นี่คือ……

หลังจากที่เย่เฉินตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาก็จำการประกาศของโลกก่อนหน้านี้ได้ทันที

เมืองหลุนฮุยเป็นเมืองอันดับหนึ่งของโลก ได้รับรางวัลจำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นสิบเท่าเป็นเวลาสามวัน

จำนวนผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นสิบเท่าบวกกับคุณลักษณะของหมู่บ้านระดับพระเจ้าที่เพิ่มจำนวนผู้ลี้ภัยสามเท่า นั่นคือเพิ่มขึ้นสามสิบเท่า

เมืองปกติจะมีผู้ลี้ภัย 100-200 คนในทุกวัน

แต่ตอนนี้เมืองหลุนฮุยนั้นต่างออกไป!

หลังจากที่คุณสมบัติถูกซ้อนทับกัน จำนวนผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นถึง 6,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าสะพรึงกลัว!

นี่เป็นเพียงวันแรก แต่ระบบให้รางวัลถึงสามวัน

สามวันต่อจากนี้ จำนวนประชากรของเมืองหลุนฮุย จะเพิ่มขึ้นถึง 18,000 คน!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ประชากรในดินแดนที่มีมากขึ้นนั้น จะมีบทบาทอย่างมากในการส่งเสริมการพัฒนาของดินแดน

เหล่าผู้ลี้ภัยมองไปยังเมืองหลุนฮุย ต่างแสดงออกถึงความตื่นตระหนกกังวลและหวาดกลัว

เมื่อตกระหกระเหินเร่ร่อนกลายเป็นผู้ลี้ภัยพวกเขาต้องพบเจอสิ่งร้ายๆมากมาย ทำให้เกิดจากความสับสนกังวลและหวาดระแวง

พวกเขามาที่เมืองหลุนฮุย พวกเขาอาจถูกปฏิเสธและถูกขับไล่หรือถูกจับไปใช้แรงงานอย่างหนัก

นี่คือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลและเป็นสิ่งที่ผู้ลี้ภัยหลายคนหวาดกลัว

เตียวเหิงที่อยู่ตรงประตูเมือง เมื่อเห็นเย่เฉินเขารีบวางพู่กันและวิ่งไปหาเย่เฉินโค้งคำนับและกล่าวว่า “คาราวะท่านลอร์ด!”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยจากนั้นกล่าวว่า: “เรียกคนมาช่วยลงทะเบียนให้พวกเขา และส่งคนมาทำอาหารให้มากขึ้น คนทั้งหมดนี้จะกลายเป็นชาวเมืองของเมืองหลุนฮุย เจ้าไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาหิวได้ จัดลำดับความสำคัญสำหรับเด็กๆและ ผู้สูงอายุ!”

“ ครับท่านลอร์ด!” เตียวเหิงรีบโค้งคำนับเมื่อได้ยินเช่นนี้

ผู้ลี้ภัยที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ยินสิ่งที่เย่เฉินกล่าว เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้ว่าท่านลอร์ดที่เตียวเหิงเรียกหมายถึงอะไร พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกใจ

ท่านลอร์ดที่พูดแบบเย่เฉินพวกเขาไม่เคยพบเจอ

พวกเขาได้ยินว่าพวกเขาจะกลายเป็นชาวเมืองของเมืองหลุนฮุย และชาวเมืองของเมืองหลุนฮุยจะทำอาหารให้พวกเขาและยังให้ความสำคัญกับคนแก่และเด็ก ๆ ด้วย

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ผู้ลี้ภัยก็คุกเข่าลงทีละคนและตะโกนออกมาเสียงดัง: “ขอขอบคุณท่านลอร์ด ขอขอบคุณท่านลอร์ด!”

เสียงตะโกนวุ่นวายเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็ตะโกนอย่างสุดเสียง

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิงคนแก่หรือเด็ก

ความรู้สึกขอบคุณปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน ขอบคุณในความเมตตาผสมกับความตื่นเต้นดีใจ

พวกเขารู้สึกขอบคุณเย่เฉินที่ปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะมนุษย์ ให้อาหารและเสื้อผ้าและยิ่งรู้สึกขอบคุณเย่เฉินที่ให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และผู้สูงอายุโดยไม่ต้องใช้แรงงาน

พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รับการยอมรับและสามารถกลายเป็นผู้อยู่อาศัยในเมืองหลุนฮุยได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกขับไล่ถูกด่าทอ ถูกทุบตีหรือแม้กระทั่งถูกจับไปใช้แรงงาน

พวกเขารู้สึกโชคดีมากที่ได้มาถึงเมืองหลุนฮุย ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับสถานการณ์แบบไหนอีก

มีผู้คนมากถึง 6,000 คน คนเหล่านี้จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเมือง หรือแม้จะถูกไล่ออกไป เพราะนี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่หลายคนทำเป็นปกติ เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเข้ามาอยู่ในเขตอำนาจของตน แต่ตอนนี้พวกเขาสบายใจแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องจากผู้ลี้ภัย เย่เฉินถอนหายใจอย่างเงียบๆจากนั้นมองไปที่เตียวเหิงและกล่าวว่า:

“หลังจากลงทะเบียนแล้ว อย่าลืมรีบสร้างบ้านให้เร็วที่สุด จะมีคนจำนวนมากอพยพมาพร้อมกัน การนอนในที่โล่งตอนกลางคืนจะทำให้เป็นหวัดได้ง่าย”

“ครับท่านลอร์ด!” เตียวเหิงตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เย่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็พูดต่อ:

“ หลังจากงานที่นี่เสร็จ ข้าจะพาคนไปวัดที่นา ดูจากจำนวนประชากรแต่ละครัวเรือนแบ่งที่ดินให้ครอบครัวละห้าไร่ ทหารของเมืองหลุนฮุยนอกเหนือจากห้าไร่ต่อคนแล้ว แบ่งรางวัลตามตำแหน่ง ทหารธรรมดาจะได้ที่ดินเพิ่มอีกห้าไร่ หัวหน้ากองพลสิบไร่ หัวหน้ากองร้อยได้ร้อยหมู่ และหัวหน้ากองพันได้หนึ่งพันไร่”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่เฉิน เตียวเหิงก็ผงะ เพราะรางวัลของเย่เฉินนั้นไม่สมเหตุสมผล

ในขณะนั้นเองเย่เฉินก็มองไปยังเตียวเหิงและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม: “เจ้าอยู่มาตั้งแต่ก่อตั้งหมู่บ้านหลุนฮุยและเจ้าก็ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ผลงานของเจ้าไม่ได้เล็กน้อย นอกจากพื้นที่ห้าไร่แล้ว เจ้าจะได้รับรางวัลอีก 1,000 ไร่”

“นี่ … นี่ … นายท่านกล่าวว่า ชายชรา … ” เตียวเหิงรู้สึกงุนงงไปชั่วครู่ จากนั้นก็รีบโค้งคำนับและกล่าวอย่างตะกุกตะกัก

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบเย่เฉินก็ขัดจังหวะเขา

“นี่มันเพียงรางวัลเล็กน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถทุ่มเทให้กับเมืองหลุนฮุย บอกข้าว่าเจ้าทำได้ไหม”

คำพูดที่ดูจริงจังเล็กน้อยของเย่เฉินทำให้เตียวเหิงลืมทุกอย่างในทันที และปรับสีหน้าอย่างรวดเร็วแล้วโค้งคำนับอีกครั้งและตะโกนว่า “งานต่ำต้อยนี้ให้ชายชราผู้นี้จัดการเอง

“ดีมาก!” เย่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นกล่าวต่อ: “สำหรับเตียวเมิ่งซึ้งเป็นแม่ทัพนั้น รางวัลจึงไม่แน่นอน จากนี้ไปจะขึ้นอยู่กับผลงานของเขา ถ้าเขาทำหน้าที่ได้ไม่ดีข้าก็จะลงโทษเขา! ทหารคนอื่น ๆ ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน! “

“ถ้าเขาประพฤติตัวไม่ดี เขาก็ไม่จำเป็นต้องออกมาข้างนอกอีก ชายชราผู้นี้จะตัดขาสุนัขของเขาทิ้ง!” เตียวเหิงที่ได้ยินเรื่องนี้และแสดงความคิดเห็นออกมาทันที

เมื่อเย่เฉินได้ยินเช่นนี้มุมปากของเขาก็กระตุกจากนั้นก็หันหน้าหนีเตียวเหิง

เตียวหยูที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ก้มศีรษะของเธอลง ในเวลานี้เธอก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

เตียวเหิงผงะไปชั่วครู่ แล้วหัวเราะเบา ๆ สองสามครั้งจากนั้นก็รีบกล่าว “นี่ … นี่ … ข้ามีงาน … ข้าขอตัวก่อน!”

หลังจากที่เตียวเหิงพูดจบ เขาก็รีบออกจากที่นี่ทันที แต่เขาตระหนักดีว่าสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ผิดแค่ไหน

เย่เฉินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นมองไปที่เตียวหยูและพูดว่า “กลับกันเถอะ”

เตียวหยูกำลังจะพูด แต่มีคนรีบวิ่งออกมาจากผู้ลี้ภัย

เย่เฉินดึงเตียวหยูไปด้านหลังเขา เขาเคลื่อนไหวมือขวาหอกสังหารปรากฏขึ้นทันที จากนั้นเขาก็ชี้ตรงไปที่คนที่กำลังวิ่งเข้ามา

กลิ่นอายแห่งการสังหารที่รุนแรงปรากฏขึ้นจากร่างเย่เฉิน

ใครบางคนกล้าที่จะพุ่งเข้ามา และทำให้เตียวหยูตกใจ เรื่องนี้ทำให้เย่เฉินรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของบุคคลนี้ก็รวดเร็วมาก อย่างน้อยก็ต้องมีระดับขอบเขตต้นกำเนิด

กลิ่นอายแห่งการสังหารของเย่เฉินถูกปล่อยออกมา

เย่เฉินคิดจะฆ่าคน ๆ นี้ด้วยหอกของเขา ผู้มาก็รีบตะโกนออกมาทันที

“อย่า … อย่าเข้าใจข้าผิด … ข้า … ข้าแค่อยากถามอะไรบางอย่าง”

จากนั้นเย่เฉินก็ตระหนักได้ว่า คนที่พุ่งมานั้นไม่ได้มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย

แตีว่าคน ๆ นี้หน้าตาอัปลักษณ์จริงๆ หากใช้คำเดียวเพื่ออธิบายถึงคน ๆ นี้ คือชายรูปร่างกำยำ!

แม้แต่ใบหน้าเรียวยาวของร่างกายกำยำ ปีศาจในยมโลกหรือเหล่าปีศาจทั้งหมดดูสวยงามไปเลยเมื่อเทียบกับเขา

เย่เฉินไม่ได้รังเกียจอะไร เขาเพียงประหลาดใจว่ามีคนน่าเกลียดเช่นนี้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร