ตอนที่ 42 ความทรงจำในอดีตชาติ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 42 ความทรงจำในอดีตชาติ

หลินม่ายเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับลูกน้อยในอ้อมแขน “เรื่องอะไรจ๊ะ?”

“พรุ่งนี้หนูจะไปขายไก่ในเมืองกับแม่ด้วย หนูจะไม่ทำให้แม่ต้องลำบาก หนูจะช่วยแม่ขายของเอง”

หลินม่ายคิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและตอบตกลง

พรุ่งนี้เธอจะขายไก่จำนวนหนึ่งถึงสองร้อยตัว ดังนั้นมันจะไม่ยุ่งยากเหมือนกับวันนี้ ถ้าพาลูกไปด้วยก็คงไม่เป็นอะไร

โต้วโต้วหลับตาลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผล็อยหลับสนิทไร้การตอบสนอง กระทั่งหลินม่ายถอดเสื้อผ้าให้ยังไม่รู้สึกตัว

หลังจากทำความสะอาดให้โต้วโต้วแล้ว หลินม่ายก็มาที่ห้องโถง

คุณย่าฟางยื่นซาลาเปาย่างให้เธอ “โต้วโต้วเก็บมันไว้ให้เธอโดยเฉพาะ รีบกินซะตอนที่มันยังร้อนอยู่”

หลินม่ายกินซาลาเปาย่างภายในสองคำใหญ่ พับแขนเสื้อขึ้นเพื่อที่จะแปรรูปเลือดแพะให้กลายเป็นเต้าหู้เลือด และนำไปขายที่ตัวเมืองในวันรุ่งขึ้น

คุณปู่ฟางและภรรยาบอกว่าพวกเขาทั้งสองได้ช่วยเธอแปรรูปเลือดแพะให้กลายเป็นเต้าหู้เลือดแล้ว และพวกเขากำลังรอมันจับตัวเป็นก้อนภายในสองชั่วโมง

หลินม่ายรู้สึกตื่นตันมากจนเงียบไปพักใหญ่ คุณปู่คุณย่าอันเป็นที่รักปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นหลานสาวแท้ ๆ ไม่มีผิด

เธอกับผู้เฒ่าทั้งสองพบกันโดยบังเอิญ ทว่าพวกเขากลับปฏิบัติต่อเธอดีกว่าหลานสาวแท้ๆ

หลินม่ายเอ่ยขอโทษ “ฉันสร้างเรื่องยุ่งยากให้คุณปู่คุณย่าตลอดเลย~”

“เธอพูดอะไรน่ะ มันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสักหน่อย และการทำเต้าหู้เลือดไม่ได้เหนื่อยอะไรนักหรอก!” คุณย่าฟางตีแขนเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เธอต้องเข้าเมืองไปขายของอีก”

“ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องล้างปอดแพะก่อน จะได้เอาไปขายพรุ่งนี้”

แม้ว่าผู้คนในมณฑลหูจะไม่กินปอดแพะกันเนื่องจากไม่รู้วิธีการทำ แต่ชนกลุ่มน้อยที่ปรุงรสเป็นต่างชอบกินมันมาก

หลังจากที่หลินม่ายล้างเสร็จ เธอจะขายมันที่ทางเข้าจุดจำหน่ายเนื้อสัตว์ของชนกลุ่มน้อย เพื่อแลกเปลี่ยนให้เป็นเงินตรา

ตอนนี้ครอบครัวของเธอยากจนมาก จนทำให้เธอไม่อยากปล่อยเงินจำนวนน้อยให้หลุดลอยไป เมื่อใดก็ตามที่เธอมีฐานะมั่งคั่งขึ้น เธอจะไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอีกต่อไป

ผู้เฒ่าทั้งสองต้องการช่วยหลินม่ายทำความสะอาดปอดแพะด้วยกัน ทว่าหลินม่ายยืนกรานปฏิเสธ

อุณหภูมิยามค่ำคืนต่ำกว่าศูนย์เพียงไม่กี่องศา และหนาวมากหากต้องล้างในน้ำที่เย็นยะเยือก เธอยังสาวและสามารถทนไหว ดังนั้นเธอจะปล่อยให้สองเฒ่าเผชิญกับความเหน็บหนาวได้อย่างไร

หลินม่ายก้มหน้าก้มตาทำงาน ในขณะที่ผู้เฒ่าทั้งสองไม่ยอมนอน พยายามพูดคุยเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอ

คุณย่าฟางเริ่มพูดยืดยาว “วันนี้หลังจากเธอออกไปแล้ว โต้วโต้วก็ยังปกติดีอยู่ในตอนเช้า แต่พอตกช่วงบ่ายก็เริ่มคิดถึงเธอแล้ว เซื่องซึมไปทั้งตัวจนไม่ยอมกินข้าว เด็กคนนี้ติดเธอจริง ๆ เลยนะ”

หลินม่ายงุนงง “ครั้งที่แล้วที่ฉันทิ้งลูกไว้ที่บ้านคุณปู่คุณย่า ไม่เห็นลูกเป็นแบบนี้เลยนี่คะ”

คุณย่าฟางพูด “ทำไมจะไม่เป็นล่ะ? พอเธอเดินทางออกจากบ้าน หลานก็เอาแต่คิดถึงเธอ จนไม่ยอมเล่นยอมกิน”

“แค่ครั้งนั้นฉันพาหลานขึ้นรถเทรกเตอร์ไปหาเธอตอนบ่าย ฉันเห็นหลานมีความสุขที่ได้เจอเธอ และรู้ว่าหล่อนคงไม่อยากแยกจากเธออีก เพราะงั้นฉันก็เลยไม่ได้บอกเธอ”

หลินม่ายอุทานเสียงเบาเมื่อนึกถึงประโยคที่เธอเคยอ่านเจอก่อนหน้านี้ ในสายตาของเด็ก พ่อแม่เป็นทุกอย่างสำหรับลูก

…แต่ว่าเธอไม่เคยรู้เลยว่าการมีพ่อแม่เป็นของตนเองนั้นเป็นอย่างไร

เธอไม่ได้ผูกพันกับพ่อแม่มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ในความทรงจำของเธอ เธอถูกพ่อแม่ทุบตีและด่าทอมาโดยตลดอ แต่กับไม่เป็นเช่นนี้กับพี่ชายและพี่สาว

ในชีวิตที่แล้ว เธอทำงานอย่างหนักเพื่อเอาใจพ่อแม่และทำให้พวกเขารักเธอมากขึ้น

ต่อมาเธอช่วยหลินสงผู้เป็นพี่ชายสร้างบ้าน เลี้ยงดูเด็ก ดูแลพ่อแม่ผู้สูงวัย แต่กลับไม่เคยเปลี่ยนทัศนคติของพ่อแม่ได้เลย

ในชาติที่แล้ว ชาวบ้านมักล้อเลียนและถามหลินเจี้ยนกั๋วกับภรรยาว่าเธอคือลูกที่เก็บมาเลี้ยงใช่หรือไม่ ทั้งที่ครอบครัวมีลูกสามคน แต่ทำไมพวกเขาถึงปฏิบัติต่อเธอราวกับสัตว์เลี้ยง

โดยปกติหลินม่ายจะไม่ถือสามุกตลกเล็กๆ น้อยๆ แต่เพราะชาวบ้านพากันเล่นมุกนี้บ่อย ๆ เธอจึงเก็บมาคิด

ดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะไปที่โรงพยาบาลที่ซุนกุ้ยเซียงผู้เป็นแม่ได้ให้กำเนิดเธอเพื่อแอบตรวจสอบอะไรบางอย่าง เพื่อหาคำตอบว่าเธอคือลูกสาวคนที่สามที่โดนสับเปลี่ยนตัวของหลินเจี้ยนกั๋วกับภรรยาหรือไม่

พ่อแม่ของเธอเกลียดชังเธอเพราะคิดว่าตนอุ้มท้องลูกชายมาก่อน แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเป็นลูกสาว และคิดว่าการมาเกิดของเธอทำให้พวกเขาเสียโอกาสได้ลูกชายไป

นอกจากนี้ซุนกุ้ยเซียงยังได้รับบาดเจ็บขณะคลอดเธอ ส่งผลให้นางไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก พังทลายความฝันของคู่รักที่ต้องการมีลูกจนทำให้ความสุขของพวกเขาแตกสลาย และในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ

หลินม่ายรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ เธอไม่เคยมีความสุขในการมีพ่อแม่เป็นของตนเองด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นปล่อยให้โต้วโต้วได้มีความสุขเถอะ

ในวันส่งท้ายปีเก่า หลินม่ายตื่นขึ้นและปลุกโต้วโต้วก่อนที่ไก่จะขัน

คุณย่าฟางตื่นเร็วกว่าพวกเขาทั้งคู่ นางต้มบะหมี่ให้สองแม่ลูกกิน และสั่งให้พวกเขาเอาไข่ต้มร้อน ๆ สองฟองไปด้วย

ทันทีที่คนขับรถแทรกเตอร์มาถึง หลินม่ายกับลูกสาวก็รีบตามเขาเข้าไปขายไก่ในเมือง

หลินม่ายกลัวว่าโต้วโต้วจะหนาว เธอจึงห่อลูกสาวเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น

เมื่อคืนนี้โต้วโต้วนอนดึก และตื่นแต่เช้า หล่อนจึงผล็อยหลับในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงในตัวเมือง พวกเขารีบตรงดิ่งไปที่ตลาดมืด แต่กลับไม่เห็นผู้คนมากมายนัก

หลินม่ายไม่ได้ลงจากรถด้วยซ้ำ และขอให้คนขับรถแทรกเตอร์พาไปที่ตลาดสดของทางรัฐที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

วันนี้ตลาดสดของทางรัฐยังเปิดให้ขายของถึงครึ่งวัน มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ และไม่ต้องกังวลว่าจะขายไก่ไม่ได้

ครั้งเมื่อเธอออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ไร้แสงไฟ ทำให้เธอไม่เห็นว่าคนขับรถแทรกเตอร์เอาไก่มากี่ตัว

ขณะที่ขนถ่ายสินค้า เธอพบว่าครั้งนี้เขาเอาไก่มามากกว่าสามร้อยตัว

คนรับรถแทรกเตอร์ส่งยิ้มให้เธออย่างเขินอาย “ฉันอยากจะหาเงินให้ได้เยอะ ๆ วันนี้ก็เลยเอาไก่มาเยอะน่ะ”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลินม่ายก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก

นอกจากนี้ต่างคนต่างก็ขายสินค้าของตนเอง เธอจึงไม่อยากพูดติอะไร

แผงลอยของทั้งสองคนเปรียบเสมือนเทพเจ้าคุ้มครองประตู พวกเขาวางของทั้งหมดไว้ที่หน้าปากประตูทางเข้าตลาดสดของทางรัฐ ขณะที่ผู้คนรีบเข้ามาถามว่าพวกเขาขายไก่อย่างไร

หลินม่ายยังคงขายไก่หนึ่งชั่งในราคาสองหยวน คนขับรถแทรกเตอร์ขายไก่ในราคาเดียวกันกับเธอ

เหล่าลูกค้าพากันบ่นว่าราคาแพง แต่ก็ยังต้องซื้อ

หลินม่ายมีไก่จำนวนน้อย และภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ไก่ของเธอก็ถูกขายจนหมด แม้แต่เต้าหู้เลือดที่เธอนำมาก็ขายหมดเช่นกัน 

คนขับรถแทรกเตอร์ยังมีไก่เหลืออยู่อีกประมาณสองร้อยตัว

หลินม่ายพูดทักทายเขา ถือถังไม้ที่บรรจุปอดแพะ และพาโต้วโต้วขึ้นรถบัสไปยังจุดจำหน่ายเนื้อสัตว์ของชนกลุ่มน้อย เธอขายปอดแพะออกไปได้อย่างรวดเร็วในราคาห้าหยวน

ในชาติที่แล้วหลินม่ายเคยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ซินเจียง และมีโอกาสได้กินบะหมี่ท้องถิ่นที่ใส่ปอดแพะ มันทั้งเหนียว นุ่ม และมีรสชาติอร่อย

หากไม่ใช่เพราะกระบวนการทำบะหมี่ปอดแพะยุ่งยากและใช้เวลานาน หลินม่ายก็คงจะทำปอดแพะใส่บะหมี่และขายให้พวกเขา ซึ่งสามารถทำเงินได้มากขึ้น

หลังจากที่ขายปอดแพะจนหมดแล้ว แม่กับลูกสาวก็กลับไปที่หมู่บ้านซานหยาง เพื่อขอให้ชายจากหมู่บ้านเดียวกันที่ช่วยเธอทอดเกาลัดขายครั้งล่าสุด ช่วยขนไข่ไก่ไปที่ท่าเรือ

ในวันส่งท้ายปีเก่า ถึงแม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะอยู่ในช่วงพักร้อน แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่เดินทางจากอู่ชางมาซื้อของที่ฮั่วโข่ว ดังนั้นผู้คนจึงไหลเวียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ตราบใดที่มีคนหลังไหลเข้ามา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้

การมีโต้วโต้วอยู่ด้วยเป็นประโยชน์มาก เพราะมีคนบางส่วนที่ไม่ต้องการซื้อของ แต่พยายามจะขโมยไข่ไก่หนึ่งถึงสองฟอง และพวกเขาทั้งหมดก็ถูกโต้วโต้วจับได้

โชคดีที่พวกชอบฉกฉวยโอกาสไม่ได้ดั่งใจหวัง พวกเขาไม่คิดจะต่อสู้กับหลินม่ายเพียงเพราะไข่ไก่ฟองสองฟอง รีบวางไข่ไก่ลงด้วยใบหน้าที่อับอาย และวิ่งหนีไป การค้าขายของเธอจึงราบรื่นขึ้น

ไข่ไก่ของหลินม่ายถูกขายจนหมดเกลี้ยงในเวลาเที่ยงตรง เธอปิดแผงขายและกลับบ้านด้วยความสุขใจ

เพียงเวลาแค่ครึ่งวัน เธอทำเงินได้มากกว่าหนึ่งพันหกร้อยหยวน

ในชาติที่แล้ว เธอไม่เคยประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาหาเงินในเมือง และเงินทุกเหมาก็หามาได้ทีละนิดอย่างยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ่อแม่ไม่รักก็ช่างเถอะม่ายจื่อ อย่าให้ค่ากับครอบครัวแบบนั้นเลย

หลินม่ายขายทุกอย่างที่แท้ทรู แม้แต่ของที่ไม่น่าจะขายได้ก็เอามาขาย

ไหหม่า(海馬)