บทที่ 44 เปิดเขตแดนสัตว์อสูร (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 44 เปิดเขตแดนสัตว์อสูร (ปลาย)

บทที่ 44 เปิดเขตแดนสัตว์อสูร (ปลาย)

ลู่หยวนเขียนอักขระสวรรค์สองสามคําแล้ววางไว้รอบ ๆ จากนั้นตัวเขาก็จากไป

ในเวลาเดียวกันที่หน้าห้องโถงหลักของตระกูลไป๋ ไป๋จางและผู้อาวุโสหลายคนกำลังเห็นว่าจากจัตุรัสหน้าห้องโถงหลัก ข่ายเวทหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และมีประตูมิติปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ประตูมิติค่อย ๆ เปิดออก ใบหน้าของไป๋ซีเจ๋อก็แสดงความคาดหวังเช่นกัน

หากเขาสามารถหาไป๋เจ๋อที่อยู่ข้างในเจอและทําสัญญากับมันได้ ไป๋ซีเจ๋อก็จะสามารถกลายเป็นนายน้อยผู้สืบทอดของตระกูลไป๋ได้อย่างแน่นอน!

ประตูมิติเปิดออก และเสียงของไป๋จางก็ดังขึ้น “ซีเจ๋อ ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รับอะไรบางอย่างจากการเดินทางครั้งนี้”

ผู้อาวุโสที่เหลือต่างแสดงสีหน้ามีความหวัง

ไป๋ซีเจ๋อพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วยกมือขึ้น “ซีเจ๋อจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตามหาไป๋เจ๋อ”

ประมุขวางมือไว้ข้างหลังเขา “ไปเถอะ”

อีกฝ่ายกําลังจะยกขาก้าวเดิน แต่แล้วเขากลับได้ยินเสียงของเด็กจากบนท้องฟ้า “เป็นเวลาหลายแสนปีแล้วที่ตระกูลไป๋เผชิญกับความโกลาหลในโลกหล้า”

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังร่างผอมบางที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งแผ่พลังมืดออกมาปกคลุมรอบร่างกาย เมื่อทุกคนเพ่งมองอย่างละเอียด พบว่าร่างบนท้องฟ้าคือเด็กสาวคนหนึ่งที่อบอวลไปด้วยจิตสังหาร

คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือของเผ่าภูติผี!

ไป๋จางตกตะลึงในใจ เพราะด้วยระดับวรยุทธ์ของเขา เหตุใดเขาถึงไม่รู้สึกตัวมาก่อนเลยว่าคนผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้น?

“เจ้าเป็นใคร? เจ้ามาทําอะไรในตระกูลไป๋ของข้า!?”

หัวใจของไป๋จางเต้นรัว และเสือดาวทองสีม่วงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของเขาทันที เสือดาวแยกเขี้ยวเผยความตั้งใจที่จะต่อสู้

“ไม่สําคัญว่าข้าผู้นี้เป็นใคร วันนี้ข้ามาหาตระกูลไป๋ของเจ้าเพียงเพื่อสิ่งเดียว”

ทันใดนั้นพลังมืดที่เคยปกคลุมร่างเด็กหญิงพลันปะทุขึ้น และกลิ่นคาวกลิ่นเน่าเหม็นก็คลุ้งไปทั่วทั้งจัตุรัสทันที

สายตาของนางกวาดลงและจับจ้องไปที่ไป๋ซีเจ๋อ “ข้าผู้นี้ต้องการชีวิตของเขา!”

เมื่อพูดเช่นนั้นจบร่างกุ่ยซู่ก็กะพริบ และในชั่วลมหายใจต่อมานางก็มาถึงร่างของไป๋ซีเจ๋อ ฝ่ามือที่ซีดขาวของนางซึ่งปะทุด้วยพลังมืดที่ชั่วร้ายโจมตีเขา

ไป๋ซีเจ๋อเห็นฉากทั้งหมดเต็มตา ทั้งการปรากฏตัวขึ้นของผู้มาเยือนและเห็นพลังมืดกำลังพุ่งเข้าหาใบหน้าของเขา ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องการหลบ แต่ร่างกายของเขาไม่มีเวลาตอบสนอง เขาทำได้เพียงมองฝ่ามือนั้นพุ่งตรงเข้าหาตน

ทว่าในช่วงเวลาเป็นตายนั้น ไป๋ซีเจ๋อรู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกดึงกลับอย่างกะทันหัน

กุ่ยซู่ซัดฝ่ามือฟาดลงกับพื้นจนเกิดเสียงระเบิดสนั่น ‘ตู้ม!’ ฝุ่นคลุ้งทั่วสถานที่และมีหลุมลึกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนทั่วบริเวณ

ไป๋ซีเจ๋อมองไปที่หลุมขนาดใหญ่บนพื้นอย่างตื่นตะลึง เขาคิดว่าหากโดนฝ่ามือนั้นเข้าจัง ๆ เกรงว่าทั้งร่างของเขาคงแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี

“ไม่เป็นไรแล้ว”

เสียงของไป๋จางดังมาจากด้านข้าง เมื่อไป๋ซีเจ๋อหันไปมองก็พบว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากไป๋จาง

ไป๋ซีเจ๋อรีบขอบคุณเขา “ขอบคุณท่านประมุข”

ประมุขไป๋ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องว่าที่นายน้อย ส่วนเหล่าผู้อาวุโสที่เหลือก็ชักอาวุธของพวกเขาออกมาด้วยท่าทางระมัดระวัง

“เจ้ามาจากเผ่าภูติผีหรือ?”

ดวงตาของไป๋จางหรี่ลง เผยให้เห็นเจตนาสังหาร

ผู้อาวุโสที่เหลือก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกับกำลังเผชิญศัตรูตัวฉกาจ

รอยยิ้มขบขันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็ก ๆ ของกุ่ยซู่ “ผู้นำตระกูลไป๋ เจ้ายังคงมีความรู้อยู่บ้าง”

“เผ่าภูติผีถูกกวาดล้างไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่ยังมีพวกเจ้าบางส่วนที่เล็ดลอดหนีไปได้สำเร็จ ซึ่งเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลายเลือกที่จะไม่ติดตามใส่ใจอีก ทว่าตอนนี้เจ้าได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เจ้ากำลังรนหาที่ตายงั้นหรือ!”

ประมุขไป๋แสดงท่าทางสูงส่ง “หากเจ้ายอมถอยไปตอนนี้ ข้าผู้นี้จะไม่ติดใจเอาความและปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป!”

ดวงตาของชายชราสงบ ในใจเขานั้นไม่ได้อยากต่อสู้

อีกฝ่ายเป็นขั้นเทียมเทพ ถ้าเข้าปะทะแบบตัวต่อตัว เขาสามารถเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็นแน่นอน

แต่คนของเผ่าภูติผีชำนาญการลอบสังหาร และโหดร้ายโดยธรรมชาติ ก่อนหน้านี้พวกเขาล่าถอยไปนานแล้ว ทว่าตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เกรงว่าเวลานี้ผู้คนในเผ่าพันธุ์จะเติบโตขึ้นมากจนมีความมั่นใจมากขึ้น

ตอนนี้เผ่าภูติผีปรากฏตัวในตระกูลไป๋ เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายพาพวกมาด้วยกี่คน

หากเกิดการปะทะขึ้นจริง ๆ แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ครึ่งก้าวสู่ขั้นเซียนยุทธ์ ผลลัพธ์หลังการต่อสู้มันจะเลวร้ายสําหรับตระกูลไป๋แน่นอน

“เหอะ”

กุ่ยซู่หัวเราะเบา ๆ แต่จิตสังหารในดวงตาลุ่มลึกยิ่งนัก

ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลไป๋ คนของเผ่าภูติผีจะถูกจองจำอยู่ใต้น้ำไปตลอดกาล ไม่สามารถมองเห็นเดือนเห็นตะวันเป็นเวลาหลายหมื่นปีได้อย่างไร?

ตอนแรกพวกเขาคือตัวตนบนแผ่นดินเช่นกัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องยอมจำนนเผ่ามนุษย์ คอยรับใช้ในฐานะทาสและสาวใช้เท่านั้น!

โชคดีที่สัญญาอันเกิดจากคนของตระกูลไป๋ เป็นการเปิดผนึกครั้งแรกเพื่อให้คุณชายไป๋ผู้นั้นกลายเป็นเจ้านายของพวกเขา หาไม่แล้ว ขยะเหล่านี้จะต้องหมอบแทบเท้าอยู่ต่อหน้าเช่นกัน

วันนี้นายท่านกล่าวว่า อย่าพยายามเพิ่มซากศพโดยเปล่าประโยชน์ แค่สังหารไป๋ซีเจ๋อได้ก็พอแล้ว

ในเมื่อไม่ให้พยายาม เช่นนั้น… ก็ฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ก่อนก็คงเพียงพอ!

จิตสังหารพวยพุ่งในดวงตาของกุ่ยซู่ ความกระหายเลือดตามธรรมชาติปะทุออกมาจากโลหิต นางอดใจรอที่จะเห็นฝนโลหิตตกทั่วท้องนภาไม่ไหวแล้ว

ไป๋จางย่อมสัมผัสกลิ่นอายสังหารที่แผ่ออกมาจากกุ่ยซู่ได้ ดังนั้นเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้เผ่าภูติผีล่าถอย ตอนนี้มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!

เขาบังคับให้ตัวเองสงบ ออกคำสั่งให้ผู้อาวุโสหลายคนพาคนรุ่นเยาว์ทั้งหมดของตระกูลออกไป ซึ่งพวกเขาตอบรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง และจากไปพร้อมกับสายลมทันที

มือทั้งสองข้างของประมุขไป๋กำแน่น กลิ่นอายอันทรงพลังสองกลุ่มพวยพุ่งทันที เขาเคาะเท้า และพุ่งทะยานออกไปอย่างรุนแรง แม้กระทั่งความว่างเปล่ายังสั่นสะเทือน ในชั่วพริบตา ประมุขก็มาอยู่ตรงหน้ากุ่ยซู่ ก่อนปล่อยหมัดออกไปโดยพลัน

กุ่ยซู่เผยรอยยิ้มเย็นยะเยือก ก่อนที่หมัดของอีกฝ่ายจะมาถึง ร่างของนางก็ได้หายไปแล้ว

ผ่านไปสักพัก ร่างที่เหมือนกันสิบร่างพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า ล้อมประมุขไป๋เอาไว้

“หึ! ลูกไม้ตื้น ๆ!”

ด้วยการสั่งการทางความคิดของไป๋จาง เสือดาวทองคำพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างในพริบตา หางของมันตวัดออกไป แหวกผ่านอากาศ ฟาดใส่หนึ่งในร่างดังกล่าวทันที!

ไป๋จางถือกระบี่ยาวราวกับขุนพลกระบี่บุปผา ก่อนแทงเข้าใส่รอบข้างราวกับดอกสาลี่ที่บานสะพรั่งในพายุฝน

ร่างของกุ่ยซู่เกิดการเปลี่ยนแปลง ภายใต้กระบี่บุปผา พวกมันก็กลายเป็นร่างมายาก่อนสลายไปราวกับควัน

ประมุขถือกระบี่ยาวยืนตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า เฝ้ามองร่างภูติผีตรงหน้าสร้างร่างมายาอย่างตกตะลึง เขาพยายามสงบสติแยกแยะว่าร่างไหนคือร่างจริง แต่บรรยากาศรอบข้างกลับบิดเบี้ยวจนยากที่เขาจะระบุตัวตนได้

สมแล้วที่เป็นเผ่าภูติผี… กลเม็ดเด็ดพรายร้ายกาจนัก

“เหอะ นั่นคือความสามารถของประมุขไป๋หรือ? ถึงตาข้าลงมือแล้ว!”

มือสีดำขนาดใหญ่พุ่งทะยานออกมาจากด้านหลังไป๋จาง และกำลังจะคว้าจับในทันที แต่ก็ถูกแส้หางของเสือดาวทองคำฟาดเข้าใส่ ทำให้มือสีดำขนาดใหญ่ถอยกลับไป

“โฮก!”

เสือดาวทองคำรามเสียงดัง เผยจิตวิญญาณต่อสู้

“โฮก! โฮก! โฮก!”

สัตว์อสูรทั้งหมดในตระกูลไป๋พุ่งไปข้างหน้า ล้อมจัตุรัสทั้งหมดเอาไว้

พวกมันเข้าต่อสู้กับกุ่ยซู่ ทำให้ไป๋จางพบช่วงเวลาเหมาะเจาะแล้ว เขาจึงแทงกระบี่ออกไปทะลวงฝ่ามือของคู่ต่อกร

กุ่ยซู่เดือดดาล ก่อนฟาดฝ่ามือออกไป แค่หนึ่งการโจมตี เหล่าสัตว์อสูรจำนวนมากของตระกูลไป๋ก็ถึงแก่ความตาย

“ยอดฝีมือจากเผ่าภูติผีเอ๋ย จงออกมา!”

สิ้นเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดของกุ่ยซู่ เงาที่ถูกห้อมล้อมโดยพลังมืดร่างแล้วร่างเล่าปรากฏขึ้น ก่อนเข้าตะลุมบอนในการต่อสู้!

ก่อนหน้านี้ไป๋จางเหนือกว่าเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถแยกความแตกต่างได้แล้ว…

ไป๋ซีเจ๋อยืนอยู่บนพื้นขณะมองดูการต่อสู้กลางท้องนภา เขาชักกระบี่ยาวออกมา อยากจะขึ้นไปช่วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ทราบว่าจะช่วยได้อย่างไร จึงทำได้เพียงยืนอยู่ด้านข้างด้วยความหวั่นวิตกเท่านั้น

ประมุขผู้อยู่ท่ามกลางอากาศธาตุส่งสายตาให้ไป๋ซีเจ๋อ กล่าวว่า “เจ้ามัวรออะไรอยู่อีก? รีบเข้าไปในเขตแดนสัตว์อสูรสิ!”

อีกฝ่ายพยักหน้าด้วยความสับสน ก่อนพุ่งเข้าหาค่ายกล

เพราะความล่าช้าที่มากเกินไป ข่ายประตูมิติจึงเริ่มปิดตัวลงแล้ว ไป๋ซีเจ๋อจึงก้าวเท้าออกไป พุ่งขึ้นจากพื้น ก่อนพุ่งทะยานเข้าไปฉับพลัน

ร่างในชุดคลุมสีดำมาถึงข่ายประตูมิติเร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว! ก่อนจะทันได้ทำอะไร ร่างในชุดคลุมสีดำกพลันออกแรงเตะ ทำให้ไป๋ซีเจ๋อกระเด็นออกมา

“ไปให้พ้น!”