ตอนที่ 49 ซื่อซ่าวไม่โอเคแล้ว

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

ตอนที่ 49 ซื่อซ่าวไม่โอเคแล้ว

หลิงเล่รับปากจะช่วยเขา ซึ่งหนีหย่าจูนไม่ได้คาดคิดไว้เลย

หนีหย่าจูนเหมือนจะคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง และเมื่อหันหลังจะเดินออกไปก็พูดกับหลิงเล่ว่า“เมื่อคืน พี่สะใภ้บอกผมว่า เธอชอบผู้ชายอบอุ่น”

ก็แค่ให้คำแนะนำพี่ชายคนนี้เล็กน้อย

รู้ตัวว่าเขาหลับหูหลับตาทำให้เจ็บปวดตลอดทั้งวัน และทำให้ตัวเองกับเด็กผู้หญิงในบ้านรู้สึกทรมานเหมือนไม่ใช่วิธีการจัดการแบบผู้ใหญ่

และหลังจากที่เขาเดินออกไป ผู้ชายบนรถเข็นก็ขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด ผู้ชายอบอุ่น?

ตลอดทั้งวันนี้ มู่เทียนซิงนอนอยู่บนเตียง

ข้างๆเตียงของเธอมีรถเข็นอาหารคันเล็กๆหนึ่งคันมีสี่ชั้น ชั้นแรกมีนมสดกับน้ำผลไม้ ทั้งหมดนั้นอยู่ในกระติกเก็บความร้อน ชั้นที่สองมีเค้กเล็กๆกับมูส และขนมพุดดิ้ง เป็นประเภทของหวานต่างๆนานา ชั้นที่สามคือผลไม้สด และชั้นที่สี่มีข้าวผัด ผัดหมี่ และเกี๊ยวนึ่ง ซึ่งเป็นประเภทอาหารหลัก

ในมือของเธอถือแท็บเล็ตพีซีอยู่ และเป็นของหลิงเล่

เธอไม่ได้จะเอา แต่เธอคลำเจอจากใต้หมอน จึงเอาออกมา

เมื่อนอนเต็มอิ่ม เบื่อ และอยากจะเล่น ก็พบว่าต้องใส่รหัสผ่าน แต่เธอยังไม่ได้พูดออกไปเลย ฉวีซือเหวินถือแท็บเล็ตพีซีไปที่ห้องหนังสือ และเอากลับมาให้เธอเล่น

เห็นได้ชัดว่า รหัสผ่านคือลายนิ้วมือของหลิงเล่

เมื่อใกล้จะค่ำ เธอรู้สึกว่าร่างกายเธอดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นทำอะไรไม่ได้เลย หลังจากไข้ลดลงก็มีเหงื่อออกแล้วด้วย

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็เปลี่ยนชุดเดรสกระโปรงสีดำ คอวี เย็บรอบเอว กลีบกระโปรง และกระชับเข้ารูปตรงสะโพก

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออก

เมื่อเธอปรากฏตัว ทุกคนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

จั๋วซีมองเธอ“คุณหนูมู่ อยากจะกินอะไรไหม?”

เธอส่ายหัว“ยังไม่เคยมาที่นี่ อยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหม?”

ตอนเช้าป่วย พอตอนเย็นดีขึ้นเล็กน้อย ก็จะออกไปดูวิวของเมืองนี้มันได้เหรอ?

ถึงแม้ว่ามู่เทียนซิงจะไปเที่ยวมาหลายประเทศ แต่น้อยมากที่มีโอกาสไปเมืองอื่นของประเทศตัวเอง ซึ่งเมื่อก่อนตอนอยู่ที่เมืองชิงเฉิง ก็รู้สึกว่าเมืองชิงเฉิงเป็นเมืองเล็กๆ แต่หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่เมือง M ก็รู้สึกว่าเมือง M กำลังไล่พัฒนาตามต่างประเทศอยู่

ตอนนี้ เธอก็อยากจะไปดูวิวของเมือง H ว่าดีเหมือนกับเมือง M ไหม

จั๋วซียิ้มออกมาอย่างลำบากใจ“คุณหนูมู่ ร่างกายท่านยังไม่หายดี ต้องพักผ่อนเยอะๆ”

มู่เทียนซิงแลบลิ้มออกมา เปลี่ยนเป็นทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู เพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการ ซึ่งไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ร้อนรน ใช้ความรุนแรงและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งนั้น

เธอหันกลับทันที พร้อมพูดว่า “งั้นก็ช่างมันเถอะ”

จู่ๆฉวีซือเหวินก็คิดอะไรบางอย่างออก แล้วผลักแขนของจั๋วซี “คลิปวิดีโอล่ะ?”

“คลิปวิดีโอ?” จั๋วซีหยุดชะงัก และคิดอยู่พักหนึ่งก็พยักหน้าทันที “ใช่ๆ คลิปวิดีโอ! คุณหนูมู่ ท่านดูนี้ก่อน ”

มู่เทียนซิงถูกเขาเรียก และเอื้อมมือรับโทรศัพท์ของเขามา

คลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ได้ระบุเวลาของวิดีโออย่างชัดเจน เริ่มจากหลิงเล่เดินเข้าโรงแรม จากนั้นพวกเขาขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการ และออกจากลิฟต์แล้วเดินเข้าไปในห้องชุด ซึ่งมีพนักงานของโรงแรมมาสองครั้ง ครั้งแรกมาส่งอาหารเย็น อีกครั้งคือส่งเสื้อผ้า และสุดท้ายคือมู่เทียนซิงกับฉวีซือเหวินเดินเข้ามาในห้องชุดด้วยกัน

ในช่วงเวลานี้ ไม่มีเงาของผู้หญิงคนไหนเข้ามาในห้องชุดเลย

มู่เทียนซิงดูเสร็จ ก็พยักหน้าและพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนักว่า “อื้ม”

รูปร่างที่สวยงามหันกลับมา ซึ่งภายใต้แววตาและสีหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆเลย และเดินเข้าห้องนอนไปอย่างไม่มีความคิด ไม่มีความดีใจอะไรเลย แล้วปิดประตู!

จั๋วซีอ้าปากค้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเรื่องที่ซื่อซ่าวนอกใจจึงทำให้ร้องไห้อย่างหนักขนาดนั้น เมื่อรู้ความจริงเรื่องนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีปฏิกิริยาท่าทีการโต้ตอบใดๆเลย

ฉวีซือเหวินก็หยุดชะงักอยู่ที่เดิม และบางคนเดาไม่ได้เลยว่านี่เกิดอะไรขึ้น?

เธอยังคิดว่า มู่เทียนซิงหายป่วยแล้ว ดูคลิปวิดีโอแล้ว แล้วเรื่องเข้าใจผิดของหลิงเล่ก็คลี่คลายแล้ว และหลังจากนี้หลิงเล่ก็ไม่ต้องปากร้ายใส่อีก ซึ่งทำให้ความรู้สึกของทั้งสองคนค่อยๆดีขึ้น!

ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเกิดขึ้นเกินความคาดหมายของพวกเขาเสมอเลยล่ะ?

ในตอนนี้ มู่เทียนซิงหลบอยู่ในผ้าห่ม แล้วปิดไฟ อยู่คนเดียวลำพัง ยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างไม่มีเสียง!

ทุกคนไม่มีรู้เลย ว่าก่อนที่เจ้าหนีหย่าจูนคนนั้น ออกจากห้องของมู่เทียนซิง ได้กระซิบคำพูดนี้เอาไว้ “คุณวางใจได้ พี่ชายผมเป็นผู้ชายที่ดีแน่นอน ถ้าเขายังรังแกคุณอีก คุณอย่ารีบร้อนอย่าลุกลี้ลุกลน แค่ถ้าเขาแสดงออกมายังไง คุณก็แสดงออกไปอย่างนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว! ถ้าคุณยิ่งร้อนใจ ยิ่งลุกลี้ลุกลน ก็ยิ่งทำให้คนอื่นมองทะลุออกมาอย่างง่ายดาย และยิ่งง่ายที่จะทำให้เขาเหมือนตาย!”

ตอนแรกมู่เทียนซิงมีท่าทีที่สงสัยอยู่มาก แต่การเจอกันครั้งแรกกับหนีหย่าจูนค่อนข้างจะดีมากๆ

เธอเชื่อ ถึงแม้ว่าฉวีซือเหวินจะโกหกเธอ แต่หนีหย่าจูนไม่โกหกเธอหรอก!

และตอนนี้ ดูคลิปวิดีโอแล้ว แถมหนีหย่าจูนพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง!

โอ้พระเจ้า จะต้องอธิบายความรู้สึกของมู่เทียนซิงในเวลานี้ยังไง?

และดูเหมือนว่าพระเจ้าก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้ จึงส่งทูตสวรรค์ เทพยดาอย่างหนีหย่าจูนลงมาปกป้องเธอแล้ว!

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้——

จั๋วหรันผลักหลิงเล่ที่เพิ่งกลับมาจากการไปจัดการบางอย่างข้างนอก เข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็ได้ยินจั๋วซีพูดเรื่องเมื่อกี้กับฉวีซือเหวิน

หลิงเล่ได้ยิน และดูเหมือนจะไม่เชื่อ จึงขวมดคิ้วขึ้นแล้วเดินไปปิดประตูห้องให้สนิท และไม่พูดอะไรลย

สองทุ่มตรง

ฉวีซือเหวินไปเคาะประตูห้องมู่เทียนซิงเอง แล้วพูดกลับเด็กผู้หญิงที่กำลังถือแท็บแล็ตพีซีดูหนังอยู่ว่า “คุณหนูมู่ซื่อซ่าวบอกว่า ให้จั๋วหรันขับรถพาพวกคุณไปดูวิวของเมือง H ท่านจะไปด้วยไหม?”

มู่เทียนซิงกวาดสายตาไปมองอย่างไม่ใส่ใจแค่แว๊วหนึ่ง “ไม่ไป!”

ฉวีซือเหวินงงอยู่เล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าท่านอยากจะออกไปหรอกเหรอ?”

มู่เทียนซิงก้มลง ไม่พูด ไม่ดู และไม่ฟัง!

ใบหน้าเล็กๆที่สวยงาม ไม่เหมือนกับคำพูดที่ไม่สามารถเห็นได้ว่าสีหน้าที่แสดงออกมานั้นหมายถึงอะไร!

ฉวีซือเหวินแทบทรุดตัวลงอย่างหมดหวัง ทำไมเวลาผ่านไปแค่ครู่เดียว คุณหนูมู่ก็กลายเป็นซื่อซ่าวไปแล้วล่ะ?

การปรนนิบัติเจ้านายที่ยากจะเข้าใจหรือคาดเดาได้ยาก และเต็มไปด้วยความกังวล แถมตอนนี้ก็เพิ่มมาอีกหนึ่งคน!

หลังจากฉวีซือเหวินออกไป หลิงเล่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็เข้ามาเอง แล้วจ้องเธอ “ดีขึ้นแล้วยัง? ได้ยิน ซีบอกว่าคุณอยากจะออกไปเดินเล่น และดูว่าวิวตอนกลางคืนของเมือง H จะสวยมากแค่ไหน อยากจะออกไปไหม?”

มู่เทียนซิงเงยหน้ามองอย่างเฉยเมยและสีหน้าก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆแล้วพูดว่า “อื้ม”

หลังจากนั้นไม่นาน ก็วางแท็บเล็ตพีซีอย่างสง่างาม แล้วลุกขึ้นจากเตียง เขาก็ไม่ได้ฉวยโอกาสอะไร

หลิงเล่ตกใจกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินตามไป “ยังเจ็อคออยู่อีกไหม?”

มู่เทียนซิง “.”

“มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษไหม?”

“.”

“งั้น ได้ยินจาก ซีว่าคุณได้ดูคลิปวิดีโอแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ได้”

“คุณเอะอะโวยวายเสียงดังมาก!”

จู่ๆมู่เทียนซิงก็ขัดจังหวะของหลิงเล่ แล้วหยุดเดิน หันกลับมา และมองเขาจากบนลงล่าง!

หลิงเล่“.”

เขางงและไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วมองไปทางมู่เทียนซิง เหมือนกับลูกแกะที่สติเลาะเลือนและมีความคิดที่ทั้งสับสนทั้งงงงวยและรอเธอปลอบใจ

จนปัญญา เพราะมู่เทียนซิงไม่ตกหลุมพรางอีกต่อไป

เมื่อออกจากบ้าน มู่เทียนซิงก้าวออกไปข้างหน้า แล้วสลัดหลิงเล่ไว้ข้างหลังไกลๆ และไม่หันหลังกลับไปดูว่าเขาตามมาหรือไม่

ฉวีซือเหวินเตือนสติอย่างระมัดระวัง“คุณหนูมู่ซื่อซ่าวไม่โอเคแล้ว”

ใบหน้าของมู่เทียนซิงยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ และปฏิกิริยาท่าทางที่เธอโต้ตอบไปมีแค่ความเย็นชา “อื้ม”