนูคิด’

ราสพยายามตะโกนเข้ามาในหูของผมประดุจดั่งไลฟ์โค๊สกำลังสะกดจิตผู้รับฟัง และนั่นมันก็ได้ผล จิตใจของผมที่ปั่นป่วนมั่วซั่วเริ่มกลับมามั่นคง ภาพของซิลวี่ที่กำลังถูกเจ้าตาแก่ชั่วกำลังทำมิดีมิร้ายผ่านเข้ามาในมโนภาพทำเอาผมกำมืออย่างโกรธเคือง

ผมต้องสู้ เพื่อซิลวี่!!

‘ใช่ ยัยหนู แบบนั้นล่ะ ท่องเอาไว้ว่าเพื่อสหาย เจ้าทำได้ เจ้าเอาชนะความกลัวนี่ได้’

ผมเอาชนะความกลัวนี้ได้….

“พี่สาวมาเล่นกันนนนนน”

“กรี๊ดดดดดดดด”

‘บ้าเอ้ย อีกนิดเดียวแท้ ๆ ไอ้ปีศาจเวรช่วยหุบปากหน่อยได้ไหม ข้าเกือบชงขึ้นแล้วนะ!!!’

ทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากเด็กผีดังออกมาก็ทำเอาความกลัวที่กำลังพ่ายแพ้ไปมันพุ่งทะลวงมาอีกครั้ง ตอนนี้แม้ใจมันจะอยากเดินออกไปช่วยเหลือซิลวี่ แต่ร่างกายมันดันกลับไม่ขยับตามที่สั่ง

ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่รัวจนราวกับมันจะระเบิดออกมา ความเย็นเยียบที่วิ่งผ่านไปทั่วสันหลัง ขาและแขนที่แข็งเกร็งจนราวกับมันเป็นหิน แม้จะใช้ความกล้าหาญเพียงใดแต่ก็ยากที่จะฝืนธรรมชาติของจิตใจตัวเองไปได้

มีเวทอะไรพอช่วยได้ไหมเนี่ยราส ขอร้องล่ะ ไม่ไหวอะ พวกมันน่ากลัวเกินไป แบบนี้ไม่ไหวแน่ มันจะต้องจับผมกิน จับผมไปรวมร่างสุดสยองแล้วก็ แล้วก็…ฮือออ

‘ไม่ไหว ยัยหนูสติแตกไปแล้ว ให้ตายสิ ดีนะนี่ยังมีเกราะศักดิ์สิทธิ์อยู่ทำให้พวกมันเข้าใกล้ไม่ได้น่ะ’

ก๊าสสส

‘ให้มันได้แบบนี้สิ ยัยหนูเตรียมหลบเร็ว’

เสียงเตือนของราสเรียกให้ผมหันขึ้นมามองก็พบว่าพวกมันรู้ตัวว่าตัวเองเข้าใกล้ผมไม่ได้จึงพยายามเว้นระยะห่างจากผม และตอนนี้ก็เริ่มคิดหาทางจู่โจมเรียบร้อย โดยบางตัวเริ่มอ้าปากออกมา ภายในนั้นมีเข็มขนาดใหญ่งอกออกมา

หากเป็นแค่เข็มเดียวคงไม่เป็นปัญหา แต่นี่พวกมันกลับงอกเข็มมาจากทุกทิศทุกทางหวังจัดการผมจากระยะไกลเพื่อทดแทนเรื่องบาเรียศักดิ์สิทธิ์

ต้องหลบ!!

คิดได้แบบนั้นผมก็พยายามจะขยับตัวเตรียมดีดร่างของตัวเองออกไปแต่ว่าขาที่ก่อนหน้านี้สั่นไปกลับแข็งไม่ฟังคำสั่งของสมอง มันไม่ขยับตามความต้องการของผม

แย่แล้วราส ตะคริวกิน!!!

‘ร่ายเกราะป้องกันเร็ว!!’

“ข้าแต่พระองค์ ขอท่านปกป้องข้าจากอันตรายทั้งหลายที่พุ่งเข้ามากล้ำกรายด้วยเถิด!!”

สิ้นคำพูดของผม ละอองแสงเจิดจ้าได้พุ่งออกมาจากร่างของผมทุกทิศทาง มันได้ควบรวมกันจนกลายเป็นเกราะขนาดใหญ่ตรงหน้า เข็มสีดำจำนวนมากที่พุ่งเข้าใส่ได้สลายไปทันทีเมื่อสัมผัส

“อึก….เหมือนร่างกายจะยังปรับตัวได้ไม่ดีเท่าที่คิดนะ”

‘ร่ายเวทต่อเนื่องยังไม่ได้สินะ.. ถ้างั้นเตรียมตัวหลบได้เลยดูท่าอีกไม่นานเกราะเจ้าน่าจะแตกแล้ว’

เป็นอย่างที่ราสบอก ตัวเกราะแสงสว่างตรงหน้าผมเริ่มบ่งบอกถึงอาการไม่เสถียรเท่าไหร่ แสงที่ควรจะสว่างจ้ากลับเริ่มริบหรี่ลงเรื่อย ๆ

‘เริ่มพอขยับได้เหรอยังยัยหนู’

พอตั้งสติได้บ้างแล้วล่ะ…มั้ง

ตอนนี้ที่พวกมันเปลี่ยนมาใช้เข็มโจมตี พวกเสียงร้องชวนสยองและใบหน้าเด็ก ๆ ก็หายไปด้วยนั่นทำให้ความกลัวในใจของผมลดลงไปหลายส่วน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามาอีกจะเป็นอย่างไร

‘พลังศักดิ์สิทธิ์เริ่มลดลงรวดเร็วแล้ว นับถอยหลังแล้วเตรียมโดดหลบนะ’

เข้าใจแล้ว

“กรี๊ดดด พี่สาววว”

ว้ากกกกกกกกกก

ชิ้ง

ชั่วพริบตาเดียว แสงสว่างตรงหน้าของผมได้จางหายไป พร้อมกับเข็มขนาดใหญ่ได้พุ่งทะลวงเข้าหาหวังสังหารตัวของผม ทว่าในตอนนั้นเองที่เกิดเสียงดังกังวาลคล้ายโลหะกระแทกขึ้นก่อนที่เข็มนับสิบจะหักกองกับพื้น

“โลว์นี่กลับมาช่วย….. หือ นายมาที่นี่ได้ไงน่ะ”

ตรงหน้าของผมคือร่างของเด็กชายผมสีดำ ดวงตาสีม่วงส่องสะท้อนกับแสงที่กำลังค่อย ๆ จางหายไปของผม มันจดจ้องไปที่เหล่าศัตรูรอบข้างอย่างอาฆาตแค้นราวกับพวกมันไปฆ่าบุพการีของเขา

มือของเด็กชายคนนี้กำดาบแน่นก่อนที่ชั่วพริบตานั้นเองที่ร่างของเขาจะหายไปราวกับสายลม เสียงสายลมถูกเหล็กแหวกออกดังมาแทบกันเป็นจังหวะซ้อนกัน ในตอนนั้นเองที่ร่างของปีศาจนับสิบได้ตัวขาดออกและนอนตายกับพื้น ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นไม่ถึงนาที

“ไม่เป็นอะไรแล้วนะออโรร่า ผมสัญญาว่าตราบใดที่ผมอยู่ตรงนี้จะไม่มีใครทำอันตรายเธอได้”

ดวงตาสีม่วงจ้องมาที่ผมอย่างห่วงยัย พลางใบหน้าอันนิ่งสงบไร้อารมณืก็เผยยิ้มออกมาจาง ๆ แต่นั่นไม่ได้เข้าหัวของผมเรียบร้อยเพราะตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงกรีดร้องของปีศาจพวกนั้น สติของผมก็แตกกระเจิงไปหมดแล้ว

“ฮือออ ไรน์ช่วยด้วย ผี ผีมันนนน”

“ออโรร่า..ดะ…เดี๋ยว ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”

น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนมาก มือหนึ่งได้ปล่อยจากดาบก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมาเพื่อเอามือลูบหัวของผมเบา ๆ เพื่อปลอบ

“ผีน่ากลัวมากเลยค่ะเสียงร้องของมันน่ากลัวมาก”

มาลูบหัวกันงั้นเหรอ.. นี่กะจะโชว์ว่าตัวเองมีศักดิ์เหนือกว่าในฐานะลูกศิษย์ของคุณพ่อสินะ.. แต่ตอนนี้จะยอมให้ก่อนก็ได้ ขอหลบผีก่อนแล้วกัน ฮือ น่ากลัว

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เธอไม่ต้องฝืนอะไรทั้งนั้นแล้วออโรร่าเพราะผมน่ะ…”

“ไอ้เด็กเปรต ที่แท้ก็เป็นแกที่เล็งลูกสาวข้าจริง ๆ ด้วย!!”

ตู้มมม

เสียงดังสนั่นขึ้นพร้อมกับร่างของไรน์ที่ปลิวไปติดกับกำแพงก่อนจะแทนที่ด้วยร่างสูงอันแสนคุ้นเคย ร่างของคุณพ่อที่รักของผม

“หึ ว่าแล้วว่าแกมันไว้ใจไม่ได้ ออโรร่าช่างไอ้เด็กนั่นมันเถอะ พ่อมาช่วยลูกแล้วนะ”

“คะ..คุณพ่อ มานี่ได้ไงกันคะ”

ตอนนี้ที่สติผมเริ่มกลับมาและเรียบเรียงความคิดได้ก็ทำเอาผมสงสัยว่าสองคนนี้ที่ควรอยู่ที่บ้านเกิดของผมมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ถ้าจะบอกว่ามาเพื่อช่วยผมมันก็ดูจะมาเร็วไปหน่อย

“ได้ข่าวว่าลูกต้องมาแดนเหนือ พ่อได้แต่คิดว่าลูกจะต้องทนหนาวเหน็บขนาดไหนและยังมีพวกขุนนางบางคนที่อาจจะแอบอาศัยจังหวะที่ลูกป่วยจากอากาศหรือความคิดถึงบ้านมาล่อลวงลูก แค่นี้ก็เอาพ่อกินไม่ได้นอนไม่หลับจึงอยากมาดูเพื่อวางใจ แต่ใครจะคิดว่าไอ้งูพิษมันจะอยู่ใกล้ตัวนี้เอง!!!”

คุณพ่อพูดสาธยายออกมายาวจนแทบจะฟังไม่ทัน แต่คำพูดของเขาเรียกให้ผมหันไปหาร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่ตอนนี้ร่างติดกำแพงไม้ซึ่งยุบเป็นหลุมลงไป เขาค่อย ๆ พยายามประคองตัวเองขึ้นมาพลางร้องโอดโอย

“คุณซิคก์ อะไรกันครับเนี่ยผมก็เป็นห่วงออโรร่าเหมือนกันนั่นล่ะครับ แล้วงูพิษอะไรนั่น… ผมไม่เคยคิดไม่ดีเลยนะครับ”

“ไม่ฟังโว้ย ข้าเห็นนะว่าแกแอบเอามือสกปรกของอสรพิษมาลูบหัวอันล้ำค่าของออโรร่าน่ะ โถ่ลูกพ่อ สกปรกหมดแล้ว”

อ่า… บรรยากาศชวนคิดถงึนี่มันอะไรกันนะ เจ้าไรน์ที่พยายามอวดตัวเองในการเป็นศิษย์รักแล้วก็คุณพ่อที่ห่วงผมมากเกินไป

ถึงเหตุผลที่มาหาจะดูแปลก ๆ ไปแต่นี่ก็นับว่าโชคดีแล้วล่ะ ถ้าได้สองคนนี้มาช่วยโดยเฉพาะคุณพ่อ ผมว่างานนี้การช่วยซิลวี่คงไม่ยาก

“ทั้งสองคนมาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ หนูกำลังอยากจะช่วยเพื่อนของหนูพอดี เธอถูกปีศาจจับตัวไปน่ะ”

“ได้เลยลูกรัก แค่ลูกขอมา ต่อให้เป็นจอมมารพ่อก็ฆ่าให้ได้”

ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคุณพ่อ เวอร์ไปแล้ว

“ออโรร่า… เธอพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผมกับคุณซิกค์จะจัดการให้เอง”

หนอยเจ้าหมอนี่ อยากอวดฝีมือที่ฝึกมากับคุณพ่อจนบอกว่าผมมันไร้ประโยชน์งั้นเหรอ ฝันไปเถอะน่า เพื่อนรักของผม ผมก็ต้องช่วยเอง!!

“ไม่ค่ะ ซิลวี่คือเพื่อนรักของหนู หนูต้องช่วยให้ได้”

ที่จริงทั้งสองก็เหมือนจะค้านไม่อยากให้ผมต้องไปเจออันตราย แต่เมื่อพวกเขาเจอท่าไม้ตาย สายตาออดอ้อนของออโรร่าก็มีแต่ต้องยอมแพ้กันไป

“ก็ได้แต่ลูกต้องสัญญาว่าจะไม่ฝืนตัวเองนะ”

“ค่ะ หนูสัญญาเลยค่ะคุณพ่อ”

“แล้วซิลวี่ที่ว่าถูกจับตัวไปไหนล่ะ”

“เรื่องนั้น….”

ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อฟัง เขาก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเสนอความคิดมาให้

“ท่าทางจะยุ่งยากกว่าที่คิดแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าปีศาจนั่นคงพาเพื่อนของลูกไปที่แนวหลังของคนเถื่อนบูชาปีศาจพวกนั้นแล้ว”

แค่คิดก็ลำบากจริง ๆ เพราะถ้าเป็นปีศาจผมก็จัดการได้ไม่ยากขอแค่หน้ามันไม่สยอง แต่ถ้าเป็นคนจริง ๆ ผมยังไม่มั่นใจว่าเวทย์ของผมมันจะทำงานได้ดีขนาดไหน

แต่จะไปคิดอะไรมาก ตอนนี้มีคุณพ่ออยู่ด้วยแล้ว พวกคนเถื่อนก็สู้อะไรไม่ได้แน่นอนต่อให้มาเป็นกองทัพ เพราะงั้นออโรร่าพร้อมลุย!!!

คิดได้แล้วพวกเราก็วิ่งกันออกจากบ้านของเอลดรานเพื่อเตรียมไปช่วยเหลือซิลวี่กัน ซึ่งนับว่าโชคดีที่การเสริมพลังของผมกับซิลฟรอเทียจะไม่สูญเปล่า เพราะตอนนี้เงาดำทั้งหลายในเมืองหายไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกเงาที่พยายามตีฝ่าบาเรียของซิลฟรอเทียแต่ก็เข้าได้เพียงเล็กน้อยซึ่งไม่ยากเกินมือของพวกอัศวินและนักบวช

แต่ที่น่ากลัวคือตอนนี้ที่ปลายขอบฟ้าได้มีกองทัพขนาดใหญ่กำลังชูธงสีโลหิตหยาบ ๆ โบกไปมือขึ้นพร้อมกับเสียงกู่คำรามราวสัตว์ร้าย ใช่ มันคือเหล่าคนเถื่อนที่หมายทำลายกลอริเอล เมืองศัตรูคู่แค้นตลอดกาล

“เพื่อนของลูกอยู่ที่หลังกองทัพนั่น.. เดี๋ยวเราไปช่วยเธอออกมาด้วยกันนะ”

“ค่ะ ถ้ามีคุณพ่ออยู่หนูมั่นใจว่าต้องทำได้”

“ผมคงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”

?!!

จู่ ๆ ก็มีแสงแทรกขึ้นมาเรียกให้สายตาของพวกผมทั้งสามหันไปตาม และที่ตรงนั้นเองที่มีร่างในชุดคลุมสีแดงปิดหน้าปิดตาด้วยหน้ากากครึ่งหน้ากำลังยืนขวางพวกเรากับประตูเมืองเอาไว้

“นักบุญคนนั้นผ่านไปได้ แต่ปัจจัยภายนอกอย่างพวกคุณข้าคงมิอาจให้ไป”

“โห กล้าพูดแบบนี้… สงสัยอยากเจอดีสินะมาขวางทางฉันน่ะ”

“ใครจะไม่รู้จักยอดนักรบซิกค์ฮาร์ต นักรบในตำนานกันล่ะ”

ร่างนั่นสูงใกล้ ๆ กับคุณพ่อแต่ด้วยความที่มันปิดหน้าตาจึงยากที่จะแยกออกถึงตัวตน แต่ไม่รู้ทำไมทั้งผ้าคลุม รังสีที่ปล่อยออกมารวมถึงแววตาใต้หน้ากากนั้นมันช่างรู้สึกคุ้น ๆ แปลก ๆ

“รู้แล้วยังจะขวางงั้นเหรอ”

“เพราะรู้ไงล่ะ… ว่าคุณน่ะเอาชนะผมไม่ได้หรอก”

ก็หวังว่าจะสนุกกันนะครับผม อีกไม่นานจะใกล้ไคล์แมคแล้วครับ