ตอนที่ 57 หาคนตายสักคน ตอนที่ 58 สถานการณ์ที่นำมาซึ่งความน่าสงสัย

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 57 หาคนตายสักคน

แววตาซ่งอิงสงบเยือกเย็น

คำพูดที่ซ่งเหล่าเกินเอ่ย ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ทว่า…มันก็จริงอย่างที่เขาว่า

ทั้งสี่บ้านในครอบครัวซ่ง ทุกบ้านล้วนมีความนึกคิดเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง แต่ก็แค่ความอยากตักตวงผลประโยชน์ให้มากหน่อย และคำนึงถึงบุตรชายบุตรสาวตัวเอง แต่หากกล่าวว่าทำอะไรร้ายแรงอย่างใหญ่หลวง ก็ไม่มีจริงๆ นั่นละ

ส่วนที่น้องต๋าใช้ก้อนหินปาใส่ศีรษะนางเมื่อก่อนหน้านี้…

จะพูดเรื่องดีร้ายกับเด็กน้อยวัยสิบขวบ? พูดว่าเขาความนึกคิดจิตใจอำมหิต? ก็คงไม่ถึงขั้นนั้น

จะว่าไปแล้ว ก็เพราะสั่งสอนไม่ดีพอ เด็กน้อยได้รับการให้ท้าย ก็เลยก่อกวนชวนให้รำคาญเท่านั้นเอง

บัดนี้ หากนางอยู่ในครอบครัวบุตรคนรอง ไม่แต่งออกไป ก็จะไม่มีคนกล้าแต่งงานกับซ่งสวิน เป็นความจริงที่จะก่อให้เกิดปัญหาต่อชื่อเสียงซ่งสวิน

“ท่านพ่อ! ท่านอย่าบีบบังคับพวกเราเลย! ท่านเข้าใจอะไรต่อมิอะไรดีกว่าใคร พวกเขาก็เป็นพี่ชายน้องสาวที่เติบใหญ่มาด้วยกันนี่ขอรับ? ไม่ได้แต่ต่างจากพี่ชายน้องสาวบ้านอื่น…” ซ่งจินซานร้อนรนใจจริงจัง

“พวกเราคนครอบครัวกันเอง แน่นอนว่าไม่เคยเคลือบแคลงใจอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าทอดถอนใจ

“น้องรอง หลานสวินเป็นคนเช่นไรพวกเราต่างรู้ชัดกระจ่างแจ้ง ไม่มีทางกระทำเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นได้แน่ ทว่า…บอกกล่าวเจ้าตามจริงแล้วกัน หลานสวินพี่ชายน้องสาวทั้งสองนี้เข้าออกประตูเดียวกัน เช่ารถเกวียนวัวเข้าอำเภอไปขายของด้วยกัน ถูกเปาไล่จื่อที่อยู่ปากทางเข้าออกหมู่บ้านเห็นเข้า ปากเขานั่นน่ะเป็นเช่นไร เราล้วนรู้ดีแก่ใจ ขาวก็พูดให้เป็นดำได้ วันนี้ข้ากลับมาเจอเขา เขาก็ถามข้าว่า บ้านเราจะจัดงานมงคลเมื่อไรหรือ…”

“ตอนนั้นที่อยู่ ณ ตรงนั้นมิได้มีเพียงข้าเสียด้วย เพื่อนบ้านซ้ายขวาที่ได้ยินเข้า จะมองบุตรสาวเจ้าผู้นี้อย่างไรหรือ” ซ่งฝูซานถอนหายใจ

ซ่งจินซานกระชับกำปั้น โกรธจัดจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

หร่วนซื่อน้ำตาไหลนองเป็นสายธารมาพักใหญ่แล้ว ส่วนซ่งสวิน ทั้งร้อนใจทั้งอับอาย ทั้งละอายแก่ใจ มองดูแล้วไม่ต่างจากถูกสายฟ้าฟาดลงมา

“เช่นนั้นข้าจะไปหาเป่าไล่จื่อเอง!” ซ่งจินซานกล่าว

“จะมีประโยชน์อะไร เจ้าอุดปากนี้ได้ แล้วยังอุดปากคนอื่นๆ เขาได้หรือ” ซ่งเหล่าเกินตบโต๊ะ “ตระกูลซ่งของพวกเราไม่ได้มีเพียงหลานสวินผู้เดียว ครอบครัวน้องสามเจ้าก็ยังมีหลานเซิ่งวัยห้าขวบ หลานเวยก็อายุสิบสามปีแล้ว ต่อให้เป็นหลานอู่กับหลานต๋าของครอบครัวพี่ใหญ่เจ้า จะช้าจะเร็วก็ต้องเติบใหญ่เป็นหนุ่ม หากปัญหานี้ลุกลามไปถึงพวกเขาล่ะ?”

“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ หลานอู่กับหลานต๋าเพิ่งจะสิบขวบเองนะขอรับ!” ซ่งจินซานโกรธเคืองจะแย่

“เหล่าเอ้อร์ พ่อไม่ได้จะบีบบังคับเจ้า แต่แนะนำเจ้า ถึงอย่างไรลูกผู้หญิงก็ต้องแต่งงาน แต่งแล้วก็ดีต่อใครๆ ทั้งนั้น” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอีกครา

ซ่งจินซานนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดทรุดตัวคุกเข่าลง กอบกุมศีรษะพร้อมกับหยาดน้ำตาไหลริน

ซ่งอิงมองดูหร่วนซื่อและซ่งจินซานเช่นนี้ ไม่อาจทำใจอดทนอยู่ได้

นางไม่ติดค้างใครทั้งนั้น ทว่าเจ้าของร่างติดค้างการช่วยชีวิตรวมไปถึงพระคุณที่เลี้ยงดูมาของตระกูลซ่ง

“แต่งก็ได้เจ้าค่ะ ทว่า…ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ” ซ่งอิงเอ่ยปาก

“น้องพี่!” ซ่งสวินดวงตาแดงก่ำ “ไม่ได้ คนอื่นจะพูดอย่างไรข้าไม่สน พวกเราต่างรู้ในสิ่งที่ตนเองกระทำว่าถูกต้องเป็นพอ!”

“เจ้ามีความต้องการอะไรก็ว่ามา หากต้องการสินเดิมมากน้อย ปู่ก็จะช่วยตระเตรียมให้เจ้า รับประกันว่าไม่น้อยหน้าไปกว่าตอนที่ต้ายา[1]แต่งออกไป!” ซ่งเหล่าเกินแสดงทัศนคติเช่นนี้นับว่าไม่เลวแล้ว

“ท่านปู่!” ซ่งสวินโกรธจัด

“ไม่ใช่เรื่องสินเดิมหรอกเจ้าค่ะ จุดประสงค์ของท่านปู่ ไม่ใช่อื่นใดไม่นอกจากต้องการให้ตัวข้าแยกออกไปอยู่ลำพัง ไม่อยู่อาศัยในครอบครัวซ่งก็เท่านั้น เช่นนั้นก็ง่ายดายเจ้าค่ะ ราชวงศ์บ้านเมืองเรา หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน และบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ แยกออกไปตั้งครอบครัวลำพังไม่ได้ เช่นนั้นท่านก็ให้ข้าแต่งกับหลุมฝังศพที่ไร้ญาติก็สิ้นเรื่อง ยามที่จดสำมะโนครัว มีชื่อของสามีสักคนก็ได้แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว

นางไม่อยากหาบุรุษหน้าไหนสักคนมาเพิ่มความรำคาญให้ตนเอง

ดังนั้น หาคนตายแล้วจึงเหมาะสมที่สุด

ทั้งครอบครัวได้ยินต่างตกตะลึง

“เหลว เหลวไหล!” โดยเฉพาะซ่งเหล่าเกิน ตระหนกตกใจยิ่งกว่าใครๆ “เจ้าอยากแต่งงานกับผีหรือ! ไม่ได้เป็นอันขาด! ใบหน้าเจ้าเสียโฉมแล้ว แต่ก็ยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง จะให้เจ้าคนเป็นๆ ไปแต่งกับผี หน้าตาของตระกูลซ่งข้าจะเอาไปไว้ไหนหรือ! มิหนำซ้ำ หมาจื่อนั่นแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่จะร้ายจะดีก็ยังมีลมหายใจ รู้หนาวรู้ร้อน มีคนดูแลเจ้าได้ คนตายจะไปมีประโยชน์อันใด เมื่อเจ้าแต่งออกไป เจ้าจะไปใช้ชีวิตเฝ้าสุสานหรือ!”

ตอนที่ 58 สถานการณ์ที่นำมาซึ่งความน่าสงสัย

เขาคิดอยู่ว่าหากหลานสาวผู้นี้แต่งออกไป จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงหลานชายแท้ๆ ของเขา ทว่าให้เขียนนามผู้ที่ตายไปแล้วเป็นหัวหน้าครอบครัว? ผู้อื่นจะมองตระกูลซ่งของเขาอย่างไรหรือ

อย่าว่าแต่ชื่อเสียงตระกูลซ่งเลย ต่อให้เป็นสำหรับตัวเด็กสาวผู้นี้เอง ชั่วชีวิตนี้ไม่เท่ากับสูญสิ้นแล้วหรือ!

“ท่านปู่ หาคนตายสักคนเป็นสามีให้ข้า แม้จะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของท่านอยู่บ้าง แต่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับหลานชายของครอบครัวซ่งนะเจ้าคะ ท่านคิดเองแล้วกัน หากไม่เลือกคนตายสักคน เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ในบ้านนี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น อย่างไรเสียพี่ชายข้าก็ไม่กลัวว่าจะเสียหายเพราะข้าอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างหน้าไม่อาย

การตัดสินใจของนางนี้ สำหรับซ่งเหล่าเกิน จริงอยู่ที่ค่อนข้างใจร้ายไปหน่อย

ทว่าตอนนี้มีตนเองเท่านั้นที่รู้ชัดกระจ่างแจ้ง

ไม่รู้ฐานะตัวตนที่แน่ชัด บนใบหน้ามีสามรอยแผลเป็นชวนหวาดกลัว ด้วยเงื่อนไขระดับนี้ไปหาคู่ครอง จะหาครอบครัวดีๆ อะไรได้หรือ

แน่นอนว่า การใช้ชื่อคนตายลงในทะเบียนบ้าน นางก็จะเป็นแม่ม่าย ถัดจากนั้นคิดจะแต่งงานก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่นางไม่สน ตนเองได้กินดี ได้สวมใส่เสื้อผ้าดีๆ หาเงินได้จำนวนนับไม่ถ้วน? แล้วไยต้องใส่ใจกับเรื่องความรักอีกด้วย?

“ไม่ได้! ไม่ได้เป็นอันขาด! หากเจ้าจะทำเช่นนี้ แม่ก็จะตายให้เจ้าดูเลย!” หร่วนซื่อตะโกนขึ้นมากะทันหัน

ซ่งอิงตระหนกตกใจ หันขวับมองนาง

ดวงตาทั้งสองของนางแดงก่ำ กระโจนเข้ามาหา มือดึงนางไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย

“อาอิงอา! จะทำเช่นนี้มิได้เชียว! ตอนนี้ยังไม่ต้องแต่งกับใครหน้าไหนทั้งนั้น มิเช่นนั้นจากนี้เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ!” หร่วนซื่อสะอื้นไห้กล่าว

อาอิงของครอบครัวนางรู้ความและรู้จักห่วงใยคนรอบข้างมากที่สุด ก่อนหน้านี้ก็ได้รับความทุกข์ทรมานมาตั้งมากมายเพียงนั้น บัดนี้กลับบ้านมาแล้ว ยังต้องถูกรังแกอีกหรือ!

“ท่านแม่ ข้าคิดว่าวิธีการนี้ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่อยากแต่งงานจริงๆ เพียงแค่ในทะเบียนบ้านมีเพิ่มชื่อมาอีกคนก็เท่านั้น และก็จะได้ไม่เป็นการเอาใบหน้านี้ไปสร้างความหวาดกลัวแก่สามีด้วย เมื่อนั้นสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาคงไม่ราบรื่น เมื่อตัวข้าออกไปสร้างครอบครัวแล้ว ข้าก็จะย้ายออกไปอยู่อาศัยที่…ในหมู่บ้านเราไม่ใช่ว่ามีบ้านทรุดโทรมที่ทิ้งร้างเอาไว้ก่อนหน้านี้หรอกหรือ ข้าหาที่ใกล้บ้านเราหน่อย ไปอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนก็ได้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“เจ้ายังต้องการจะย้ายออกไปด้วยหรือ!” หร่วนซื่อกอดนางร้องไห้อย่างเจ็บปวด “เจ้าลูกคนนี้ เจ้าไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าบ้านหลังเก่าในหมู่บ้านเหล่านั้นเป็นอย่างไร…สถานที่เหล่านั้น ไม่สะอาดเอาเสียเลย และเจ้าตัวคนเดียวออกไปอยู่อาศัยแม่ก็ไม่วางใจด้วย!”

“ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด ตามจริง…วันนี้ข้าหาเงินมาได้ไม่น้อยเลย ข้ายังเหลืออีกส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ นำมาซ่อมแซมบ้านได้ เลี้ยงหมาตัวใหญ่ๆ ได้อีกสองตัวด้วย หากท่านคิดว่าข้าไม่มีคนอยู่ด้วยแล้วจะเหงา เช่นนั้น…วันนี้เก็บเด็กน้อยนี่มาได้มิใช่หรือ หากพ่อแม่ของเขาไม่มาตามหา เช่นนั้นก็ให้เด็กน้อยเขาไปอยู่เป็นลูกของครอบครัวข้าก็ได้ เช่นนี้เมื่อข้าแก่เฒ่าแล้วก็ยังมีคนเลี้ยงดูนะเจ้าคะ”

หร่วนซื่อได้ยินดังกล่าวถึงกับตกตะลึง “เจ้าจะคิดเอาไว้เสร็จสรรพได้อย่างไรกัน เจ้าทำเช่นนี้จะให้แม่สบายใจได้อย่างไร ฮะ?!”

บุตรสาวนับวันยิ่งรู้ความ ในทางกลับกันนางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถ

หากในบ้านมีห้องอีกสักห้องสองห้อง และหากให้บุตรชายแต่งภรรยาเข้ามาแต่เนิ่นๆ หน่อย…

จะอย่างไรก็คงไม่อาจกดดันขับไล่บุตรสาวออกไปได้!

ซ่งอิงทอดถอนใจ “ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาแท้ๆ ของข้า จากนี้ข้าจะตอบแทนพระคุณท่าน ทว่า…การอยู่ในสถานการณ์ที่นำมาซึ่งความน่าสงสัยมันก็ไม่ดีจริงๆ ที่ท่านปู่พูดก็มีเหตุผล วิธีของข้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดจริงๆ ในเมื่อแต่งออกไป ก็จะไม่เผชิญคำครหาจากผู้คน หากภายภาคหน้าใบหน้าข้านี้ดีขึ้นหน่อยแล้ว บางทีอาจพบเจอคนที่ไม่เลวสักคน ก็ยังแต่งงานได้นะเจ้าคะ”

แต่หาก ‘แต่งงาน’ ออกไปแล้ว เช่นนั้นก็จะไม่ใช่คนครอบครัวซ่งแล้ว พวกเขาผู้เป็นบิดามารดา ยังจะคอยดูแลไปได้สักเท่าใดหรือ

“ข้าออกไปอยู่ข้างนอกเอง! ข้าไปหางานในอำเภอทำได้ อยู่ในอำเภอไม่กลับมา เช่นนั้นน้องสาวทั้งอยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่ได้ดังเดิม ทั้งไม่ต้องย้ายออกไป และจะไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียแต่อย่างใด!” ซ่งสวินกล่าวทันควัน

นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่เหมาะสมสำหรับระยะยาว

ซ่งสวินเป็นบุตรชายของคนเขา แต่จะกลับบ้านไม่ได้เพราะนางน่ะหรือ?

สำหรับหร่วนซื่อ อย่างไรนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื่อไขทั้งนั้น ทว่าซ่งอิงกลับยังจดจำได้ว่า ร่างนางผู้นี้มิใช่ผู้ให้กำเนิด ไม่มีหลักการไหนที่จะสร้างความไม่เป็นธรรมต่อบุตรในสายเลือด เพื่อบุตรที่ตนไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดหรอกกระมัง

อีกทั้ง การทำอย่างนี้ข้อเสียก็มากมายกว่าด้วย

[1] ต้ายา (大丫) หมายถึง คำเรียกในภาษาจีนที่ใช้เรียกเด็กสาวในครอบครัวที่ถือเป็นลูกหรือหลานคนโต