บทที่ 5 ตอนที่6

 

 

「สวัสดีโนโซมุ พอจะมีเวลาว่างไหม?」

 

 

เขาคือ ฟีโอ・รีซิสซ่าส์บอกกับผมเช่นนั้น

 

 

「นาย……」

 

 

ผมจ้องมองไปที่ฟีโอด้วยสายตาสงสัย แม้ว่าจะดูท่าทีอ่อนโยนและหน้าหวาน แต่ว่านั่นเป็นการแสดง

 

 

แววตานั่นบางราวกับเส้นด้ายเช่นเดียวกับที่จ้องลึกมาจากจิตใจ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร มีกลิ่นอายแปลกๆจนไม่สามารถอธิบายได้

 

 

เส้นสายตาเหมือนที่ผมเคยสัมผัสได้ ตอนที่โดนเรียกไปหลังอาคารเรียนผมรู้สึกถึงแววตานี่และแววตาที่สัมผัสได้ตอนหน้าประตูหลัก

เขาจับจ้องไปที่ฟีโออย่างสมบูรณ์

 

 

「อาโนะ~。รู้จักเหรอ?」

 

 

「อ่า เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเรา โซมิจจิ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมกับปาร์ตี้ไหนๆ เพราะเรร่อนไปเรื่อยละน้า แต่เขาเป็นคนที่ว่าเอิ่ม……ไม่รู้จะพูดยังไง」

 

 

 โซเมียไม่รู้จักฟีโอและมิมุรุก็ตอบคำถาม

 

 

「……มีอะไรกันแน่?」

 

 

ผมถามฟีโอว่าทำไมถึงมาที่นี่ แต่น้ำเสียงของผมมันแสดงท่าทีกดดันชัดเจน

 

 

「ยุ่งยากจังเลยน้าาา~。จะระมัดระแวงไปถึงไหนกันเนี่ย」

 

 

「……」

 

 

ฟีโอพูดกับผมด้วยท่าทางสบายๆ

 

 

มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้ทุกคนสบายใจ แต่ตอนนี้เสียงนั่นมันทำให้ผมตื่นตัวมากกว่า

 

 

「……อืมก็ระมัดระวังตัวมากแต่ว่า…ทำไม?」

 

 

ฟีโอพึมพำด้วยน้ำเสียงเข้าใจบากราวกับงงว่าทำไมเขาถึงระมัดระวังตัวมากขนาดนี้ ท่าทางของเขาดูกังวลมากเหมือนไม่ใช่การแสดง

 

 

「ฟีโอคุง เป็นอะไรไป?」

 

 

「นั่นสินะ แล้วลมอะไรหอบมาให้มาที่นี่กันละเนี่ย?」

 

 

ทอมและมิมุรุต่างถามเหตุผล ที่ฟีโอมาที่นี่

 

 

 อย่างไรก็ตามฟีโอก็อยู่ห้องเดียวกับพวกเขา……。

 

 

「ก็บอกแล้วไงล่ะ ข้าน้อยมีธุระกับโนโซมุ」

 

 

ฟีโอเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ผม เดินช้าๆแต่มั่นคง

 

 

มีเพียงเสียงของฟีโอที่กำลังเหยียบย่ำพื้นดินและเสียงหญ้าที่ก้องอยู่ในหูของผม ทุกคนต่างเงียบ

 

 

「อืม เหตุผลที่ข้าน้อยมาที่นี่ก็เพื่อ……」

 

 

 ในที่สุดเมื่อระยะห่างระหว่างผมกับฟีโอใกล้กันไม่กี่เมตร……。

 

 

「!!」

 

 

จู่ๆผมก็รู้สึกหนาวสั่นจนก็โดดถอยหลังกลับทันที

 

 

วินาทีถัดมา เมื่อเกิดลมกรรโชกแรงกระเป๋าของฟีโอก็กระโดดออกและพุ่งเข้ามาหาผม

 

 

ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรีบชักดาบออกมาทันที

 

 

「โฮ่ววว คิดจะหลบยังงั้นเหรอ?」

 

 

ฟีโอกลับมายืนที่เดิมพร้อมกับกระเป๋าที่เขาเหวี่ยงไปมะกี้และยืนด้วยท่าทีเฉยๆ

 

 

「เดี๋ยวก่อนสิ!ฟีโอ!คิดจะทำอะไรกันแน่!!」

 

 

「พอแค่นั้นแหละ!ทำอะไรน่ะอยู่ๆก็เข้ามาโจมตีแบบนี้!!」

 

 

ไอริสและซีน่าต่างตะโกนใส่ฟีโอที่โจมตีใส่โนโซมุ

 

 

ตรงกันข้าม ไอริสที่ตะโกนใส่เขาไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย

 

 

「นี่ โนโซมุ จะต่อสู้กับข้าน้อยได้รึไม่?」

 

 

「……?」

 

 

「แก!จู่ๆก็เข้ามาโจมตีคิดอะไรอยู่กันแน่!!」

 

 

ผมไม่รู้เลยว่าฟีโอคิดอะไรอยู่กันแน่ ผมมองเขาไม่ออก แต่บางทีมาร์ก็โกรธที่เขาทำเกินไปและหันดาบไปทางฟีโอ

 

 

อย่างไรก็ตามฟีโอไม่สนใจมาร์ เขาจ้องเพียงแค่โนโซมุ

 

 

「อ่าาาา~、โนโซมุ~」

 

 

「หนอยแน่!ไอ้หมอนี่……」

 

 

มาร์พยายามกดดันฟีโอ แต่ฟีโอเองก็กันดาบใหญ่ด้วยกระเป๋าของเขา

 

 

「เฮ้ออ」

 

 

「เหะ!?」

 

 

วินาทีถัดมามาร์ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นก่อนที่ผมจะรู้ตัว ฟีโอก็ถือไม้…ไม้กระบองนั่นแนบหน้าของมาร์อยู่

 

 

ทุกๆคนต่างพูดอะไรไม่ออก

 

 

กระเป๋าที่เฟโอทิ้งไปมันปลิวไสวและหล่นลงไปที่พื้น

 

 

「……หนอยยยยย」

 

 

「อยู่เงียบๆสักครู่จะได้ไหม ข้าน้อยต้องการจะคุยกับโนโซมุ」

 

 

มาร์พยายามจะหยุด แต่ฟีโอบอกให้เขาหยุดการกระทำงี่เง่า

 

 

「……ทำไมนายถึงไม่คิดจะเลิกราเสียทีคะ?」

 

 

「นั่นสินะ ถึงแม้จะเป็นคนไร้ยางอายที่ดูเข้าใจยากแค่ไหน แต่การทำแบบนี้มันเกินไปละ」

 

 

「……อาเระ? ก็รู้จักเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬอยู่หรอก แต่ทำไมซีน่าถึง?」

 

 

ไอริสและซีน่าพยายามจะหยุดฟีโอ เพราะไม่สามารถมองข้ามสถานการณ์ตรงหน้าได้ เสียงของทั้งสองที่พุ่งเป้าไปยังฟีโอต่างจากเสียงธรรมดาทั่วไป

 

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนฟีโอจะไม่ได้ประมาทแม้ว่าจะโดนข่มขู่ก็ตามที

 

 

จากการที่เขาล้มมาร์ได้ เห็นได้ชัดว่าฟีโอค่อนข้างเก่งเลย แต่ยังไงก็ตามเขาไม่รู้สึกถึงความกดดันที่เขาปล่อยออกมาแม้แต่น้อยเลย

 

 

แต่ถึงจะสัมผัสไม่ได้ผมก็ยังคงตื่นตัว

 

 

ความสามารถของเขาและตัวเขาที่ไม่แสดงอารมณ์มันตรงกันข้ามกันเลย เขาควบคุมอารมณ์เก่งและซ่อนความสามารถอันแท้จริงเอาไว้ เป็นคนอันตรายอย่างมาก

 

 

สัตว์อสูรบางตัวก็มักจะซ่อนเขี้ยวเล็บของมันเอาไว้อย่างชัดเจน และส่วนใหญ่คู่ต่อสู้จะเปิดช่องว่างเพราะคิดว่ามันไม่มีพิษภัย แต่การที่คาดความระมัดระวังทำให้ถูกฆ่าตายได้เอง

 

 

ฟีโอในวันนี้ก็เหมือนกับงูที่ดักรอเหยื่อ

 

 

「……ก็เรื่องปกติสินะ เป็นธรรมดาที่เหล่าเพื่อนๆจะช่วยกันหยุด หากเกิดการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น!」

 

 

「……รู้สึกมีบางอย่างเปลี่ยนไปนะซีน่า……」

 

 

ฟีโอรู้สึกได้ว่าซีน่าเปลี่ยนไป เขาตัดสินใจและนึกถามออกมา

 

 

「อืมมมมม นอกจากซีน่าแล้ว ดูเหมือนว่าน่าสนใจมากเลยนะที่จะต่อสู้กับเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬเนี่ย ถ้าประมือกันจะเป็นยังไงน้อ!」

 

 

ขณะที่พูดแบบนั้น เขาคว้าคอเสื้อของมาร์ขึ้นมา ทันใดนั้นพลังเวทย์จำนวนมากก็โหมกระหน่ำออกจากร่างกายของเขา เขายกร่างของมาร์ขึ้นมาง่ายๆและโยนมาร์ใส่ไอริสและเหล่าเพื่อนๆ

 

 

「อุกโอวววววววววววววววววว!!」

 

 

「หาาาาา!!」

 

 

ไอริสและซีน่าต่างจับร่างของมาร์ไว้แต่ในขณะเดียวกันฟีโอก็ก้มไปหยิบกระเป๋าและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและถ่ายเทพลังเวทย์ลงไป มันเป็นกระดาษแปรรูปแบบพิเศษ เป็น ชิกิงามิ เป็นเวทย์ของทางฝั่งโทวโฮว “ฟูลู”

 

 

เมื่อฟีโอเอากระดาษนั่นกระแทกลงไปที่พื้นก็มีเครื่องหมายเวทย์แสดงออกมา และเส้นแสงวิ่งไปตามพื้น

 

 

แนวแสงนั่นยืดออกไปล้อมรอบไอริสและซีน่าเป็นรูปหกเหลี่ยม และกำแพงแห่งแสงก็เกิดขึ้นเป็นรูปปราสาทตามแนวที่วิ่งไป

 

 

「นี่มันเวทย์บาเรีย!?」

 

 

「ขอโทษด้วยน้า~。ข้าน้อยไม่อยากให้พวกท่านมารบกวนข้าน้อยเสียเท่าไร เพราะฉะนั้นดูอยู่เงียบๆเถอะนะ?」

 

 

ไอริสเองก็ตกใจ

 

 

ทุกคนยกเว้นผมถูกเวทย์กักขังเอาไว้

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะทำยังไงไอริสกับทิม่าเองก็เป็นนักเวทย์ชั้นยอดเหมือนกัน

 

 

อันที่จริงทิม่าพยายามทำลายวงเวทย์ที่กั้นพวกเธอไว้

 

 

「ยังไงก็เถอะ ทำลายบาเรียนี่ทิ้งซะ……」

 

 

พลังเวทย์จำนวนมากออกมาจากร่างของทิม่ามันหมุนวนราวกับพายุและเกาะไปที่ไม้คฑาของเธอและพายุเวทย์นั่นก็กระหน่ำเข้าโจมตีในบาเรีย

 

 

「หวาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!」

 

 

「ฮิย๊าาาาาาาาาาาา!」

 

 

「นะนี่คุณทิม่า!อย่างน้อยก็ช่วยดูสถานการณ์ในตอนนี้หน่อยสิคะ!」

 

 

ทุกคนต่างจ้องมองไปทางพลังเวทย์นั่นยกแขนขึ้นมาป้องหน้า

 

 

อีกอย่างเหล่าสาวๆไม่คิดจะจับกระโปงของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

 

 

ในที่สุดพลังเวทย์ที่รวมตัวกันอยู่ปลายไม้คฑาของทิม่าก็ถูกปลดปล่อยออกไป พื้นดินรอบๆทุกยกขึ้นและกลายเป็นหอกหินขนาดใหญ่

 

 

หอกหินขนาดใหญ่มากที่แม้แต่ผู้ใหญ่ 10 คนยังยกมันไม่ขึ้นมารวมตัวอยู่ตรงหน้าและพุ่งชนบาเรีย

 

 

“หอกหินเริงระบำ(尖岩舞)”

 

 

คล้ายกับเวทย์ที่ไอริสใช้กับผมตอนฝึก “หอกน้ำแข็งเริงระบำ”มันเป็นเวทย์ธาตุดินที่สร้างหอกแหลมโจมตีคู่ต่อสู้

 

 

อย่างไรก็ตามหอกหินที่สร้างขึ้นนั่นยิ่งกว่าของไอริสเสียอีก

 

 

เมื่อทิม่าปลดปล่อยการโจมตีหอกหินก็ชนกับบาเรียของฟีโอบาเรียของฟีโอพังทลายหอกหินนั่น……。

 

 

「ไม่จริงน่า……」

 

 

บาเรียที่ควรจะพังกลับฟื้นฟูมาอย่างรวดเร็ว

 

 

「วาาาา~น่าตกใจน่าดูเลยน้อ อย่างที่คิดเลยสำหรับคนที่ “การสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่” พลังเวทย์ระดับตำนานนั่น หากปราศจากสิ่งนี้ละก็เวทย์ของข้าน้อยคงจะถูกทำลายไปแล้วละน้อ……」

 

 

 ที่กล่าวมาเขาหยิบหินเวทย์ออกมา หินเวทย์ที่มีรอยสองจุดและพื้นผิวมีอักขระที่เข้าใจยากเขียนไว้อยู่ ถ้ามองใกล้ๆมันดูเหมือนจะเป็นอันที่ฟีโอใช้สร้างบาเรียก่อนหน้านั่นเลย

 

 

「นั่นคือ……」

 

 

「เอ๊ะ? นี่คืออะไรงั้นเหรอ? นี่คือเครื่องมือเวทย์ทำเองของข้าน้อยซึ่งทำโดยใช้หินเวทย์ที่ซื้อมาจากในเมือง เครื่องหมายที่สลักไว้มีพลังเวทย์หากถูกใช้งานพลังเวทย์เหล่านั้นจะถูกดูดออกมาและมันจะวนซ้ำไปเรื่อยๆตราบใดที่หินเวทย์ยังคงมีพลังเวทย์อยู่ และนอกจากนี้หินเวทย์ที่ใช้ย่อมมีราคาแพงและเป็นของใช้แล้วทิ้ง…ต้องขอบคุณกระเป๋าเงินของข้าน้อยล่ะน้า……เหมือนกับนกแก่ที่คอยร้องเพลง……」

 

 

ฟีโอทำไหล่ตกด้วยท่าทางห่อเหี่ยว。

 

 

บางทีฟีโออาจจะพูดจริงเพราะหินเวทย์นั่นมีเครื่องหมายที่เขาทำไว้มันส่องแสงจางๆสอดคล้องกับบาเรียนั่น

 

 

จำเป็นต้องถ่ายเทพลังเวทย์ต่อไปเพื่อรักษาบาเรียและหากมันถูกทำลายก็จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ไอริสและคนอื่นๆทำอะไรไม่ได้เลย ไม่มีทางเลือกนอกจากรอพลังเวทย์หมดลง

 

 

ฟีโอบอกว่าเขาต้องการสู้กับผม แต่ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้อะไรทำให้เขาสนใจผมขนาดนั้น  แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รู้อะไรมากขึ้น

 

 

「อืม ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นะ ถ้างั้นก็เอาเลยสิครับ!」

 

 

ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร ฟีโอเอาหินเวทย์ใส่ลงในกระเป๋าและหยิบกระบองขึ้นมาไว้ในมือ

 

 

แม้ว่าผมจะชักดาบออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่แสดงท่าทีอะไร

 

 

「……อาเระ? อย่าคิดจะทำแบบนั้นเชียวนะ?」

 

 

「ทำไมทำท่าทางแปลกๆแบบนั้นละ? มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่จู่ๆก็มาท้าคนอืนดวลแบบนี้……」

 

 

เขาเอียงคอและทำท่าสงสัยกับผม

 

 

คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้หากมีการเจ็บตัวเกิดขึ้น หมอนี่มันเห็นผมเป็นของเล่น

 

 

「เอางั้น…ก็ได้」

 

 

ผมยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป แต่กระดิ่งเตือนภัยในตัวก็ยังคงดังขึ้น อย่างไรก็ตามผมยอมรับเงื่อนไขของเขา

 

 

「……บอกตามตรงผมเองก็มีเรื่องอยากจะถามนายด้วยเหมือนกัน」

 

 

「ถาม? อะไรงั้นเหรอ?」

 

 

「นายใช่ไหมที่เป็นคนเรียกให้เพื่อนๆในชั้นเรียนผมลากไปหลังสถาบัน?」

 

 

「……ทำไมคิดแบบนั้น?」

 

 

ฟีโอตอบคำถามผมด้วยความสงสัย

 

 

นัยน์ตาที่บางราวกับเส้นด้าย ผมรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาทำให้ผมตัวสั่นเล็กน้อย

 

 

「……ผมรู้ว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดยังไงกับผม และส่วนมากก็มองผมในแง่ลบกันทั้งนั้น」

 

 

ดังนั้นผมเลยคุ้นเคยกับแววตาที่สาดส่องมาที่ผมตลอดเวลา

 

 

ในทางกลับกันมีเพียงไม่กี่คนที่มองผมด้วยสายตาปกติ เช่น อันริ ไอริส ซีน่า

 

 

「แต่ว่าผมรู้สึกได้แม้จะไม่อยู่ในระยะสายตาของผม แต่ก็เหมือนว่านายกำลังจับจ้องผมจากระยะไกล」

 

 

ด้วยเหตุนี้มันมีสายตาอื่นนอกจากอารมณ์ด้านลบมาจ้องผม มันก็ไม่แปลกเลยที่ผมจะรู้สึกตัวและแววตานั่นก็เหมือนกับของฟีโอในตอนนี้ไม่มีผิด

 

 

「……และนั่นก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่ผมเห็นในตอนนั้นเลย」

 

 

เครื่องหมายของวิชามองไกลคนที่ใช้วิชาฟูลูมีเพียงไม่กี่คนในสถาบันนี้

 

 

「และคนที่กำลังจ้องมองผมก็ใช้วิชาฟูลูเช่นเดียวกับนาย ถ้าเป็นแบบนั้น……」

 

 

แน่นอนสิ่งที่ผมพูดคือหลักฐานตามสถานการณ์ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานทางกายภาพแน่ชัด ผมก็ไม่สามารถจับเขาได้

 

 

「เหหหห สังเกตเห็นด้วยงั้นเหรอเนี่ย น่าประทับใจจังเลย……」

 

 

อย่างไรก็ตามเขายอมรับด้วยใบหน้ามีความสุข เหมือนกับเด็กซุกซนที่คิดแผนร้ายเอาไว้

 

 

ฟีโอไม่ได้ยิ้มตลอดเวลา

 

 

ตาที่บางราวกับเส้นด้ายเบิกกว้างและเปล่งประกายเจิดจ้าและปากที่อ้านั่นมันกำลังปล่อยแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมถือดาบขึ้นมาในทันที

 

 

「ยิ่งกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะโดนจับได้……ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยไหม!」

 

 

พูดตามตรง ผมไม่รู้ทำไมเขาถึงสนใจผม แต่สายตาของเขาดูเหมือนกับคนคลั่งไปแล้ว แม้ว่าผผมจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้แต่นั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลยแม้แต่น้อย

 

 

ผมจำเป็นต้องสู้กับเขาเพื่อหาสาเหตุที่เขาสนใจผม

 

 

เห็นได้ชัดว่าความสามารถเขาอยู่ในระดับสูง การเอาชนะมาร์ได้ง่ายๆ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะสู้แบบครึ่งๆกลางๆได้

 

 

ผมไม่สนปล่อยตัวไปตามอารมณ์ถือดาบไว้และจ้องมองไปในแววตาสีฟ้าของตัวเอง

 

 

“ตึง”

 

 

「อะ!!」

 

 

ด้านหน้าของผมถูกย้อมเป็นสีแดง

 

 

ฝันร้ายที่ผมเริ่มเห็นเมื่อเช้านี้และโศกนาฏกรรมที่ผมก่อเอาไว้และทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกอยากจะอาเจียนพุ่งออกมา

 

 

「เหหหห! มาลุยกันเถอะโนโซมุ!」

 

 

ฟีโอไม่รอช้า ฟีโอใกล้เข้ามา ผมบังคับตัวเองให้กลืนมันลงไปและวิ่งไปข้างหน้า