บทที่ 46 เจ้าช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 46 เจ้าช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!

บทที่ 46 เจ้าช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!

ไป๋อู๋อีขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางถามว่า “อีกนานเท่าไหร่?”

ในความทรงจำก่อนกลับชาติมาเกิด เขาจะได้เข้ามาเขตแดนสัตว์อสูรในอีกหลายสิบปีต่อมา แต่ครั้งนี้เขามาก่อนล่วงหน้า ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น

“ราวครึ่งปี” เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเขา

ครึ่งปี?!

ช่วงเวลาการเปิดค่ายกลมีเพียงยี่สิบวันเท่านั้น หากเวลาสิ้นสุดลง บุตรแห่งโชคชะตาทำได้เพียงรออีกหนึ่งปีจึงจะกลับมาได้

ไป๋อู๋อีจำได้ว่า… ในปีหน้า อย่าว่าแต่โชคมหาศาลที่รอคอยเขาเลย กระทั่งพลังวิญญาณของไป๋ชิวเอ๋อร์ก็จะรั่วไหลออกมาอีกหลายเท่า ซึ่งทำให้ชีวิตนางตกอยู่ในอันตราย เขาจะอยู่ที่นี่นานได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้น ค่ายกลที่เข้าสู่ยอดเขาเมฆาม่วงจากตระกูลไป๋พิเศษยิ่ง หนึ่งคนสามารถเข้าได้หนึ่งครั้ง หากออกไปก็จะไม่สามารถเข้ามาได้อีก เช่นนั้น… เขาจะกลับมาในอีกหนึ่งปีต่อมาได้อย่างไร?

สัตว์เทพไป๋เจ๋อคือปัจจัยสำคัญเพื่อให้เขากลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็จะยอมแพ้ไม่ได้!

ไป๋อู๋อีพยายามเจรจาว่า “ผู้อาวุโส เอาแบบนี้ได้หรือไม่ ข้าจะพาสัตว์เทพไป๋เจ๋อออกมาก่อน คอยให้การดูแลมันเป็นอย่างดี เพื่อให้มันคลอดบุตรออกมาอย่างราบรื่น”

“ไม่ได้!”

เสียงนั้นตอบอย่างแน่วแน่ ไม่ยอมรับข้อตกลง

ดวงตาของคนฟังหลุบต่ำ ไม่ว่าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เขาต้องพาสัตว์เทพไป๋เจ๋อออกไปให้ได้!

เจ้าของเสียงคือร่างจิตสำนึกของทวยเทพที่ยังหลงเหลืออยู่จากเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน หลังจากเสียเวลามาหลายปี ร่างจิตสำนึกนี้ยิ่งอ่อนแอ ด้วยรากฐานการบ่มเพาะของไป๋อู๋อีในตอนนี้ การสู้กับร่างจิตสำนึกทวยเทพ น่าจะสามารถรับมือไหว

ผู้มาเยือนเคลื่อนไหวฉับพลัน กลิ่นอายรอบข้างเพิ่มขึ้นในทันที เขาทะยานออกไป กระบี่ยาวคมปลาบปรากฏขึ้นในมือ พร้อมสายฟ้าสีม่วงโผล่ขึ้นจากอากาศธาตุ พัวพันรอบกระบี่ในทันที

เพียงพริบตา เขาโจมตีช่วงท้องน้อยของจิตสำนึกที่ยังหลงเหลือของผู้ผนึก เมื่อกระบี่แทงออกไป สายฟ้าวิถีนับพันก็พุ่งเข้าใส่!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

สิ้นเสียงฟ้าร้องดังสนั่น กระบี่สายฟ้านับพันฟาดลงไปอย่างรุนแรง ร่างจิตสำนึกทวยเทพชักกระบี่ปัดป้อง หยุดยั้งกระบี่เล่มนี้ในทันที

เปรี้ยง!

เสียงปะทะหมองหม่นดังก้องทั่วท้องนภา

“เจ้าเด็กน้อยอวดดี!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกล้าชักกระบี่ใส่ ร่างจิตสำนึกทวยเทพจึงเดือดดาล น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเขาราวกับฟ้าร้องที่ดังมาจากสวรรค์ทั้งเก้าอันกึกก้องไปทั่วพื้นที่ “เจ้าถึงกับกล้าสังหารทวยเทพอย่างนั้นหรือ?!”

ไป๋อู๋อีกวัดแกว่งกระบี่ยาวอีกครั้ง สายฟ้าสามพันสายเคลื่อนตาม เขามองจากล่างขึ้นบน แววตาเผยจิตสังหารออกมาเล็กน้อย “ถ้ากล้าฆ่าทวยเทพแล้วอย่างไร? วันนี้แหละ ข้าจะต้องได้สัตว์เทพไป๋เจ๋อไปให้ได้!”

ทันทีที่สิ้นเสียง กลิ่นอายพลังมืดพลันพรั่งพรูออกจากรอบข้าง! ตามมาด้วยอสนีบาตสีม่วง แต่ในพริบตา อัสนีสีม่วงเหล่านี้พลันกลายเป็นสีดำสนิท ก่อเกิดเป็นจิตสังหารสั่นสะเทือนวิญญาณที่มาพร้อมกับสายฟ้า

พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยกลิ่นโลหิตเข้มข้น ชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียน

ร่างสีทองของจิตสำนึกทวยเทพขมวดคิ้ว ดวงตามืดมน มีความรังเกียจเจือในน้ำเสียงน่าเกรงขาม “เผ่าภูติผีหรือ?!”

“เจ้าคือทายาทตระกูลไป๋ แต่กลับกล้าไปเกลือกกลั้วกับตระกูลฆาตกร ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลไป๋ป่นปี้!”

“ทวยเทพผู้นี้ขอประหารสวะเช่นเจ้า แทนบรรพชนของตระกูลไป๋เอง!”

ร่างดังกล่าวถือกระบี่ ก่อนพุ่งตรงมาหาทันที

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เมื่อกระบี่ใหญ่ฟาดฟันลงมา อากาศในความว่างเปล่าถูกบดขยี้จนระเบิด

ไป๋อู๋อียืนตัวตรง สายฟ้าสีดำพุ่งออกไปรอบข้าง และห้อมล้อมพื้นที่ทั้งหมดในทันที

กระบี่ใหญ่ฟาดฟันมาอย่างรุนแรง บุตรแห่งโชคชะตาหลบไปด้านข้างจนพ้นจากกระบี่หนักอึ้ง

ตู้ม!

ร่องลึกหนึ่งร้อยจั้งพาดผ่านพื้นดิน

ร่างสีทองยกกระบี่ขึ้นฟาดฟันอีกครั้ง แต่สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นสายฟ้านับพันราวกับแส้ยาวฟาดมาหา!

มีกลิ่นอายพลังมืดแผ่ซ่านออกจากร่างของไป๋อู๋อี พร้อมจิตสังหารที่พวยพุ่ง

ร่างจิตสำนึกแห่งทวยเทพเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพบร่างสีดำขนาดใหญ่ราวกับผีปรากฏขึ้นที่ด้านหลังตนเอง

ร่างสีดำสะบัดมือ คว้าทวยเทพเอาไว้!

ทว่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพยังทอดยาวออกไป ที่ใต้เท้าของพวกเขา ปรากฏเส้นตรงสีทองทั้งแนวตั้งและแนวนอน อักขระสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา เพียงพริบตา ค่ายกลสีทองขนาดใหญ่ก็แผ่อาณาเขตออกไป

ในความว่างเปล่า มีเสียงพึมพำเป็นบทสวด

“เจ้าหนู วันนี้คือวันตายของเจ้า!”

ค่ายกลหมุนอย่างรวดเร็ว แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์พลันพุ่งออกมา และหมุนวนอย่างรุนแรง บทสวดในความว่างเปล่ายิ่งแจ่มชัด ราวกับทวยเทพนับร้อยกำลังประกาศวาระสุดท้ายของไป๋อู๋อี

ร่างจิตสำนึกทวยเทพฟาดฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่สิ้นสุดบนคมกระบี่เคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมพลังอันไร้เทียมทาน

ไป๋อู๋อีถ่ายพละกำลังทั้งหมดในร่างกายเข้าไปยังกระบี่ใหญ่ในมือ ร่างสีดำที่อยู่ด้านหลังแทนที่จะล่าถอย กลับโจมตีออกไปอีกครั้ง …มือขนาดใหญ่สีดำทมิฬกางออก ก่อนจะฟาดออกไปอย่างบ้าคลั่ง

พลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองสายปะทะกัน จนแม้กระทั่งพื้นที่ยังแหลกเป็นชิ้น ๆ เสียงกระหน่ำโจมตีอันน่าหวาดหวั่นดังขึ้น ทั่วโลกสั่นสะเทือนถึงสามครั้ง

ตู้ม!

หลังจากนั้น พลังอันท่วมท้นพลันสลายไปในทันที ร่างในชุดคลุมสีดำเคลื่อนลงมาจากท้องนภา กระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง

ร่างของทวยเทพในท้องนภาค่อย ๆ หายไป แต่เขายังถือกระบี่เอาไว้ในมือ และฟาดฟันลงมาด้านล่าง กระบี่ยักษ์อันน่าเกรงขามของทวยเทพค่อย ๆ หายไปจากอากาศธาตุ และสลายไปสิ้นก่อนที่มันจะถึงร่างของไป๋อู๋อี

“เจ้าสารเลว! เมื่อทวยเทพตาย สัตว์อสูรก็จะตาย”

ร่างจิตสำนึกทวยเทพยังไม่ทันกล่าวจบก็หายไปในอากาศธาตุเช่นกัน

“แค่ก ๆๆ”

หลังจากผ่านไปสักพัก ไป๋อู๋อีพยายามลุกขึ้นมา

โชคดีที่หลังจากกำราบเผ่าภูติผีได้แล้ว เขาก็ใช้วิธีพิเศษในการหยิบยืมพลังบางอย่างจากพวกเขา หาไม่แล้ว ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ ย่อมไม่สามารถชิงความได้เปรียบใด ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าทวยเทพตนนี้

เขาหยิบยาเม็ดบางส่วนออกมาจากแหวนเก็บของแล้วกินเข้าไป จากนั้นนั่งขัดสมาธิเพื่อปรับลมหายใจ ผ่านไปสักพัก พลังที่เสียไปก็ฟื้นฟูกลับมา

บุตรแห่งโชคชะตาลุกขึ้น กำลังจะเดินไปทางซากปรักหักพัง ทันใดนั้นพลันสัมผัสกลิ่นอายหนึ่งได้จากด้านหลัง เขารีบหันศีรษะ ก่อนพบว่าร่างในชุดคลุมสีดำแดงกำลังเคลื่อนลงมาจากท้องนภา ทั้งกายามีแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์วูบไหว มาพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย

“ลู่หยวน?!”

เมื่อไป๋อู๋อีเห็นว่าใครกำลังมา ดวงตาก็เบิกกว้าง

แกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!

ไม่ใช่ว่าพวกกุ่ยซู่ไปขัดขวางแกแล้วหรือ?!

เขาสามารถสัมผัสได้ว่าครึ่งหนึ่งของยันต์วิญญาณในแขนเสื้อเพียงสั่นไหวเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าลู่หยวนยังคงอยู่ห่างไกล แล้วทำไมถึงมาปรากฏตัวตรงหน้าได้?

ทันใดนั้น บุตรแห่งโชคชะตาพลันเข้าใจบางอย่าง สีหน้าของเขาน่าเกลียดยิ่ง “เทียนเม่ยเอ๋อร์หักหลังอย่างนั้นหรือ?!”

สีหน้าของลู่หยวนเฉยชา มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “นางจะจงรักภักดีต่อข้าจนตัวตาย คิดว่าการบ้าน้ำลายไม่กี่คำของเจ้า จะสามารถเปลี่ยนใจผู้ใดได้งั้นหรือ เพ้อเจ้อยิ่งนัก!”

ชายหนุ่มมองรอบข้าง สายตาจับจ้องวิหารโบราณที่อยู่ไม่ไกล ตั้งแต่มาที่นี่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงเรียกจากก้นบึ้งของหัวใจที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากร่างจิตสำนึกทวยเทพถูกตัดขาด ก็มีร่องรอยของพลังมารแผ่ออกมาจากวิหารโบราณ มันแข็งแกร่งยิ่งนัก แสดงว่ามีวัตถุทรงพลังที่เผ่ามารทิ้งไว้อยู่ข้างใน

ลู่หยวนหันมองกลับไป แสยะยิ้มให้ไป๋อู๋อีจากใจจริง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ต้องขอขอบคุณจริง ๆ ไม่เพียงแค่พาข้ามาพบสถานที่นี้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่ยังเด็ดหัวผู้พิทักษ์ที่นี่ให้อีกด้วย เจ้าช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!”

คนฟังสำลัก แทบจะกระอักโลหิตออกมา

เขาทำเพื่อตัวเองไปมากมาย แต่กลับเป็นประโยชน์ต่อศัตรูอย่างนั้นหรือ?!