ตอนที่ 51 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (3)
เฉกเช่นละอองดาวตกที่ร่วงหล่นจากมือ จวินอู๋เสียหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขามองไปที่การกระทำของจวินอู๋เสียอย่างเหลือเชื่อ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนหน้าถอดสีในทันที
ไอ้เด็กนี่มิใช่จะนำของที่ผู้อื่นให้มามอบให้พวกข้า แต่มันตั้งใจตบหน้าพวกข้าอย่างเห็นได้ชัด!
ผงหินวิญญาณค่อยๆ สลายไป มือของจวินอู๋เสียขยับเข้าใกล้คอ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นนิ้วนางออกมาแล้วปาดผ่านลำคอเบาๆ มองมั่วเซวี่ยนเฝ่ยอย่างยั่วยุ
ดวงตาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยแดงก่ำ
บัดซบ! หากมิใช่ยามนี้พวกเขายังอยู่ในเมืองผีล่ะก็ ข้าสาบานเลยว่าจะต้องฆ่าไอ้สวะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้ให้ได้
ไป๋อวิ๋นเซียนกัดริมฝีปากแน่นและเพ่งมองไปที่จวินอู๋เสีย
หลังจากมองไปที่ใบหน้าถอดสีของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยด้วยความพึงพอใจ จวินอู๋เสียก็หันหลังแล้วยื่นกล่องผ้าที่บรรจุไข่มุกบูรพาทั้งเก้าเม็ดให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง
“ตำราของข้า” จวินอู๋เสียกล่าว
ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะมอบตำราสองสามเล่มให้กับจวินอู๋เสีย ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่จวินอู๋เสียราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อเห็นการแลกเปลี่ยนของทั้งสองคน ทุกคนก็แทบคลั่ง
ไอ้หนูนี่มันโง่หรือเปล่า!
หินวิญญาณล้ำค่าจำนวนหนึ่งถูกเขาบดขยี้จนแหลกละเอียด
แถมตอนนี้ยังส่งมอบกล่องบรรจุไข่มุกบูรพาอันล้ำค่าทั้งกล่องแลกกับตำราเก่าๆ ไม่กี่เล่มอีก
ทุกคนกำลังจะเป็นบ้าจริงๆ
ร่ำรวย! เอาแต่ใจ!
หลังจากมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเห็นจวินอู๋เสียส่งมอบกล่องบรรจุไข่มุกบูรพาหนึ่งกล่องออกไป เพื่อแลกกับตำราไม่กี่เล่มที่แม้จะถูกทิ้งไว้บนพื้นก็ไม่มีผู้ใดคิดเก็บขึ้นมา ก็เกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขาจูงมือไป๋อวิ๋นเซียนออกจากฝูงชนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
วันนี้เขาไม่เหลือหน้าแล้วจริงๆ
หลังจากได้รับตำราแล้ว จวินอู๋เสียก็รู้สึกได้ถึงความสุขของเจ้าดอกบัวขาว นางเก็บตำราไว้แล้วจากไปทันที
“เจ้าหนุ่ม ครั้งหน้าหากมีเวลาก็แวะมาใหม่นะ ข้ามีไข่มุกบูรพาอยู่มากมายเลย รับรองมีพอให้เจ้าแลก!” ชายชราเจ้าของแผงลอยตะโกนไล่หลังเสียงดัง
จวินอู๋เสียเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบว่ามีบางคนเดินตามหลังนางมาได้พักใหญ่ นางจึงหันศีรษะกลับไป
ชายหนุ่มเจ้าของแผงขายตำรากำลังเดินตามหลังนางมา เขามองนางด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียหันหน้ากลับมา เขาก็กะพริบตาปริบๆ แล้วเผยรอยยิ้มโง่งม
“มีอะไร” จวินอู๋เสียถามเขา
“คือว่า เม็ดยาที่เจ้าเพิ่งแลกเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้…ยังมีอีกหรือไม่” ชายหนุ่มเกาศีรษะแกรกๆ พูดด้วยความเขินอาย
“เจ้าบอกว่าไม่ต้องการมัน” จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว หากมิใช่เพราะชายหนุ่มยืนกรานนางคงไม่ต้องเหนื่อยมากถึงขนาดนี้
“เอ่อ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะมีเม็ดยาคุณภาพสูงแบบนั้นอยู่ในมือจริงๆ นี่ ข้าคิดว่าสถานที่แบบนี้ไม่น่าจะมีเม็ดยาดีๆ เช่นนี้อยู่” ในตอนแรกชายหนุ่มไม่คิดจะเอาเม็ดยาของจวินอู๋เสียจริงๆ เพราะแม้แต่เม็ดยาฉีอวิ๋นของสำนักชิงอวิ๋นเขายังไม่ชายตาแลเลย จึงไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรดีๆ จากมือของเจ้าเด็กคนนี้
แต่หลังจากชายชราคนนั้นเปิดขวดยาของจวินอู๋เสียแล้ว เขาถึงตระหนักได้ว่าตนได้ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว
“เจ้า เจ้าได้กล่าวไว้ว่าหลังจากการแลกเปลี่ยนสำเร็จแล้ว จะให้ข้าหนึ่งเม็ดไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มมองไปที่จวินอู๋เสีย ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้สิ่งสกปรกแดงก่ำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ในกล่องนั้นมีไข่มุกบูรพาอยู่เก้าเม็ด” จวินอู๋เสียเอ่ยเตือน
ใช่ก่อนหน้านี้นางเคยเอ่ยเช่นนั้น ว่าจะให้เม็ดยาหนึ่งเม็ดกับชายหนุ่มหลังจากการแลกเปลี่ยนสำเร็จแล้ว…แต่ในเมื่อตอนนี้จำนวนของไข่มุกบูรพาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นางจึงไม่จำเป็นต้องให้เม็ดยาแก่เขาอีก
ยิ่งไปกว่านั้นเขาพูดเองว่าไม่ต้องการมันมิใช่หรือไร
“ข้าสามารถคืนให้เจ้าได้ห้าเม็ด” ชายหนุ่มกล่าวอย่างรีบร้อน
“ข้าไม่ต้องการ” พูดจบจวินอู๋เสียก็หันหลังและเดินจากไปทันที นางยังต้องกลับไปตามหาตำราฝึกยุทธ ของนางต่ออีก
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียเดินจากไป ชายหนุ่มก็เกาศีรษะอย่างหดหู่ เขาก้มมองดูกล่องผ้าในมืออย่างจนใจ
…………
ตอนที่ 52 สะกดรอย (1)
“จบสิ้นแล้ว ข้าทำผิดอีกแล้ว กลับไปต้องถูกเจ้าพวกนั้นว่าอีกแน่ เฮ้อ” เขาถอนหายใจอย่างหดหู่ ชายหนุ่มเขย่ากล่องผ้าในมือแล้วหันหลังเดินกลับไปอย่างเศร้าสร้อย
จวินอู๋เสียโชคไม่ดี หลังจากเดินไปทั่วเมืองผีหนึ่งรอบแล้ว นางก็ยังไม่พบตำราฝึกยุทธใดๆ ที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะพลังของนาง
นอกจากตำราเกี่ยวกับการเพาะปลูกต้นไม้ดอกไม้เก่าๆ สองสามเล่มแล้ว สามารถพูดได้เลยว่านางไม่ได้รับอะไรจากการมาในครั้งนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเสียเม็ดยาไปถึงสามเม็ดอีกต่างหาก!
กลับไปด้วยความผิดหวัง สิ่งเดียวที่ได้ติดมือจวินอู๋เสียไปด้วยนั่นก็คือตำราเก่าๆ สองสามเล่มนั้น
ยามนี้ดึกมากแล้ว บนถนนใหญ่ในเขตพื้นที่เมืองหลวงจึงไม่มีเงาของผู้คนเลย ทุกอย่างมืดสนิทและเงียบไปหมด
บนถนนที่ว่างเปล่า มีเพียงจวินอู๋เสียกับแมวดำของนาง แสงจันทร์สาดส่องลงมาทำให้เงาของจวินอู๋เสียบนพื้นสูงขึ้น และบรรยากาศวังเวงรอบกายก็ทำให้หญิงสาวเกิดอาการตื่นตัว
ณ หัวมุมถนนที่ทั้งมืดมิดและเป็นจุดอับสายตา
สายลมเย็นในเวลากลางคืนพัดผ่านร่างบางไป เมื่อจวินอู๋เสียเดินไปถึงหัวมุมถนนกำลังจะเลี้ยวเข้าไป ฝ่ามือใหญ่อันคุ้นเคยก็ยื่นออกมาจากความมืดแล้วดึงตัวนางเข้าไปกอดไว้
เหมียว! เสียงร้องแสบแก้วหูของแมวดำดังขึ้นในความมืด
จวินอู๋เสียถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนอันอบอุ่น บุรุษผู้นั้นโอบกอดนางจากทางด้านหลัง นิ้วเรียวและสวยงามหยุดอยู่ตรงริมฝีปากของนาง และเสียงกระซิบก็ดังขึ้นที่ข้างหูเบาๆ ว่า
ชู่ววว เงามืดเอ่ยกับทั้งนางและเจ้าแมวดำที่กำลังโกรธอยู่
เจ้าแมวดำตัวแข็งทื่อไปทันที
“ดึกดื่นค่ำมืดเช่นนี้ ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่เพียงลำพังไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย” เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของจวินอู๋เสีย ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นออกมาจากริมฝีปากของบุรุษผู้นั้นก่อนจะรดผ่านลำคอระหงที่ขาวเนียนของจวินอู๋เสียทำให้ร่างบางสั่นระริก
“จวินอู๋เย่า ปล่อย!” จวินอู๋เสียไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองก็รู้ได้ว่าผู้ใดคือเจ้าของเสียงนี้
น้ำเสียงติดเย้าแหย่นั้น ช่างคุ้นเคยจริงๆ
“ไม่ปล่อย กลางคืนอากาศหนาว ร่างกายของเจ้าเย็นไปทั้งตัวแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าอุ่นเอง” ในความมืด จวินอู๋เย่ายิ้มและกอดจวินอู๋เสียแน่นขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาชอบความรู้สึกที่ได้กอดนางเป็นพิเศษ นางตัวเล็กจนทำให้เขารู้สึกว่าหากใช้แรงมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย คงสามารถผสานร่างและกระดูกของนางให้เข้าไปหลอมรวมกับร่างของเขาได้
“ข้าไม่หนาว” จวินอู๋เสียกล่าว
“หืม แต่ข้าหนาว เช่นนั้นเจ้าช่วยทำให้ร่างกายข้าอบอุ่นหน่อยนะ” จวินอู๋เย่าหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาเริ่มทำตัวไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ ก้มศีรษะลงแล้วซุกไซร้ไปที่ลำคอของนางเบาๆ
“ความระมัดระวังของเจ้ายังไม่สูงนัก ถูกคนสะกดรอยตามมาทั้งคืนแล้วเจ้ายังไม่รู้ตัว” นัยน์ตาสีม่วงเข้มหรี่ลงเล็กน้อยท่ามกลางความมืด เขาเพลิดเพลินกับกลิ่นที่ลอยมาจากร่างของนางที่ไม่เพียงมีกลิ่นหอมของสมุนไพรผสมอยู่ แต่ยังมีกลิ่นกายเนื้อของหญิงสาวปะปนอยู่ด้วย นางผิวนิ่มและตัวเล็ก ตัวพอดีเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขาจนทำให้เขาลังเลที่จะปล่อย
“ข้าไม่ถือว่าเจ้าเป็นมนุษย์นะ” จวินอู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นางไม่คิดว่าจวินอู๋เย่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดา
“ที่ข้าเอ่ยนั้นมิใช่หมายถึงตัวข้า…” จวินอู๋เย่ายกมือขึ้น ปลายนิ้วของเขาเย็นเล็กน้อย นิ้วของเขาจับคางของจวินอู๋เสียอย่างอ่อนโยนแล้วหันศีรษะนางให้หันไปมองทางถนน
บนถนนอันเงียบสงบ มีร่างสูงร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ชายผู้นั้นดูกังวลเล็กน้อยและกำลังมองหาอะไรบางอย่างจากถนนที่ว่างเปล่า
แสงจันทร์ส่องกระทบลงไปบนร่างนั้น และใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ เผยออกมา
“หลงฉี” จวินอู๋เสียจำชายผู้นั้นได้
“องครักษ์ลับของจวนหลินอ๋องมีมากมาย เจ้าลอบวิ่งออกมากลางดึกเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องทำให้พวกเขากังวล คาดว่าเรื่องนี้น่าจะถึงหูของจวินเสี่ยนในเวลาเดียวกันกับที่เจ้าออกจากจวน” จวินอู๋เย่าหลงใหลในความนุ่มนิ่มของจวินอู๋เสียจนทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอารมณ์ดีผ่านน้ำเสียงของเขา
“หลงฉีรู้คุณ จึงขันอาสาออกมาอารักขาความปลอดภัยให้เจ้าด้วยตัวเอง” จวินอู๋เย่าหรี่ตาลงด้วยสายตาที่เดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
…………..