ตอนที่ 62 ของเลียนแบบชั้นต่ำ

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

ทุกคนแยกกันออกไปตามหาเอเทอร์น่า ส่วนชั้นก็มุ่งตรงไปที่บ่อน้ำหลังโรงเรียนในทันที

จะให้มาหาทีละซอกทีละมุมน่ะมันยุ่งยาก ใช้วิธีที่ดีและสะดวกที่สุดนี่แหละถึงจะเรียกว่าฉลาด

ตอนเดินไปหา บ่อน้ำก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร ชั้นเลยส่งพลังเวทย์ลงไปในน้ำ

น้ำในบ่อค่อยๆยกสูงขึ้น และเจ้าเต่าก็โผล่ขึ้นมา

“โอ้ มีอะไรรึเอลริส?”

“ค่ะ มีเรื่องอยากให้ช่วยน่ะค่ะ”

“ดูเหมือนจะมีปัญหาอะไรสินะ?”

เต่าตัวนี้มีความสามารถในการสังเกตการณ์เกือบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้

แต่ยังไงซะมันก็มีอยู่แค่สมองเดียว จะให้มันเฝ้ามองทุกเหตุการณ์บนโลกอยู่ตลอดนี่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

มันต้องรู้ก่อนว่าตัวเองอยากจะมองอะไร ถึงจะสามารถเห็นได้ ต้องดูไปทีละอย่าง

ถ้ามันอยากจะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นที่นิวยอร์ก ก็จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นิวยอร์ก แต่จะไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในโตเกียว

คล้ายๆทีวีนั่นแหละ

เปิดได้ทีละช่องเท่านั้น ทีวีจอเดียวดูสองรายการพร้อมกันไม่ได้

ถ้าอยากดู SASUKE ฉบับพิเศษสิ้นปี ก็จะเปิด โกโร่ อร่อยฉายเดี่ยว ที่ฉายในเวลาเดียวกันไม่ได้

เพราะงี้ถ้าแม่มดเทเลพอร์ตหนีไปได้ล่ะก็ มันจะแย่เอา

สมมติถ้าแม่มดร่ายบาเรียที่ทำให้ตรวจจับไม่ได้อยู่ล่ะก็ บางทีเจ้าเต่าอาจจะพยายามหา “สถานที่ที่ตัวเองไม่สามารถสังเกตการณ์ได้” แล้วก็ทำให้รู้ที่อยู่ของแม่มดก็ได้

หรือถ้าแม่มดเทเลพอร์ตหนีไปจริง เจ้าเต่าก็คงพอจะคาดเดาได้ว่าจะไปที่ไหน

แต่ยังไงซะมันก็เป็นแค่การคาดเดา ไม่ใช่การมองอนาคตจริงๆ ยังมีโอกาสผิดอยู่

ถ้าแม่มดเทเลพอร์ตหนีไปในที่ๆเจ้าเต่าไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่ะก็ เจ้าเต่าคงต้องมานั่งไล่ทุกซอกทุกมุมของฟิโอเร่เพื่อหาสถานที่ๆตัวเองสังเกตไม่ได้

ง่ายๆก็คือ พลังของเจ้าเต่าน่ะสะดวกก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าแน่นอนไปซะทุกครั้ง

แล้วดูเหมือนว่าจนถึงเมื่อกี๊ มันกำลังสังเกตการณ์สิ่งที่อยู่นอกสถาบันอยู่

ไม่งั้นคงไม่บอกว่า “ดูเหมือนจะมีปัญหาอะไรสินะ?”

“ใช่ค่ะ นักเรียนของสถาบันคนหนึ่งจู่ๆก็หายไปน่ะค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เวลามานั่งดูคาเมะคิจิกับคาเมะมิทะเลาะกันประสาคู่รักสินะ”

เจ้าเต่านี่ดูบ้าอะไรอยู่เนี่ย?

ไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนั้นนาเหวย

เออ จริงๆแอบดูคนรัก…ไม่สิ เต่ารักเชาตีกันนี่ไม่ใช่งานอดิเรกที่ดีนา

ช่างเรื่องนั้นไปก่อนแล้วกัน

ตอนนี้เราต้องการตาทิพย์นั่นอย่างด่วนเลย

“รู้จักเอเทอร์น่าซังใช่ไหมคะ? พอจะรู้ไหมคะว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

“ได้เลย”

ไม่จำเป็นต้องอธิบายเกี่ยวกับตัวตนจริงๆของเอเทอร์น่า

เจ้าเต่ารู้ว่าชั้นเป็นเซนต์ตัวปลอม

แสดงว่ามันก็ควรจะรู้อยู่แล้วว่าเซนต์ตัวจริงคือใคร

เจ้าเต่าหลับตาไปครู่หนึ่ง หลังจากที่”สังเกตการณ์”เสร็จ มันก็หันมาบอก

“เจอเธอแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกๆ”

“แปลกหรือคะ?”

“เธอยังอยู่ในสถาบันนี่แหละ แต่ว่า…สถานที่ที่เธออยู่น่ะมันประหลาด”

สถานที่ประหลาดนี่มันที่ไหนหว่า? โดนจับยัดไว้ในล็อกเกอร์เรอะ?

เอาเป็นว่าฟังที่เจ้าเต่าจะพูดก่อนแล้วกัน

“เป็นทางลับน่ะ…เป็นเหมือนห้องลับที่ถูกสร้างไว้หลังกำแพงนึงในสถาบันแห่งนี้ เอเทอร์น่าถูกจับอยู่ที่นั่น…ไม่ใช่แค่เธอนะ นักเรียนหลายคนก็ถูกขังอยู่ที่นั่นเหมือนกัน”

โฮ่วว ห้องลับเรอะ? โรงเรียนนี้มีของอย่างนี้ด้วยเหรอเนี่ย

ไม่สิ ดิแอสคงจะใช้อิทธิพลในฐานะครูใหญ่สร้างขึ้นมาล่ะมั้ง

นึกว่าจะมีแค่เอเทอร์น่า แต่ดูเหมือนจะมีนักเรียนคนอื่นอยู่ด้วย

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงโดนลักพาตัว เดี๋ยวก็หาตัวคนร้ายแล้วจับมาเค้นให้สารภาพทีหลังแล้วกัน

ถึงจะไม่รู้เหตุผลของคนร้าย ก็ยังต้องช่วยออกมาอยู่ดีล่ะนะ

“คนร้ายอยู่ที่นั่นหรือเปล่าคะ?”

“อืมมม…ตรงนั้นมีผู้หญิงคนนึงที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยความมืด ก็คิดว่าน่าจะเป็นคนร้ายน่ะนะ”

“ใช่อเล็กเซียไหมคะ?”

“ไม่ใช่ อเล็กเซียจนตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ใต้ดิน”

เห็นบอกว่าเป็นผู้หญิงที่ล้อมรอบไว้ด้วยความมืด ก็นึกว่าเป็นแม่มด

ถ้าเจ้าเต่าไม่อยู่ที่นี่ ชั้นคงคิดไปแล้วว่าอเล็กเซียเป็นคนร้าย

เพราะชั้นก็ไม่เคยเจออเล็กเซียมาก่อนน่ะนะ

ยังไงชั้นก็แค่เคยเห็นเธอผ่านเกม รูปวาดกับโลกสามมิตินี่เอามาเทียบกันยากอยู่แล้ว ถ้าชั้นเห็นใครสีผมคล้ายๆหน่อยก็คงจะเข้าใจผิดไปง่ายๆเลย

อย่างตอนชั้นเพิ่งได้ความทรงจำกลับมา ยังคิดเลยว่าตัวเองเป็นเอเทอร์น่าไม่ใช่เอลริส

“มุ พวกเธอถูกพาจากทางลับไปที่ดาดฟ้าแล้ว หนวดอะไรสักอย่างที่สร้างจากความมืดก็ลากพวกนักเรีบนไปด้วย…น่าจะมีแผนอะไร”

ไม่รู้หรอกนะว่ามีแผนอะไรน่ะ แต่พาไปดาดฟ้าโล่งแจ้งแบบนี้ก็หวานตูล่ะเด้อ

ชั้นหายตัวไปจับคนร้ายได้ง่ายๆเลยนะ

“ขอบคุณมากนะคะ โปรเฟตะ”

“จะไปแล้วสินะ ถึงจะไม่จำเป็นที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ก็ระวังตัวไว้ล่ะ”

ได้ยินเจ้าเต่าพูดแบบนั้น ชั้นก็บินตรงไปที่ดาดฟ้าในทันที

โทษละกันนะ จะเอาให้จบเรื่องเร็วๆนี่แหละ

.

นักเรียนหญิงที่ถูกออคโตควบคุมกำลังเดินตรงไปยังดาดฟ้า

เอลิซาเบธ อิบลิส คือนักเรียนหญิงที่ถูกออคโตเลือกมาเป็นตัวตายตัวแทนของแม่มด

รูปลักษณ์ของเธอนั้นจะเรียกว่างดงามก็คงไม่ได้

ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีอะไรมาก เรียกว่า ธรรมดา ดูจะตรงตัวที่สุด

ตาชั้นเดียว สันจมูกไม่สูงไม่ต่ำ

ใบหน้าไม่ได้สมมาตรอะไร ฟันสีเหลืองเรียงกันไม่เป็นระเบียบ

เส้นผมสีน้ำตาลยาวถึงเอว ประดับด้วยดอกไม้ที่คล้ายกับเอลริส(แต่ว่าเฉาตายไปแล้ว)

เธอหลงใหลในเอลริส

แต่ในขณะเดียวกันก็ริษยาและเกลียดชัง

ในตอนแรก มันก็เป็นแค่ความอิจฉาเล็กๆ

เธอเกิดในตระกูลชนชั้นสูง ในตอนที่เธออายุ 11 ปี เธอได้พบกับเซนต์ในงานเลี้ยงเต้ารำ และตั้งแต่นั้นมา เธอก็ใฝ่ฝันถึงรูปลักษณ์นั้น

เธออยากจะเป็นเหมือนกับเซนต์

เธอถึงได้ทำเครื่องประดับดอกไม้ที่เหมือนกับเอลริสขึ้นมา เธอเลียนแบบท่าทีของเอลริส ไว้ผมแบบเดียวกับเอลริส

ใช่แล้ว ในตอนแรกๆมันก็เป็นแค่การ ทำตาม เท่านั้น

ลอกเลียนคนที่ตัวเองนับถือ อยากจะเป็นเหมือนดาราคนนั้นคนนี้…มันไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ยิ่งเธอเติบโตขึ้น ผมของเธอที่เคยเป็นสีทองก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ไม่ว่าจะมองอย่างไร ภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้นไม่ใช่เอลริส

เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ก็ตัวเธอไม่ใช่เอลริสนี่นา

คนเราเกิดมาหน้าตาไม่เหมือนกัน ก็เรื่องธรรมชาติ

ตามปกติ คนทั่วไปก็คงจะเริ่มรู้ตัวถึงความจริง และยอมรับมันได้ในที่สุด

แต่ภายในตัวเธอ ความหลงใหลนั้นค่อยๆบิดเบี้ยวขึ้นทีละน้อย

มันเริ่มมาจาก “ชั้นเองก็อยากจะเป็นแบบนั้น”

กลายเป็น “ถ้าแค่ชั้นเป็นแบบนั้นล่ะก็”

ตั้งแต่ที่เธอเข้ามายังสถาบันแห่งนี้ และได้อาศัยอยู่ในสถานที่ที่เดียวกับตัวตนที่เธอหลงใหล ความรู้สึกอันบิดเบี้ยวนี้ก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น ความมืดในใจเธอค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เธอพบเห็นเอลริส…

จนกระทั่ง มันแปรเปลี่ยนจาก “ทำไมชั้นถึงไม่ใช่เอลริส?” กลายเป็น “ถ้าแค่ชั้นเกิดต่างไปจากนี้ ชั้นก็คงกลายเป็นเอลริสไปแล้ว” เป็นภาพลวงตาบ้าๆแบบนั้น

ถ้าแค่เธอเกิดมาต่างไปจากตอนนี้ เธอคงจะกลายเป็นเซนต์เอลริส

เธอคงจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามแบบนั้น

ไม่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ นั่นเป็นสิ่งที่เธอควรจะมี

เธอกล่อมหัวใจที่บิดเบี้ยวของตัวเองให้เมินหน้าหนีจากความจริง เสพสมไปกับจินตนาการ

เธอฝันถึงโลกที่เธอเกิดมาเป็นเอลริส โลกที่เธอได้รับความนับถือบูชา ได้รับเกียรติยศและชื่อเสียงในฐานะของเซนต์

ไม่นานนัก โลกแห่งจินตนาการนี้ก็ได้กลายเป็นความจริงในความคิดของเธอ

ชั้นคือเอลริสตัวจริง แต่ทำไมเธอคนนั้นถึงถูกเคารพบูชาแทนชั้นล่ะ!?

เธอคนนั้นขโมยเกียรติยศของชั้น ชื่อเสียงของชั้น รูปลักษณ์ของชั้นไป! นังแมวขโมยชั้นต่ำ!

ชั้นคือตัวจริง เธอก็เป็นแค่ของเลียนแบบ

เอลิซาเบธเริ่มที่จะเชื่อเช่นนั้น

เป็นความคิดที่บ้าบอและไม่มีเหตุผลเลยสักนิด

เธอไม่สามารถแยกระหว่างความจริงแบะความเพ้อฝันของตัวเองออกจากกันได้ เธอเริ่มปฏิบัติเหมือนตัวเธอเองเป็นเซนต์ ในใจของเธอ เธอคือตัวจริง ส่วนเอลริสคือตัวปลอม

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน(ในความคิดของตัวเอง)ให้แก่เพื่อนร่วมชั้น เธอประกาศว่าตัวเองนี่แหละจะกอบกู้โลกนี้

ไม่ต้องคิดเลย ใครๆก็มองสิ่งที่เธอทำว่าเป็นการลบหลู่ เป็นเพียงของลอกเลียนแบบที่น่าขบขัน

รอยยิ้มที่เธอคิดว่าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนนั้นมีแต่ความหลงตัวเองอยู่เต็มที่ ท่าทีของเธอที่พยายามจะทำอบบเอลริสนั้นไม่ได้เข้ากับตัวเธอเลย

ไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ…ตั้งแต่แรกแล้ว ที่นี่คือสถาบันสอนอัศวินเพื่อมารับใช้เซนต์ ใครจะอยากมายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงบ้าที่ลบหลู่เซนต์และคิดว่าตัวเองเป็นตัวจริงล่ะ

ในเวลาไม่นาน เธอก็ถูกกีดกัน และกลายเป็นเพียงตัวเกะกะในสายตาของทุกคน

ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวเกี่ยวกับการกระทำของเธอก็ลอยไปถึงหูพ่อแม่ของเธอซึ่งอับอายในเรื่องนี้เป็นอย่างมากและยื่นเรื่องเพื่อให้เอลิซาเบธออกจากโรงเรียน

ทางสถาบันก็รับเรื่องนั้นไว้อย่างง่ายๆ เอลิซาเบธจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนภายในเดือนนี้

เอลิซาเบธเองก็ได้รับจดหมายจากพ่อของเธอ เนื้อความนั้นแสดงออกถึงความโกรธและความอับอายในตัวเธอ นี่ยิ่งทำให้เอลิซาเบธเกรี้ยวกราดขึ้นไปอีก

ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจ?

ชั้นคือเอลริสนะ ทั้งๆที่ชั้นรักทุกคนและโลกใบนี้ขนาดนี้แท้ๆ

ยิ่งคิดอย่างนั้น เธอก็ยิ่งรังเกียจทุกสิ่งเข้าไปอีก

ถึงปากจะบอกว่าเธอรักทุกคน แต่ในใจของเธอนั้นเกลียดทุกคน

สุดท้ายแล้ว เธอก็แค่คิดไปเอง หลงอยู่ในจินตนาการของตัวเองว่าตนรักทุกสิ่งทุกอย่างในโลก

เธอไม่ได้รักพวกมัน เธอไม่สนโลกนี้ด้วยซ้ำ

เธอแค่คิดว่านี่คือสิ่งที่เอลริสคิดและทำ

‘น่าอิจฉาเหลือเกิน ถ้าเพียงแค่ไม่มีเอลริสอยู่ ชั้นคงได้กลายเป็นเอลริสไปแล้ว’

‘ถ้าแค่ไม่มีเอลริส ชื่อเสียงและเกียรติยศพวกนั้นก็จะเป็นของชั้น’

เอลิซาเบธเกลียดชังเอลริส ผู้เป็นต้นตอของความหลงใหลของเธอ

ไม่ต้องบอกเลยว่า ต่อให้ไม่มีเอลริสอยู่ ชื่อเสียงและเกียรติยศก็จะไม่ตกเป็นของเอลิซาเบธอยู่ดี

พวกเธอสองคนเป็นคนละคนกัน เธอคือเอลิซาเบธ อิบลิส ไม่ใช่เอลริส

ความคิดของเธอนั้นบิดเบี้ยวจนมืดบอดจากความเป็นจริง

ตัวตนของเธอในสายตาผู้อื่นนั้นต่ำจนจะต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ยังจะถูกไล่ออกจากสถาบันอยู่ดี

นี่ทำให้เธอเป็นที่จับตาของออคโต

ถ้าเป็นเธอล่ะก็ ต่อให้เปิดเผยออกไปว่าเป็นแม่มดก็คงไม่มีใครสงสัยว่าไม่จริงเป็นแน่

เธอนั้นอ่อนแอก็จริงอยู่ แต่ที่เธอต้องทำก็แค่แสดงเป็นแม่มด

ไม่มีใครรักเธอ เรียกได้ว่าเป็นที่รังเกียจของทุกคนก็ไม่เกินเลย

ยิ่งการที่เธอว่าร้ายเซนต์อยู่ทุกวันนี่สิยิ่งดี

ตั้งแต่ที่เธอเริ่มพูดลบหลู่เซนต์ ตัวตนในสังคมของเธอก็เรียกได้ว่า “หายๆไปซะได้ก็ดี”

ใครๆก็คิดว่า “นี่ถ้าเธอเป็นผู้ติดตามของแม่มดก็ดีสิ จะได้ส่งเธอไปลงนรกได้แบบไม่มีใครว่า”

ความคิดแบบนั้นมันเปลี่ยนจาก “ถ้าแค่เธอเป็นแม่มดหรือสมุน” กลายเป็น “อย่างเธอนี่จะเป็นแม่มดหรือสมุนก็ไม่แปลก”ได้ง่ายๆ

ยิ่งเป็นคนที่น่ารังเกียจเท่าไร ก็ยิ่งเป็นที่น่าเชื่อถือ

ต่อให้มีใครรู้ตัวว่าเธอก็แค่สติไม่สมประกอบ คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่คิดจะต่อต้านที่เธอจะกลายเป็นตัวตนที่พวกเขาคิดว่าเธอเป็นอยู่ดี

ไม่ว่าใครก็จะคิดว่า

“อา ว่าแล้วเชียว”

ออคโตพยายามที่จะชักจูงความคิดของทุกคนไปในทิศทางนั้น

มนุษย์นั้นประหลาด ต่อให้มีความแคลงใจอยู่ แต่ถ้าความเห็นส่วนมากคิดตรงกัน ก็จะทำให้เริ่มคิดว่า “อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้” ขึ้นมา

ตัวเอลริสเองอาจจะฉลาดกว่านั้น

เธออาจจะรู้ตัวว่าปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้ไม่มีทางเป็นแม่มดได้

แต่ถ้าความคิดของเธอถูกกลบด้วยความคิดเห็นของสังคมล่ะ?

ถ้าทุกคนนอกจากเอลริสบอกว่า “เธอคือแม่มด” ต่อให้เป็นเอลริสก็ไม่อาจเมินเฉยได้

การใช้ความคิดเห็นส่วนมากเพื่อเปลี่ยนใจเอลริสนั้นถือว่าเป็นไปได้

คนโง่ร้อยคนสามารถเปลี่ยนความคิดนักปราชญ์ได้

ออคโตพยายามที่จะทำให้มันออกมาอลังการที่สุด ให้ดูเหมือนว่าแม่ทดปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฝูงชนจริงๆ

ควบคุมให้เอลิซาเบธประกาศว่าตัวเองเป็นแม่มดต่อหน้าทุกคน แสดงให้เห็นเหมือนว่าเธอมีพลังความมืด จากนั้นก็เอาพวกตัวประกันที่จับมามาโชว์ให้เห็น

จากนั้นก็ฆ่าสักคนสองคนต่อหน้า

ทำให้ความโกรธและเกลียดที่มีต่อเธอถึงขีดสุด จากนั้นออคโตก็จะหนีไปก่อนที่เอลริสจะมาถึง

ทำให้ทุกคนลงความเห็นพ้องกันว่า “กำจัดแม่มดเอลิซาเบธ” บังคับให้เอลริสต้องลงมือ

ในขั้นแรกนี้ มันต้องขึ้นมายังดาดฟ้าก่อน และปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา

ต้องมีการอาละวาดของเวทมนตร์มากพอที่จะดึงความสนใจของนักเรียนจำนวนมากได้

เพื่อเริ่มแผนการขั้นแรก ออคโตยิงเวทมนตร์ใส่พวกนักเรียนที่ฝึกฝนกันอยู่ที่สนาม