บทที่ 32 ช่วยด้วย…
บทที่ 32 ช่วยด้วย…
ผู้ชายสองคน คนหนึ่งขึ้นจากน้ำ แต่อีกคนหนึ่งลงไปในน้ำ
ส่วนคังอี้เยี่ยเพิ่งมาถึงข้างลำธารในยามนี้
เธอมองไปในแม่น้ำ เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่อย่างที่คิด มุมปากจึงกระตุกขึ้น
ซูเหล่าซานอาบน้ำในลำธารนั่นเอง
เช่นนี้ก็ดี หลังจากผ่านวันนี้ไป เธอจะแต่งเข้าตระกูลซูได้แล้ว
ถึงซูเหล่าซานจะแก่กว่านิดหน่อย แต่ถึงอายุเยอะก็มีประโยชน์เยอะ รู้ว่าคนชอบใช่ไหมเล่า?
อีกอย่างทั้งหมู่บ้านแห่งนี้มีซูเหล่าซานที่หน้าตาดูดีมาก
เรื่องนี้แค่มองลูกทั้งสามคนของอีกฝ่ายก็รู้แล้ว โดยเฉพาะซูเสี่ยวเถียนเด็กผู้หญิงคนนั้น ผิวขาวผุดผ่อง ต่อให้เป็นในเมืองก็ยังหาได้ยาก
หลังจากนี้ เธออาจให้กำเนิดลูกที่หน้าตาอย่างซูเสี่ยวเถียนได้
ความเสียใจเพียงหนึ่งเดียวคือถึงจะหย่าร้างแล้ว แต่ลูก ๆ ทั้งสามของพวกเขา ตระกูลซูก็ยังต้องการอยู่ดี
เลี้ยงลูกคนอื่นช่างไม่น่ายินดีเลยจริง ๆ
คังอี้เยี่ยยังไม่ทันได้ลงมือก็ขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียแล้ว และไม่คิดอีกด้วยว่าต่อให้แผนดีแต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงล่ะ?
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!” จู่ ๆ คังอี้เยี่ยก็ส่งเสียงตกใจออกมาราวกับหวาดกลัว
ตอนนั้นเองที่ซูเหล่าซานเพิ่งสวมชุดใหม่ และกำลังพับชุดเก่าที่เพิ่งเปลี่ยนไป เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนของคังอี้เยี่ยก็คิดจะเดินไปดูโดยไม่รู้ตัว
ยังไม่ทันได้ก้าวขากลับถูกเหลียงซิ่วคว้าเอาไว้
“มีอะไรหรือ?” ซูเหล่าซานรีบถาม
เหลียงซิ่วทำมือให้เงียบ ๆ ส่งสัญญาณบอกเขาไม่ให้ส่งเสียง
คังอี้เยี่ยคนนั้นไม่ได้นัดหมายกับหลี่จู้จื่อ แต่วางแผนหลอกล่อสามีของเธอ
ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้ไร้ยางอายยิ่งนัก
โชคดีที่เธอมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นวันนี้เหล่าซานต้องเผชิญกับความสูญเสียจริง ๆ
พอคิดเรื่องนี้เหลียงซิ่วก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
แต่เห็นได้ว่าคังอี้เยี่ยไม่ได้ทำอะไร เธอแค่เดินไปยืนริมลำธารแล้วส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเท่านั้น
สีหน้าของซูเหล่าซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาย่อตัวลงอย่างเชื่อฟัง ซ่อนอยู่หลังหินก้อนใหญ่กับเหลียงซิ่ว
“ภรรยา ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรหรือ?”
เหลียงซิ่วกลอกตา “วันนี้คุณดึดดูดแมลงมาดมดอมเสียงแล้ว ยังจะมาถามฉันอีกหรือ?”
แม้จะรู้ว่าไม่สามารถตำหนิสามีเรื่องนี้ได้ แต่เหลียงซิ่วก็ยังโกรธอยู่ดี
ซูเหล่าซานที่ถูกภรรยาโกรธเคืองก็รู้สึกน้อยใจ เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วทำไมถึงต้องดุกันด้วยเล่า? คังอี้เยี่ยคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่?
“เมียจ๋า ฉันเป็นผู้ชาย แล้วจะดึดดูดแมลงมาดมดอมได้อย่างไร” ซูเหล่าซานอดไม่ได้ที่จะบ่น แววตาฉายความน้อยอกน้อยใจที่ได้รับ!
เหลียงซิ่วทนไม่ไหวจนเกือบหัวเราะออกมา
“เข้าใจแล้ว ๆ พ่อตัวดี อย่าเป็นแบบนี้สิ มันเหมือนกับฉันเป็นแม่เสือ*[1] เลยนะ!”
เมื่อเห็นภรรยายิ้ม ซูเหล่าซานถึงค่อยโล่งใจ
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หลี่จู้จื่อก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำโดยไม่สนใจใส่เสื้อผ้า วิ่งสองสามก้าวก็ถึงข้างกายคังอี้เยี่ยแล้ว
“นักศึกษาคัง*[2] เกิดอะไรขึ้นครับ?” อันที่จริงหลี่จู้จื่อก็เป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง
คังอี้เยี่ยยังคงหลับตาและแสร้งทำเป็นขลาดกลัว กอปรกับเธอไม่สนิทกับหลี่จู้จื่อและซูเหล่าซานจึงทำให้ฟังไม่ออกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่เป้าหมายของหล่อน
“ฉันกลัวแทบตายเลยค่ะ เมื่อครู่เพิ่งเห็นงูด้วย พี่สาม พี่สาม ฉันกลัวจังเลย…” คังอี้เยี่ยทำท่าสั่นราวกับกลัวมากออกมา
มือข้างหนึ่งที่สั่นอย่างไร้เหตุผลสัมผัสหน้าอกของหลี่จู้จื่อ
เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น คังอี้เยี่ยไม่ได้ลืมตา แต่ยังคงสัมผัสหน้าอกของหลี่จู้จื่ออยู่
หลี่จู้จื่อนิ่งค้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมนักศึกษาคังถึงกำลังลูบคลำร่างกายเขาด้วยเล่า?
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เกิดอะไรขึ้นเธอถึงเรียกตนว่าพี่สามอย่างสนิทสนมขนาดนี้กัน? มีแค่คนในหมู่บ้านเท่านั้นที่เรียกเขาว่าพี่สาม แต่นักศึกษาคังกับเขาไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันเลย
อันที่จริงพวกเขาไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ
หลี่จู้จื่อไม่ได้เห็นผู้หญิงมายี่สิบกว่าปีแล้ว และก็ไม่มีผู้หญิงที่เป็นฝ่ายโถมตัวใส่อ้อมกอดเขาด้วย ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับก้นลิง
เมื่อคังอี้เยี่ยไม่ได้ยินเสียงตอบกลับความกล้ายิ่งเพิ่มมากขึ้น มือซุกซนครอบงำจุดเพลิงทั่วทุกพื้นที่ เริ่มจากงก ๆ เงิ่นๆ จากนั้นก็ขึ้นลงอย่างชัดเจน
เธออดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงการมีเพศสัมพันธ์ รูปร่างของซูเหล่าซานดีจริง ๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้ชายบ้านนอก แต่แผงอกก็แข็งแรงกำยำมาก!
ความรู้สึกเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนคนมีพละกำลังควรเป็นเช่นนี้ ดีกว่าพวกแก่ ๆ ไร้ประโยชน์ในหมู่บ้านอีก
“คุณอย่าทำแบบนี้สิ พวกเราไม่สนิทกันนะ…” หลี่จู้จื่อพูดตะกุกตะกัก
แต่หลังจากที่คังอี้เยี่ยได้ยินประโยคนี้ เธอก็มุดเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่จู้จื่อ “พี่สาม ฉันชอบพี่!”
ใบหน้าของเหลียงซิ่วแดงก่ำด้วยท่าทีของคังอี้เยี่ย หากไม่ใช่อะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เธอบังเอิญมาที่นี่ ฉากตรงหน้าคงเกิดขึ้นกับซูเหล่าซานเป็นแน่
เธอหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งขณะมองซูเหล่าซาน ก่อนจะพูดลอย ๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ในตอนนี้คนที่รับเคราะห์ไปก็คงเป็นคุณแล้ว พี่สาม ฉันชอบพี่ค่ะ…”
ประโยคสุดท้าย เหลียงซิ่วเลียนเสียงคังอี้เยี่ย
แต่ตอนที่คังอี้เยี่ยพูดออกมา ซูเหล่าซานรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง แต่เมื่อเหลียงซิ่วพูดกลับไม่สามารถอธิบายได้
“เธอลองพูดอีกสิ!” ซูเหล่าซานกัดฟันกรอด
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ควรให้เธอเห็นเลย เรียนรู้แต่สิ่งแย่ ๆ มา!
“พี่สาม ทำไมพวกเราไม่เลิกดูแล้วกลับบ้านกันล่ะ?” เหลียงซิ่วไม่สนใจเขา แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานของคังอี้เยี่ย
แม้ว่าเธอจะเลียนเสียงของคังอี้เยี่ย แต่ใบหน้าเธอก็แดงก่ำไปตั้งนานแล้ว
“กลับบ้านกันเถอะ” เสียงของซูเหล่าซานเริ่มแหบพร่าขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นสามีภรรยามากว่าสิบปีแล้ว แต่เพราะการกระทำของคนคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล จึงมีความเบ่งบานอยู่บ้าง
ซูเหล่าซานยังเป็นฝ่ายเริ่มจับมือเหลียงซิ่วด้วย ราวกับว่าเขากลับมายังปีที่เพิ่งแต่งงาน…
ทุกอย่างสวยงามมาก!
บรรยากาศอันอบอุ่นถูกเสียงร้องไห้เสียดแหลมของคังอี้เยี่ยจนหลุดลอยไป
“แก ทำไมเป็นแกล่ะ?” ตอนที่คังอี้เยี่ยลืมตาขึ้น คนตรงหน้าไม่ใช่ซูเหล่าซาน แต่เป็นหลี่จู้จื่อ ชายผู้เป็นโรคเรื้อน และจินตนาการของหล่อนก็แตกสลาย
เธอแผดร้องออกมาด้วยความตกใจ
ไม่เพียงแต่เหลียงซิ่วและซูเหล่าซานที่อยู่ใกล้ ๆ จะตกใจเท่านั้น แต่ผู้คนที่อยู่ไกล ๆ พลอยตกใจไปด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะวิ่งไปดูสถานการณ์
“ไอ้ขี้เรื้อน แก แก แก…” คังอี้เยี่ยโกรธจนแทบพูดไม่ออก
เธอแทบรอไม่ไหวที่จะตัดมือตัวเอง เมื่อครู่เธอทำอะไรอยู่กันแน่?
เธอยังใช่เล่ห์อุบายกับผู้ชายที่น่าขยะแขยงคนนี้ แถมอีกฝ่ายยังตอบสนองด้วย
มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดเจนว่าซูเหล่าซานอยู่ในแม่น้ำ แล้วเหตุใดถึงกลายเป็นไอ้ขี้เรื้อนนี้เสียได้?
คังอี้เยี่ยไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเรื่องจริง
ไม่ นี่ไม่ใช่ความจริง!
“นักศึกษาคัง ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมเห็นคุณตะโกนขอความช่วยเหลือก็เลยเดินมาดู…”
ความคิดของชายผู้เป็นโรคหายไปโดยสมบูรณ์แล้วแทนที่ด้วยความวิตกกังวล เขาไม่ใช่พวกอนาจารนะ ไม่ใช่จริง ๆ เขาแค่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษาคังก็เท่านั้นเอง
“ไอ้คนอนาจาร.…” คังอี้เยี่ยได้ยินเสียงฝีเท้าจึงรีบพูดอย่างสติแตก!
*[1] เปรียบว่าดุร้าย
*[2] ภาษาจีนใช้คำว่า 知青 zhi(1) qing(1) ซึ่งแปลว่าเยาวชนที่ไปฝึกฝนตนตามชนบทในระหว่างปฏิวัติวัฒนธรรม