ตอนที่ 106 ขนาดธอร์ก็ยังจัดการกับเขาไม่ได้

“แค่ก ๆ … มันเป็นไปได้ยังไง?”

ธอร์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะไม่สามารถชนะหนึ่งในนักรบของเบอร์เซิร์กเกอร์ได้ ? แม้กระทั่ง … เมื่อมองไปยังบาดแผลบนร่างกายของเขา เขาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความกลัวที่อยู่ภายในจิตใจของเขา

มันเป็นไปได้ยังไง!

ข้าคือธอร์!

ธอร์รับไม่ได้กับการที่เขาจะมีความกลัวขึ้นมาในจิตใจ เพราะว่ามันคือความอัปยศอดสูสําหรับเขา! เขาพยายามลุกขึ้นอย่างยากลําบากพร้อมกับค่อย ๆ ยกมือของเขาขึ้น ทันใดนั้นค้อนก็บินกลับมาที่มือของเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นธอร์ก็ชูค้อนของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ทําให้สภาพอากาศบนท้องฟ้าเริ่มแปรปรวนพร้อมกับมีเสียงฟ้าร้องดังออกมาตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าธอร์ในตอนนี้กําลังรวบรวมพลังของค้อนอยู่

“นี่เขาคิดจะใช้ท่านั้นอย่างงั้นหรอ ?”

การกระทําในครั้งนี้ของธอร์มันน่าจะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งซู่เจินก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวอะไรกับมันมากนัก แต่สิ่งที่เขากังวลจริง ๆ ก็คือนาตาชา ส่วนเอลเลียตแรนดอล์ฟขนาดค้อนของธอร์ก็ยังไม่สามารถทําอะไรกับเขาได้ ดังนั้น เขาก็น่าจะไม่เป็นอะไรมากนัก

ซู่เจินปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลังของนาตาชาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางด้านของนาตาชาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่คุ้นเคยกําลังโอบกอดเธอเหมือนกับหมีโคอาล่าอยู่ด้านหลัง

หลังจากนั้นซู่เจินก็อุ้มนาตาชาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับใช้พลังห่อหุ้มร่างกายของสตีฟโรเจอส์และฮอว์กอายให้บินตามมาอยู่ห่าง ๆ และค่อย ๆ วางพวกเขาลงบนชั้นดาดฟ้าของตึกสักแห่งหนึ่ง

บนท้องฟ้าในตอนนี้เต็มไปด้วยเมฆสีดําทมิฬ ที่มีเสียงฟ้าร้องดังออกมาอยู่ตลอดเวลา

ซู่เจินจับไปที่มือของนาตาชาเบา ๆ และพูดว่า “ที่รักคุณปล่อยผมก่อนได้ไหม ? ผมจะต้องลงไปด้านล่างเพื่อจัดการธุรอะไรบางอย่างให้เสร็จ”

“ไม่ … “ นาตาชาส่ายหัวปฏิเสธขึ้นมาทันควัน

ในขณะเดียวกันซู่เจินก็สังเกตเห็นว่าสตีฟโรเจอส์และฮอว์กอายที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังงานของเขาอยู่นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากพลังงานของความกลัวที่แผ่กระจายอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนว่าพลังงานของแหวนอีเทอร์มันจะสามารถป้องกันความกลัวและการดูดกลืนพลังงานความกลัวได้ใช่ไหม ? หลังจากนั้นซู่เจินก็เอาพลังงานห่อหุ้มร่างกายของนาตาชาเอาไว้ พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก! ได้โปรดปล่อยผมเถอะ ผมไม่ได้ไปไหนสักหน่อย … ผมจะรีบกลับมาหาคุณทันทีที่ผมจัดการธุรของผมเสร็จแล้ว”

บางทีอาจจะเป็นเพราะพลังงานของซู่เจินที่ห่อหุ้มร่างกายของนาตาชาเอาไว้ ทําให้หลังจากนั้นไม่นานนาตาชาก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติของเธอกลับคืนมา และปล่อยซู่เจินออกจากมือของเธอด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย

ซู่เจินเดินไปที่ขอบของตึกและเตรียมที่จะกระโดดลงไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงสตีฟโรเจอส์พูดขึ้นมาว่า “คุณ … คุณจะต้องหยุดเขาให้ได้!”

“ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ให้เขาเอาของของผมไปอย่างแน่นอน ดังนั้น ผมจะเป็นคนหยุดเขาเอง!”

หลังจากพูดจบซู่เจินก็กระโดดลงไปด้านล่างทันที

ในขณะเดียวกันตอนนี้เอลเลียตแรนดอล์ฟก็ค่อยเอาของทั้งสองข้างประกบเข้าหากัน ทําให้มีดสีเงินและสีดํามันซ้อนทับเข้าหากัน ทันใดนั้นก็พลังอันแข็งแกร่งพุ่งพรวดขึ้นมาจากมือทั้งสองข้างของเอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างรวดเร็ว ทําให้มีดสีดําเริ่มกลายเป็นสีดําทมิฬ ส่วนมีดสีเงินก็เริ่มกลายเป็นเหมือนกับเกล็ดหิมะ

“โฮก“

เอลเลียตแรนดอล์ฟส่งเสียงคํารามออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับร่างกายของเขาที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่นานมันก็ค่อย ๆ หยุดลงพร้อมกับร่างกายของเอลเลียตแรนดอล์ฟในตอนนี้ที่สูงประมาณ 5 – 6 เมตร ทําให้ตัวของเขาในตอนนี้สูงราวกับเนินเขาขนาดย่อม ๆ

ซึ่งตรงกันข้ามกับธอร์ที่ตอนนี้เขาตัวเล็กมากกว่าเอลเลียตแรนดอล์ฟตั้งไม่รู้กี่เท่า

และเมื่อธอร์เห็นว่าแอลเลียตแรนดอล์ฟกําลังทําอะไรบางอย่างอยู่ มันก็ทําให้ความกลัวของเขามันเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าตอนนี้เขาคือมดตัวเล็ก ๆ ที่รอเวลาโดนบดขยี้ ทําให้ธอร์ในตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเขาจะช้ามากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

ธอร์ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับเหวี่ยงค้อนไปทางเอลเลียตแรนดอล์ฟทันที ในขณะเดียวกันกระจกตามตัวอาคารที่อยู่รอบ ๆ ก็แตกกระจายออกเป็นเสียง ๆ จากเสียงของฟ้าร้องและสายฟ้าที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“โฮก!”

เอลเลียตแรนดอล์ฟคํารามออกมาราวกับว่าเขาในตอนนี้ได้เสียสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ใช้มีดทั้งสองอันในมือของเขาฟันไปด้านหน้าอย่างรุนแรง

“ตูม!”

อาวุธทั้งสองชิ้นเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ทําให้เกิดเสียงดังโครมครามดังขึ้นมา พร้อม กับตัวตึกที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ค่อย ๆ พังทลายลงมา ในขณะเดียวกันทางด้านของซูเงินที่กําลังบินดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ก็โดนแรงอัดอากาศที่มาจากการปะทะกันระหว่างพวกเขาทั้งสองกระแทกเข้าที่ร่างกายของเขาเช่นกัน

“เอ่อ!”

ซู่เจินไม่คิดว่าพลังของพวกเขามันจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ บวกกับตัวตึกที่ค่อย ๆ พังทลายลงมา ทําให้เขารีบควบคุมพลังงานของเขาให้ไปห่อหุ้มร่างกายของนาตาชาและอีกสองคนเอาไว้ ก่อนที่ซู่เจินจะพาพวกเขาย้ายไปอีกตึกที่อยู่ห่าง ๆ จากระยะของการต่อสู้

ซู่เจินค่อย ๆ ชะโงกหน้าลงไปดูข้างล่าง

ที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยฝุ่นควันเต็มไปหมด

ไม่มีสิ่งอื่นใดให้มองเห็น นอกจากความพินาศย่อยยับ

ไม่รู้ใครจะชนะหรือแพ้

หลังจากที่ซู่เจินวางตัวของพวกนาตาชาลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็บินไปยังใจกลางของสนามรบและค่อย ๆ ควบคุมแรงลมของพายุทอร์นาโดที่แขนของเขาเพื่อพัดฝุ่นควันพวกนี้ให้หายไป

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มมองเห็นร่างของธอร์ที่อยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก

ชุดเกราะของธอร์ในตอนนี้มีสภาพยับเยินเป็นอย่างมากพร้อมกับร่างของเขาที่นอนอยู่ บนพื้นด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

ห่างไปไม่ไกลมากนักซู่เจินก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ที่ทําให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

สภาพของเอลเลียตแรนดอล์ฟในตอนนี้ดูยับเยินเล็กน้อยและมีบาดแผลตามร่างกายมากมาย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีสภาพที่ดูดียิ่งกว่าธอร์มากนัก

“เขาสามารถเอาชนะธอร์ที่เอาจริงได้อย่างงั้นหรอ ? มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

พลังของมีดคู่มันไม่ได้แข็งแกร่งมากเกินไปใช่ไหม ? เอลเลียตแรนดอล์ฟมีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าธอร์เล็กน้อย ทําให้เขาสามารถชนะธอร์มาได้อย่างยากลําบาก แต่นี่มันก็เป็นในกรณีที่สมรรถภาพทางกายของเอลเลียตแรนดอล์ฟนั้นแย่ของกว่าของธอร์เล็กน้อย ซึ่งถ้าเกิดว่าเอลเลียตแรนดอล์ฟมีสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่งจนสามารถทนพลังของธอร์ได้ เขาก็คงจะชนะธอร์ได้อย่างง่ายดายเลยใช่ไหม?

และถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของธอร์ในตอนนี้มันจะยังไม่ใช่จุดสูงสุดของเขาก็ตาม แต่แค่นี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว

“โฮก!”

ทันใดนั้นเอลเลียตแรนดอล์ฟก็สังเกตเห็นซูเงิน ทําให้เขาคํารามออกมาและพุ่งเข้าหาซู่เจินอย่างรวดเร็ว

“คุณอยากสู้กับผมงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่าคุณจะบ้าไปแล้วจริง ๆ!”

ซู่เจินหัวเราะเยาะเย้ยออกมาพร้อมกับพลังงานของแหวนอีเทอร์ที่ค่อย ๆ ปลดปล่อยออกมาจนกลายเป็นเชือกขนาดใหญ่ หลังจากนั้นเชือกเส้นนั้นมันก็พุ่งเข้าไปพันขาทั้งสองข้างของเอลเลียตแรนดอล์ฟเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทําให้ร่างกายของเขาล้มลงกระแทกกับพื้นทันที

เอลเลียตแรนดอล์ฟพยายามที่จะทําลายเชือกเส้นนั้นทิ้ง แต่มันก็ไม่สําเร็จ ทําให้เขาได้แต่คํารามออกมาด้วยความโกรธและเตรียมตัวจะเอามีดฟันไปที่เชือกเส้นนั้น แต่จู่ ๆ มือของเขาก็ถูกกุญแจมือที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันล็อคเข้าที่มือของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นกุญแจมือมันก็ถูกอะไรบางอย่างดึงดูดให้ไปยึดติดลงกับพื้นอย่างแน่นหนา

ซู่เจินกระโดดขึ้นไปบนร่างของเอลเลียตแรนดอล์ฟทันที

เมื่อมองไปยังเอลเลียตแรนดอล์ฟที่ไม่สามารถจดจําตัวตนของเขาได้เลยแม้แต่น้อย มันก็ทําให้ ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า “ฝีมือของคุณดีมากจริง ๆ ผมพอใจมากกับมีดคู่ทั้งสองอันนี้ที่คุณสร้างขึ้นมา ดังนั้น … ตอนนี้มันควรที่จะกลับคืนสู่เจ้าของเดิมได้แล้ว!”

หลังจากซู่เจินพูดจบเขาก็เอามือคว้าไปหยิบมีดเล่มสีดําขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นก็มีมือของเอลเลียตแรนดอล์ฟพุ่งขึ้นมาคว้าจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทําให้ซู่เจินยกเท้าของเขาขึ้นมาพร้อมกับเตะไปที่ข้อมือของเอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันซูเงินก็เปิดใช้งานความสามารถของไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสขึ้นมาทันที ทําให้อุณหภูมิความร้อนสูงเริ่มกัดกร่อนข้อมือของแอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างรวดเร็ว ทําให้เขากรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาณ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปล่อยมีดเล่นสีดําในมือของเขาทิ้งไป

ซู่เจินถือมีดเล่นสีดําเอาไว้ในมือของเขา ซึ่งความรู้สึกแรกที่ซูเงินสัมผัสได้ก็คือน้ําหนักที่พอดีของมัน มันให้ความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่แอลเลียตแรนดอล์ฟที่ดูเหม่อลอยเล็กน้อยหลังจากที่เขาสูญเสียมีดเล่มสีดําไป ไม่นานร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ หดตัวกลับมาเป็นปกติและกลับคืนสู่สภาพเดิม!

“อย่าแตะต้องไปที่มีดเล่มนั้น มันอันตราย …”

ในขณะที่ธอร์กําลังพยายามที่จะลุกขึ้น เขาก็สังเกตเห็นว่าซู่เจินกําลังหยิบมีดเล่มสีดําอันนั้นขึ้นมา ทําให้เขารีบตะโกนไปทางซูเงินทันที แต่ก่อนที่เสียงพูดของเขาจะจบลง เขาก็พบว่าซู่เจินก็ดูเหมือนจะปกติดี!