บทที่ 53 เจ้าหย้าหนาน

บทที่ 53 เจ้าหย้าหนาน

“ไม้ชิงชัน?!” ชายหนุ่มถึงกับอุทาน “นายมีไม้ชิงชันงั้นหรือ? ของจริงหรือของเก๊? ในตลาดตอนนี้ มันมีค่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว คนธรรมดาแทบไม่อาจหามาได้ ขอเพียงมีในครอบครอง คิดขายก็ไม่ใช่เรื่องต้องกังวล เพียงแต่มันมีของปลอมจำนวนมาก นายคงไม่ได้ถูกคนอื่นหลอกมาใช่ไหม?”

ไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มจะเกิดความสงสัยต่ออู๋ฝาน เพราะไม้ชิงชันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะหามาได้ หากว่าไม่มีเส้นสาย ไม่มีช่องทาง ก็เป็นเรื่องที่ยากจะเข้าถึง

สำหรับอู๋ฝาน ที่ดูเหมือนจะเป็นหน้าใหม่ของวงการนี้ แล้วหน้าใหม่คนนี้หาไม้ชิงชันมาได้อย่างไร?

“ผมเองก็มาขายให้คนอื่นเอาส่วนต่างน่ะครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

ชายหนุ่มไม่คิดสงสัยในคำของอู๋ฝาน ทั้งยังพยักหน้ารับ “ถ้านายมีไม้ชิงชันจริง ที่นี่พวกเรายินดีรับ ราคาที่ให้ก็จะดูแลอย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยปกติแล้ว ไม้ชิงชันมีราคาตันละหนึ่งล้าน แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพไม้ด้วย ราคามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นการกำหนดราคาที่แน่ชัดก่อนจะเห็นสินค้าจริงด้วยตาตัวเองจึงไม่ค่อยทำกัน”

อู๋ฝานพยักหน้ารับ “ต้องไม่ถูกเกินไปนะครับ”

“ก็ตามนั้น” ชายหนุ่มตอบรับ “ราคาของไม้ชิงชันไม่เคยถูกอยู่แล้ว แต่ถ้านายอยากทำเงินในตลาดนี้ นายก็ต้องมีความสามารถหาไม้ชิงชันมาให้ได้ด้วย มันไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะทำได้หรอกนะ”

จำนวนของไม้ชิงชันมีน้อย โดยปกติแล้วหากว่ามันมีอายุเกินกว่าหนึ่งร้อยปีจะถูกใช้งานเพื่อทำเฟอร์นิเจอร์หรืองานไม้ฝีมือ แต่หากมีอายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปี มันก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป

การเสาะหาไม้ชิงชันสำหรับคนอื่นเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับอู๋ฝานในตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก ในป่าด้านหลังภูเขา มันมีไม้ชิงชันอยู่จำนวนไม่ใช่น้อย และแต่ละต้นยังสวยงาม สูงใหญ่ ระยะเวลาที่พวกมันเติบโตขึ้นมาย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน

ภายหลังบอกลาชายหนุ่ม อู๋ฝานจึงตระเวนไปทั่วตลาดค้าไม้อยู่นาน ส่วนใหญ่ก็เป็นการแจกจ่ายบุหรี่ แต่ก็แลกมาด้วยข้อมูลจำนวนไม่น้อย

ไม้ชิงชันเป็นไม้ที่ได้รับความนิยม ขอเพียงมีในครอบครอง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาย และราคามีพื้นฐานอยู่ราวตันละหนึ่งล้าน ต่อให้เปลี่ยนแปลงได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่มากมาย

อู๋ฝานยังได้พบว่าตอนที่ตนเองพูดถึงไม้ชิงชัน บางคนมองเขาเปลี่ยนไป กลายเป็นทำอู๋ฝานเกิดความรู้สึกถึงความระแวง ดังนั้นเวลาพูดอะไรออกไปเขาจึงยิ่งต้องระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น

เพื่อไม่ให้กระตุ้นความสงสัยของผู้คน อู๋ฝานจึงคิดเอามาสักไม่กี่ตันก่อน เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทาง ทำความคุ้นเคยกับตลาด ภายหลังจึงค่อยมองหาแผนการค้าที่เหมาะสมต่อไป

ภายหลังได้เข้าใจสถานการณ์เกือบจะทั้งหมด อู๋ฝานจึงคิดกลับจากตลาดค้าไม้ แต่ตอนนี้เองที่เขาได้พบ ว่าชายหนุ่มคนแรกที่เข้าไปพูดคุยกำลังยืนอยู่ที่ทางออกของตลาดค้าไม้ ภายหลังพบเห็น เขากล่าวทักทาย ก้าวเดินเข้าหา ราวกับกำลังรอคอยอยู่อย่างไรอย่างนั้น

พบเห็นสถานการณ์ อู๋ฝานตื่นตัว เพียงแต่ยังไม่ได้เผยท่าทีใดตอบสนอง

“คุณอู๋ พอเถ้าแก่ของเราได้ทราบว่าคุณมีไม้ชิงชันในครอบครองจึงต้องการพบเจอ ตอนนี้กำลังรออยู่ด้านในร้านแล้วครับ” ชายหนุ่มเข้ามาใกล้อู๋ฝานพร้อมกล่าวบอก ท่าทีนั้นค่อนข้างนอบน้อมกว่าก่อนหน้านี้

“เถ้าแก่ของพวกคุณ? ผมจำเป็นต้องพบตอนนี้เลยหรือครับ? การค้าไม้ของผมยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยด้วยซ้ำไป” อู๋ฝานขมวดคิ้ว

อู๋ฝานคิดว่าภายหลังมีคนทราบว่าตัวเขาครอบครองไม้ชิงชัน จึงต้องการข่มขู่เพื่อให้ขายไม้ให้ แท้จริงแล้ว ระหว่างช่วงที่อู๋ฝานเดินเตร่ไปมาในตลาด ภายหลังหลายคนได้ทราบว่าเขามีไม้ชิงชัน บางคนก็เปรยเป็นคำพูดเอาไว้ ว่าขอให้ขายไม้แก่พวกเขา

“คุณอู๋ไม่ต้องกังวลใจไปครับ เถ้าแก่ของพวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงต้องการพบคุณอู๋ก็เท่านั้นเอง ส่วนว่าสุดท้ายจะทำกิจการค้าขายกันอย่างไรนั้น สุดท้ายก็เป็นคุณอู๋ที่ตัดสินใจครับ” ชายหนุ่มกล่าวตอบ

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้ทราบเรื่องตลาดค้าไม้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่โกรธหรือประหลาดใจที่เห็นท่าทีระแวดระวังของอู๋ฝาน

อู๋ฝานครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพยักหน้าตอบรับ

อย่างไรแล้วก็ยังไม่ใช่ช่วงการส่งมอบไม้ ต่อให้อีกฝ่ายคิดอยากปล้นชิงก็ไม่มีทางทำได้ นอกจากนี้แล้ว ด้วยฝีมือปัจจุบันของเขาจึงพอมีความมั่นใจ และชายหนุ่มตรงหน้าก็มีท่าทีที่ดีด้วยตลอดเวลา หากต้องปฏิเสธอู๋ฝานก็นึกว่าจะเสียมารยาทเกินไปเช่นกัน

เพียงไม่ช้าคนทั้งสองก็กลับมาถึงหน้าร้านที่พบเจอกันครั้งแรก มันมีขนาดค่อนข้างเล็กหากว่าเทียบเปรียบกับหน้าร้านแห่งอื่น เพราะวันนี้อู๋ฝานแวะเวียนไปหน้าร้านแทบทุกแห่งในตลาดค้าไม้เลยก็ว่าได้

ที่ทำอู๋ฝานประหลาดใจคือบุคคลที่รอคอยอยู่ในร้านแท้จริงเป็นสาวงาม ไม่ใช่ลุงพุงพลุ้ยอย่างที่เขาจินตนาการ

“เถ้าแก่ คนนี้คือคุณอู๋ครับ” ชายหนุ่มกล่าวบอกต่อสาวงาม

“สวัสดีค่ะคุณอู๋ ดิฉันมีชื่อว่าเจ้าหย้าหนาน เป็นเถ้าแก่ของที่นี่ค่ะ” หญิงสาวยื่นมือออกมาทักทายอู๋ฝาน พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนประดับใบหน้า

“อู๋ฝานครับ” อู๋ฝานยื่นมือออกไปตอบรับการทักทายเช่นกัน

ทันใดนี้เอง ที่ชายหนุ่มซึ่งนำอู๋ฝานมาที่นี่กลับออกไป โดยภายในร้านเหลือเพียงแต่อู๋ฝานและเจ้าหย้าหนาน

“ได้ยินมาว่าคุณอู๋มีไม้ชิงชันในครอบครอง ฉันเลยอยากจะถามว่าขายให้ฉันได้หรือไม่คะ?” เจ้าหย้าหนานไม่คิดพูดอ้อมกับอู๋ฝาน แต่มุ่งตรงเข้าประเด็น

อู๋ฝานไม่ประหลาดใจกับคำถามของเจ้าหย้าหนาน หากว่าไม่ใช่เพราะอยากซื้อไม้ชิงชันที่เขามี ก็ไม่มีเหตุอะไรที่อีกฝ่ายจะเชิญมาพบ

“ผมมีไม้ชิงชันไม่มากนะครับ” อู๋ฝานกล่าวตอบ “สำหรับผมแล้ว ขายให้ใครก็เหมือนกัน ตราบเท่าที่ราคาพึงพอใจก็พอครับ”

ความหมายของอู๋ฝานชัดเจน ว่าไม่สนใจในตัวผู้ซื้อ แต่เป็นที่ราคาขาย

“ฉันยินดีให้ราคาที่สูงกว่าคนอื่นค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบรับ “ขอเพียงคุณอู๋ขายไม้ชิงชันให้ ภายหน้า ตราบเท่าที่คุณอู๋ยังอยากค้าขายต่อ ทางฉันยินดีรับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาดค่ะ”

เห็นได้ชัด ว่าเจ้าหย้าหนานมีความต้องการไม้ที่อู๋ฝานครอบครองอยู่

“ขอเพียงราคาสูงจริง ผมก็ไม่มีข้อขัดข้องครับ” อู๋ฝานตอบรับ

แท้จริงแล้ว อย่างไรเขาก็ขายไม้เพื่อหาเงิน หากว่าได้เงินก็ไม่ได้ติดขัดปัญหาใด ในเมื่อเจ้าหย้าหนานยินดีจ่ายราคาสูง อู๋ฝานจะขายให้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และปัจจุบันอู๋ฝานยังพอทราบราคาที่เจ้าอื่นเสนอโดยคร่าวแล้ว ดังนั้นเจ้าหย้าหนานจะไม่มีทางหลอกลวงเรื่องราคาตลาดได้อย่างแน่นอน

“รับประกันว่าจะเป็นราคาที่คุณอู๋พึงพอใจแน่ค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบรับ “เพียงแต่ ขอทราบกำหนดการที่คุณอู๋พอจะพร้อมส่งมอบไม้ด้วยค่ะ”

เจ้าหย้าหนานดูค่อนข้างเร่งรีบ

อู๋ฝานคิดไปครู่ก่อนจะตอบรับ “พรุ่งนี้ครับ”

“ได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือคะ?” เจ้าหย้าหนานค่อนข้างยินดี เธอคิดว่าจะต้องรอสักระยะ ไม่นึกคิดว่าจะเร็วได้ขนาดนี้ ดังนั้นจึงเร่งรีบตอบรับ “เยี่ยมเลยค่ะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะรอคุณอู๋เดินทางมานะคะ”

“ตกลงครับ” อู๋ฝานตอบรับ

ภายหลังทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรียบร้อย อู๋ฝานจึงกลับไป โดยเจ้าหย้าหนานเป็นคนออกไปส่งอู๋ฝานถึงทางเข้าออกตลาดค้าไม้ เป็นการแสดงความจริงใจและให้ความสำคัญกับอู๋ฝาน

อู๋ฝานค่อนข้างมีความประทับใจอันดีต่อเจ้าหย้าหนาน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความสวยงาม แต่เป็นท่าทีของเธอ ดังคำกล่าว ว่าไม้นั้นเขาจะขายให้ใครก็ได้ และนี่ก็ยังเป็นการชิมลางครั้งแรกของเขาอีกด้วย หากว่าเจ้าหย้าหนานโกหกในการค้าขาย เลวร้ายที่สุดก็เพียงแค่ภายหน้าไม่ร่วมมือกับเธออีก