บทที่ 20 เหมือนแม่ของฉัน

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 20 เหมือนแม่ของฉัน

บทที่ 20 เหมือนแม่ของฉัน

จงลี่มองไปที่ชามเปล่าของซูโย่วอี๋และพูดว่า “โย่วอี๋ ทำไมเธอไม่กินล่ะ”

ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกเศร้ามาก “ฉันกำลังลดน้ำหนักค่ะ”

จงลี่วางตะเกียบลงแล้วพูดว่า “กินเท่าที่คุณต้องการ อย่าหักโหมเกินไปในครั้งเดียว มันจะดีดกลับได้ง่าย”

ซือเฉินเห็นด้วย “คนอ้วนน่ารักนะ”

เฉินซีซีรีบกลืนซูชิและพูดว่า “นั่นสิ พี่สาวของฉันน่ารักที่สุด”

ซูโย่วอี๋มองไปที่สลัดอย่างเงียบ ๆ ต่อหน้าอาจารย์จง เธอได้รับอนุญาตให้กินสลัดได้ แต่ว่าจานสลัดมันอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เธอจึงยอมแพ้และคิดว่าจะกินมันหลังจากที่ทุกคนออกจากโต๊ะไปแล้ว

สุนัขจิ้งจอกห้ามไม่ให้เธอกินสิ่งนั้น สิ่งนี้ แต่ไม่สนใจเลยว่าเธอจะหิวหรือเปล่า

ระบบกิ๊กก๊อก!

ด้านลู่เฉินที่กินสเต็กอยู่ หากแต่สายตาของเขาก็มองเห็นทุกอากัปกิริยาของทุกคน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยที่จะรอดพ้นสายตาของเขาไปได้ตราบเท่าที่เขาใส่ใจ

ดังนั้นเขาจึงหยิบสลัดขึ้นมาวางตรงหน้าซูโย่วอี๋

“กินสิ หิวก็ไม่ต้องทนเดี๋ยวก็เป็นลม”

ไม่อย่างนั้นรายการก็จะลำบาก…

ซูโย่วอี๋มองลู่เฉินด้วยความงุนงง คนคนนี้อ่านใจเธอได้เหรอ?

ด้านฮันเอินจีที่เห็นอย่างนั้นก็หยุดตะเกียบและมองไปที่ซูโย่วอี๋อย่างไม่พอใจ

ราวกับไม่ชอบเธอมาตั้งแต่เกิด

ความโปรดปรานของจงลี่ ความเห็นชอบของซือเฉิน ความรักของเฉินซีซี และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสนใจของลู่เฉิน เธอไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้เลย แต่ทำไมหญิงอ้วนคนนี้ถึงได้มันมาง่าย ๆ

ลู่เฉินหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก “ผมอิ่มแล้ว ทุกคนค่อย ๆ ทานนะ”

แล้วลุกออกจากโต๊ะ

ฮันเอินจีที่หมดความสนใจในมื้ออาหารก็วางตะเกียบลงและเรียกผู้ช่วยให้ไปเติมเครื่องสำอางที่ห้องพัก เมื่อเธอกลับมา พนักงานก็ได้ยกโต๊ะออกและเปลี่ยนสถานที่เป็นห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว

พวกหญิงสาวกระซิบกระซาบกัน

“ครูฮันเปลี่ยนชุดของเธอ ว่ากันว่าเครื่องแต่งกายของเธอทั้งหมดเธอเป็นคนเลือกเอง และเสื้อผ้าของเธอก็ได้รับการดูแลอย่างดี”

“ทั้งหมดมีราคาแพงมาก เป็นแบรนด์ดังทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้สำหรับคนทั่วไปที่จะลอกเลียนแบบเธอ”

“อืม กลับชาติมาเกิดคงเร็วกว่ารอเวลาเพื่อจะได้ใส่ชุดแบบนั้น”

ฮันเอินจีที่ยืนอยู่หน้าเวทีก็พูดว่า “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ฉันจะประกาศกฎของการแข่งขัน การแข่งขันนี้จะไม่ยึดติดกับกฎเดิมและไม่จำกัดเพียงการให้คะแนนของเหล่าอาจารย์อีกต่อไป แต่ความนิยมจะเป็นตัวกำหนดเช่นกัน ภายในเวลา 12:00 น. ของวันที่ถ่ายทำรายการวาไรตี้ ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับความนิยมสูงสุดห้าคนจะเป็นผู้ชนะ”

“ช่องทางการโหวตผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าสิบคนได้เปิดขึ้นบนเว่ยป๋อของรายการอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ ผู้ชมแต่ละคนมีโควตาการโหวตเพียงสามครั้งต่อวันเท่านั้น โปรดโหวตให้กับผู้เข้าแข่งขันที่คุณชื่นชอบ”

สาว ๆ อยู่ในความโกลาหลทันที นี่พวกเธอต้องต่อสู้กันเพื่อความนิยม?

ดูเหมือนยุติธรรม แต่จริง ๆ แล้วไม่ยุติธรรมเลย การต่อสู้เพื่อชื่อเสียงหมายความว่าความสามารถจะไม่ใช่ทุกสิ่งอีกต่อไป

บุคลิกภาพ โชค และแม้แต่ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องบางอย่างย่อมส่งผลต่อผลลัพธ์ได้ทั้งหมด

“การถ่ายทำทั้งหมดของรายการวาไรตี้นี้ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดในการแสดงความสามารถของคุณ แต่ขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อม”

???

เกิดเครื่องหมายคำถามใหญ่ ๆ ในใจของสาว ๆ นี่มันมีกี่ข้อ? และเธอหมายความว่าอย่างไร?

“การให้คะแนนสอดคล้องกับเกรด A ถึง E และอาจารย์ทั้งสี่คนจะอยู่ในสี่คลาสแรก ในคลาส E อาจารย์ทั้งสี่จะสอนตามความสมัครใจ และนักเรียนในเกรด A ถึง D สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระว่าจะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียน”

สาว ๆ ที่ได้เกรด E ต่างเบิกตากว้างด้วยความงงงวย นี่คือความหมายของการปล่อยตัวใครตัวมัน?

[นี่มันน่าสลดใจเกินไป]

[ทีมงานรายการโหดมาก ถ้าฉันอยู่คลาส E ฉันคิดว่าฉันคงทำอะไรไม่ถูกแน่]

[ใช่ ฉันแน่ใจว่าจะมีกล้องน้อยลงหากไม่มีอาจารย์]

[การกำจัดแบบทางอ้อม]

[คุณจะพูดอย่างนั้นไม่ได้ คลาสอื่นสามารถเข้าเรียนได้ตามต้องการ เห็นได้ว่าผู้กำกับไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย]

[เล่นกับความรู้สึกมากเกินไป จิตตกพอดี]

เมื่อเห็นสายตาที่ผิดหวังของสาว ๆ หลายคน ฮันเอินจีกล่าวต่อว่า “คว้าทุกโอกาสที่อยู่ตรงหน้าในการประเมินและกระโดดออกจากคลาส E ให้ได้”

“หมดเวลาของตารางวันนี้แล้ว ต่อไปคือเวลาว่าง คุณสามารถตามทีมงานไปดูหอพักได้ และพรุ่งนี้ เวลา 08.30 น. จะแจ้งโจทย์การประเมินครั้งแรกในสตูดิโอ อย่าสายล่ะ”

พวกอาจารย์ออกไปกันแล้ว และเจ้าหน้าที่ก็ยื่นกุญแจหอพักให้ทุกคน

ซูโย่วอี๋มองไปที่กุญแจในมือของเธอ หนานซี เป่ยถัง 203

เฉินซีซีพูดเบา ๆ ว่า “พี่สาว ฉันได้ห้องพักเดียวกับพี่ด้วย ในอนาคตโปรดช่วยดูแลฉันด้วยนะคะ”

บังเอิญเป็นเพื่อนร่วมห้อง?

ซูโย่วอี๋สงสัยว่านี่เป็นการจัดการของระบบหรือไม่ ความคิดต่อมาคือสุนัขจิ้งจอกจะใจดีได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?

“เกรด A และ B มากับฉัน หอพักของพวกคุณอยู่บนยอดเขา”

“ด้านข้างของเกรด C และ D จุดหมายของคุณอยู่กึ่งกลางทางขึ้นเขา”

เเหล่าหญิงสาวในเกรด E ได้แต่มองคนอื่น ๆ เดินขึ้นเขาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง และพาตากล้องไปมากกว่าครึ่ง เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยืนสบตากัน

พวกเธอมองหน้ากัน “เราจะไปไหนกัน”

ผู้กำกับโบกมือแล้วพูดว่า “ออกไปแล้วเลี้ยวขวา คุณจะเห็นบ้านหลังสีฟ้าเล็ก ๆ อยู่ใกล้ ๆ กัน พวกคุณสามารถไปที่นั่นด้วยตัวเองได้”

ไม่มีใครได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน

[เกรด A และ B เป็นลูกสาวที่แท้จริงของรายการ เกรด C และ D เป็นลูกสาวทูนหัว ส่วนเกรด E รับบทเป็นคนใช้ไม่มีใครอยากได้ ฮ่า ๆ]

[ช่างน่าสงสาร]

[น่าสงสัย]

[มันเหมือนกับการให้คะแนนเพื่อกำหนดระดับความสามารถ]

ซูโย่วอี๋ที่กำลังเดินขึ้นเขา ในตอนแรกเธอยังคงสามารถรักษาความเร็วเพื่อตามคนกลุ่มใหญ่ทันได้ แต่ไม่นานก็ค่อย ๆ ถอยร่นไปข้างหลังและถูกทิ้งไว้ที่ส่วนท้ายของฝูงชนที่หอบกระเป๋าอยู่

หากไม่ได้รับการฝึกฝนจากระบบมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ระยะห่างคงมากกว่านี้

ด้านเฉินซีซีหยิบอมยิ้มและเลียเป็นครั้งคราว อีกมือหนึ่งเธอดึงกระเป๋าลากอย่างสบาย ๆ และเมื่อทางเดินเเเริ่มลำบาก เธอก็ยกกระเป๋าขึ้นด้วยมือข้างเดียว

ซูโย่วอี๋ตกตะลึง

กระเป๋าของเฉินซีซีใหญ่กว่าของเธอสองเท่า

เฉินซีซีอายุเพียงสิบเจ็ดปี

เฉินซีซีส่ายหัวและพูดว่า “อมยิ้มนี่อร่อยจริง ๆ”

แต่เมื่อเธอมองย้อนกลับไป ก็พบว่าซูโย่วอี๋เหงื่อออกท่วมตัว เธอจึงอุทานว่า “พี่สาว พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”

เธอพูดเสียงดังทำให้คนข้างหน้าหยุดดูด้วยเช่นกัน

จากนั้นทีมงานก็วิ่งมาหาเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เป็นลมแดดหรือเปล่า”

ในฤดูร้อน คอของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยเหงื่อและใบหน้าของเธอก็แดง ดูเหมือนป่วยจริง ๆ

ซูโย่วอี๋ “…??”

ฉันแค่เหนื่อย…

“ฉันสบายดี พวกคุณไปก่อนเถอะ”

ทีมงานหยิบยาหม่องน้ำและน้ำดื่มออกมาสองขวดแล้วส่งให้เธอ จากนั้นให้คำแนะนำก่อนเดินจากไป

ฉูรั่วฮวนฉายแววความเบื่อหน่ายออกมา “หยุดสร้างเรื่องดราม่าให้กับตัวเองสักทีได้ไหม”

เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มใหญ่ไปไกลแล้ว ซูโย่วอี๋ก็นั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อเพลิดเพลินกับความร่มรื่น

เฉินซีซียืนกรานว่าเธอจะไม่ไปไหน และนั่งรอเป็นเพื่อนเธอ “พี่สาว พี่ดื่มน้ำไหม”

“เดี๋ยวฉันเช็ดเหงื่อให้นะ”

หลังจากนั้น เธอก็หยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋ากระต่ายและค่อย ๆ เช็ดไปที่ใบหน้าของซูโย่วอี๋ เธอไม่ได้รังเกียจความอ้วนหรือสกปรกของเธอเลยแม้แต่น้อย

ซู่โย่วอี๋รู้สึกประทับใจ

“เจ้าจิ้งจอกเน่า คุณจะเช็ดเหงื่อให้ฉันไหม”

สุนัขจิ้งจอกขมวดคิ้ว [ซู่จู่ คุณกำลังคิดจะผายลมหรือเปล่า]

โอเค ฉันสบายดี ไม่มีอะไร

ไปให้พ้นเลย

ซูโย่วอี๋หยิบกระดาษทิชชู่และพูดว่า “เธอมาคอยตามฉันทำไม”

มีผู้หญิงมากมายหลายคน แต่เด็กคนนี้กลับเลือกเธอ

เฉินซีซีดูเหมือนจะคิดว่าคำถามนี้แปลกมาก “ฉันชอบพี่สาวมาก ตั้งแต่แรกเห็น และฉันก็คิดว่าพี่ใจดีมาก”

“เหมือน… เหมือนแม่ของฉัน”