ตอนที่ 54 พวกเรานั้นต่างกัน...ต่างกัน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 54 พวกเรานั้นต่างกัน…ต่างกัน

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว

“ไปมหา’ลัยจิ้นซีครับ” ไป๋เยี่ยพูดกับโชเฟอร์

โชเฟอร์ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะพูดขึ้นทั้งรอยยิ้ม “โอ้ เรียนแพทย์แผนจีนเหรอ เก่งๆ! ไม่กี่วันก่อนก็มีงานแข่งความรู้แพทย์แผนจีนไม่ใช่เหรอ เก่งจริงๆ เลยเนอะ! เรียนแพทย์แผนจีนก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย..”

โชเฟอร์พูดมากตลอดทั้งทาง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงบอกว่าพวกคนขับรถมีฝีปากเหมือนพิธีกร ก็เพราะพวกเขาทำให้รายการดำเนินไปอย่างมีสีสันได้จนจบยังไงล่ะ แถมพวกเขายังเป็นพวกคนมีความรู้อีกด้วย

ไป๋เยี่ยเองก็คุยไปหัวเราะไปกับโชเฟอร์

ระหว่างทาง ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากหวังเหมิ่ง เขาบอกว่าเขาจะมาต้อนรับไป๋เยี่ยเอง พร้อมทั้งบอกว่ากำลังรอไป๋เยี่ยอยู่ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ไป๋เยี่ยจึงปฏิเสธเขาไม่ได้

ทันทีที่ลงจากรถ หวังเหมิ่งก็เข้ามาลากกระเป๋าให้ไป๋เยี่ย จากนั้นก็พาไป๋เยี่ยกลับไปกินข้าวที่บ้านของเขา พอสี่ทุ่มกว่าก็พาไป๋เยี่ยมาส่งที่มหาวิทยาลัย

เมื่อกลับมาถึงหอพัก ไป๋เยี่ยก็ต้องตกตะลึงทันทีที่เปิดประตูเข้ามา!

“ผอ.หู หัวหน้าเหยียน หัวหน้าสวี่ ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่”

สวี่จงเหล่ยแกล้งด่า “ไปไหนมาไอ้หนุ่ม รู้ไหมว่าผอ.กับหัวหน้ารอนายมานานแค่ไหนน่ะ”

ไป๋เยี่ยจึงลูบจมูกแก้เขิน “ขอโทษที่ทำให้ทุกท่านเสียเวลาครับ ระหว่างทางกลับมาเกิดเรื่องนิดหน่อย ก็เลย…”

หูเฟิงอวิ๋นจ้องไป๋เยี่ยไม่ละสายตา ยิ่งมองก็ยิ่งเอ็นดูและผูกพันกับเด็กคนนี้ จนอดมองเขาเป็นลูกชายของตนเองไม่ได้ ถ้าลูกชายทำผิดควรดุไหม แน่นอนว่าไม่! แต่ต้องค่อยๆ สอนเขา! “เสี่ยวสวี่ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ไป๋เยี่ยอาจจะมีธุระจริงๆ ก็ได้ คุณเองก็พูดอยู่นี่ว่าคุณเหนื่อยกับการสอบมากแค่ไหน ถึงต้องไปพักผ่อนดีๆ”

เหยียนหมิงยิ้มกว้าง “อืม ใช่ พวกเรารอได้น่า เขาเนี่ยน้า อายุปูนนี้แล้วยังชอบนั่งคุยกับเด็กอยู่เลย มีความสุขแบบนี้ค่อยดูเด็กลงหน่อย!”

พ่างจื่อกระตุกยิ้มมุมปาก เหอะ แล้วเมื่อกี้ใครกันนะที่อุดจมูกหนีเพราะว่าเท้าฉันเหม็นน่ะ!

ไป๋เยี่ยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าทันที จึงเอ่ยถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับผอ.”

หูเฟิงอวิ๋นไม่ได้บอกเหตุผลเขาไป แต่กลับถามขึ้นอย่างใจเย็น “เสี่ยวเยี่ย เมื่อวานดิฉันโทรหาคุณตั้งหลายสาย แต่ทำไมคุณถึงไม่รับสายเลยล่ะ โทรศัพท์พังเหรอ”

ไป๋เยี่ยจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนั้นที่เขาถูกโจรหลอก โทรศัพท์ของเขาก็ดันมีปัญหาเสียอย่างนั้น

เพียงแต่ว่า…คำพูดของหูเฟิงอวิ๋นนั้นทำให้ทั้งสวี่จงเหล่ย พ่างจื่อ และคนอื่นๆ ผงะไปตามๆ กัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้อำนวยการหญิงแกร่งผู้เลือดร้อนและเข้มงวดผู้นี้จะมีมุมอ่อนโยนเหมือนแม่ด้วย

แม้แต่เหยียนหมิงก็อดตัวสั่นไม่ได้

ไป๋เยี่ยส่ายหัวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “ไม่ครับ…โทรศัพท์…ผมมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ”

แววตาของหูเฟิงอวิ๋นเปลี่ยนไปในทันที

“ให้ตายสิ เสี่ยวเยี่ย มีปัญหาอะไรก็บอกทางมหา‘ลัยเรามาสิ ปล่อยให้โทรศัพท์พังแบบนี้ได้ไง ถ้าเจอเรื่องลำบากต้องบอกพวกเรานะ

จริงด้วย หัวหน้าเหยียน ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมยาตงเผิงเข้ามาร่วมมือจัดตั้งทุนการศึกษากับสาขาแพทย์แผนจีนของเราไม่ใช่เหรอ ก็เอาทุนตงเผิงให้ไป๋เยี่ยไปซะสิ เฮ้อ ก่อนหน้านี้พวกเราให้ความสนใจเด็กเก่งๆ อย่างเขาน้อยเกินไปจริงๆ นะเนี่ย!”

“โชคดีที่วันนี้ฉันมาที่นี่ เห็นหวังโหย่วฝูบอกว่าเมื่อก่อนคุณต้องไปนั่งเรียนออนไลน์ที่ร้านอินเทอร์เน็ตเพราะว่าคอมพิวเตอร์พัง ทั้งไม่มีเงินไปซื้อหนังสือเตรียมสอบเรียนต่อป.โท คอร์สติวก็ไม่ได้ลง พอช่วงใกล้สอบ ก็ได้ยินมาอีกว่าคุณรับงานแก้ธีสิสให้พวกรุ่นพี่ แก้จนตีสี่ก็ยังไม่ได้นอน! เฮ้อ ถึงจะเก่งแค่ไหนแต่ก็ไม่ควรต้องมาแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มหรือเปล่า”

“ฉันไปสืบมาจนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเสี่ยวเยี่ยก็มาจากหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาในมณฑลจิ้นซีนี่เอง ครอบครัวคุณมีสี่คนใช่ไหม มีน้องสาวเรียนชั้นม.6 อยู่หนึ่งคน ส่วนคุณป้าก็มาจากชนบทเหมือนกัน ที่บ้านคุณคงลำบากมากเลยสินะ”

“เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะกลับไปประชุม ให้ทางมหา’ลัยยกเลิกค่าเทอมให้กับนักศึกษาที่มาจากครอบครัวที่ลำบากแต่มุ่งมั่นในการเรียน”

ไป๋เยี่ยได้ยินก็สับสน

ฉันเนี่ยนะไปร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อไปเรียน อืม เยี่ยมไปเลย

ไม่มีเงินซื้อหนังสือก็ใช่อยู่หรอก แต่ก็ยังมีพี่สวี่เหยียนคอยส่งนั่นนี่ให้ตลอดนะ

นั่งปั่นธีสิสทั้งคืนก็ถูก!

อะไรเนี่ย นี่ฉันดูลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เห็นจะเคยรู้มาก่อนเลย

หูเฟิงอวิ๋นพูดจาใส่อารมณ์เสียจนเหยียนหมิงและสวี่จงเหล่ยต้องพากันถอนหายใจ ฟังไปน้ำตาก็จะไหล แม้แต่พ่างจื่อยังฟังไปเกือบหลุดขำไปเลย!

ไป๋เยี่ยขยี้ตา “ผ…ผ…ผมจะไม่ทำให้ผอ.ผิดหวังครับ!”

หูเฟิงอวิ๋นถอนหายใจ “เด็กดี ป้าน่ะไม่มีลูกชายสักคน ไม่อย่างนั้น…”

หูเฟิงอวิ๋นกำลังจะบอกให้ไป๋เยี่ยมาเป็นลูกชายของตน ทว่าจู่ๆ เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ถึงแม้เธอจะไม่มีลูกชายเลยสักคน แต่เธอก็มีลูกสาวอยู่แล้วนี่นา เธอจะรับเขามาเป็นลูกชายไม่ได้! ถ้ารับมาแล้วใครจะเป็นลูกเขยล่ะ

คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดโดยเร็ว “ถึงป้าจะไม่มีลูกชาย แต่ป้าก็เข้าใจถึงความรับผิดชอบในใจหนูอยู่ดีนะ”

แล้วก็เป็นเช่นนี้ไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งจู่ๆ พ่างจื่อก็อาเจียนออกมา “ขอโทษครับ…เมื่อเที่ยงผมกินเยอะไปหน่อย…เลยคลื่นไส้น่ะ”

หูเฟิงอวิ๋นจึงเอ่ยเสียงเรียบ “หวังโหย่วฝู เมื่อกี้ฉันเพิ่งเห็นว่าสมุดบันทึกการฝึกงานทั้งสามเล่มของคุณยังโล่งอยู่เลย รีบทำให้เสร็จซะนะ เรียนจบเมื่อไหร่ฉันจะตรวจให้ละเอียดเลย”

พ่างจื่อนิ่งไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลคลอเบ้า เขาเอ่ยขึ้นพลางชี้ไปที่สมุดของไป๋เยี่ยด้วยความน้อยใจ “ไป๋เยี่ยก็ยังไม่ได้ทำนะครับ…”

หูเฟิงอวิ๋นยิ้มเยาะ “พวกคุณต่างกันยังไงล่ะ…”

พ่างจื่อได้ยินก็ถึงกับเซราวกับเขาตกอยู่ในภวังค์ ความคิดทั้งหมดดับสูญไปในพริบตา มีเพียงเสียงเพลงดังระงมในหัวของเขา พวกเรานั้นต่างกัน! ต่างกัน…[1]

หูเฟิงอวิ๋นหันไปพูดกับไป๋เยี่ย “คืออย่างนี้นะ เสี่ยวเยี่ย ครั้งนี้พวกคุณได้สร้างผลงานอันโดดเด่นให้กับการแพทย์แผนจีนของมณฑลจิ้นซี ทางมณฑลจึงตัดสินใจประกาศจัดงานมอบเหรียญเกียรติยศให้กับพวกคุณ ในเช้าวันพรุ่งนี้ งานจะถูกจัดขึ้นที่สภาประจำมณฑล ถึงตอนนั้นจะมีสำนักข่าวเข้ามาถ่ายทอดสดด้วย เตรียมตัวไปดีๆ ล่ะ”

“เสียวสวี่ คุณก็ด้วย เตรียมตัวมาให้ดี พรุ่งนี้คุณก็ขับรถพาไป๋เยี่ยไปที่นั่นด้วยเลยแล้วกัน” หูเฟิงอวิ๋นพูดกับสวี่จงเหล่ย

สวี่จงเหล่ยผงะไปชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างเกร็งๆ “หัวหน้า…คือว่า…ผมไม่มีรถแล้ว”

หูเฟิงอวิ๋นนึกอะไรขึ้นได้จึงบอกเขาไปว่า “คุณเองก็อุทิศตนให้กับมหา‘ลัยของเรามามากแล้ว ต่อไปก็ขับรถระวังๆ หน่อย พรุ่งนี้คุณก็ไปรอที่ลานจอดรถเดินขบวนของมหา‘ลัยแล้วกัน ฉันจะบอกให้คนขับรถของฉัน ‘เสี่ยวหวัง’ พาคุณไปเอารถมาขับไปก่อน”

สวี่จงเหล่ยได้ฟังก็ค่อยชื่นใจหน่อย ทว่าไม่ทันไรหูเฟิงอวิ๋นก็พูดแทรกขึ้นมา “อ้อ แล้วก็ ขับรถช้าๆ นะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าให้เสี่ยวเยี่ยเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ!”

พูดจบ หูเฟิงอวิ๋นก็เดินออกไปพร้อมกับเหยียนหมิง ส่วนสวี่จงเหล่ยก็กล่าวลาไป๋เยี่ยอยู่สักครู่ก่อนจะจากไปบ้าง

เหลือแต่พ่างจื่อที่เอาแต่นั่งร้องไห้ไม่มีน้ำตา พลันสายตาก็จ้องไปยังสมุดเล่มหนา ซึ่งหนากว่าศัพทานุกรมซินหัวสามเล่มมัดรวมกันทั้งสามเล่มตรงหน้า มีทั้ง ‘สมุดบันทึกประวัติผู้ป่วย’ ‘สมุดบันทึกการประเมิน’ และ ‘สมุดบันทึกการฝึกงาน’ กว่าจะเขียนเสร็จก็คงต้องใช้เวลาพักใหญ่!

ไป๋เยี่ยกระแอม ในขณะเดียวกัน ต้วนเย่ว์ก็เริ่มฮัมเพลงขึ้นมาท่อนหนึ่ง “พวกเรานั้นต่างกัน…ต่างกัน”

ทำเอาพ่างจื่อแทบจะหมดอาลัยตายไปเลยทีเดียว!

[1] เป็นเนื้อร้องจากเพลง 我们不一样 (พวกเรานั้นต่างกัน) ซึ่งขับร้องโดยศิลปิน ‘ต้าจ้วง’