ตอนที่ 44 กลับบ้านด้วยกัน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 44 กลับบ้านด้วยกัน

ถึงแม้บนรถบัสจะอัดแน่นไปด้วยผู้คน แต่คนขับก็ยังไม่ออกรถเพราะยังไม่ถึงเวลา

ด้วยความอับอายจากการกระทำของโต้วโต้ว หลินม่ายจึงชี้นิ้วไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของฟางจั๋วหราน และพูดขอโทษ “เมื่อกี้นี้โต้วโต้วข่วนหน้าคุณจนเป็นรอยเลยค่ะ”

ฟางจั๋วหรานสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ถูกข่วน “ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นแผลอะไร แค่ใช้ผ้าเย็นเช็ดเดี๋ยวก็หาย”

โต้วโต้วโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “รอให้ถึงบ้านคุณย่าก่อน แม่จะเช็ดให้ค่ะ”

หลินม่ายกระแอมไอด้วยความเขิน และตีโต้วโต้วเบา ๆ “เพราะลูกนั่นแหละไปข่วนหน้าคุณอาเข้า ถ้าอยากจะเช็ดหน้าให้คุณอาก็ทำเองสิ ทำไมแม่จะต้องเป็นเช็ดหน้าให้คุณอาด้วย?”

โต้วโต้วเอียงคอและครุ่นคิด “งั้นถ้าถึงบ้านคุณย่าแล้ว หนูจะเช็ดหน้าให้คุณอาเองค่ะ”

ฟางจั๋วหรานยิ้มและบีบแก้มเล็ก ๆ ของอีกฝ่าย ก่อนจะถามหลินม่ายว่า “ทำไมคุณไปอยู่แถวท่าเรือเยว่ฮั่นได้ล่ะครับ?”

“ฉันย้ายไปขายของใกล้ท่าเรือเยว่ฮั่นน่ะค่ะ ครั้งที่แล้วต้องขอบคุณมากนะคะ”

ฟางจั๋วหรานโบกมือ “เรื่องเล็กน้อยครับ ไม่ต้องขอบคุณหรอก”

หลินม่ายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณเอาคืนให้ฉัน จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้ยังไงล่ะคะ”

ฟางจั๋วหรานงุนงง “ผมเอาคืนให้คุณยังไงครับ?”

“คุณสั่งให้พวกนักเรียนออกหน้าและบีบให้ครอบครัวที่มีเจตนาร้ายต่อธุรกิจของฉันกลับไปไม่ใช่เหรอคะ?”

ฟางจั๋วหรานส่ายศีรษะ “ผมไม่ได้สั่งให้พวกนักเรียนทำแบบนั้นหรอกครับ มันเป็นความคิดของพวกเขาเอง”

“แต่ก็ต้องขอบคุณคุณนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกนักเรียนคงจะไม่ออกมาช่วยฉัน”

ฟางจั๋วหรานยิ้ม “คุณย้ายมาที่ท่าเรือเยว่ฮั่นหลายวันแล้ว แต่ผมกลับไม่เจอคุณเลย”

หลินม่ายยิ้มและพูดว่า “ท่าเรือเยว่ฮั่นอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้มาก ถ้าไม่เจอกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่ไหมคะ?”

ฟางจั๋วหรานส่ายหัวและพูดว่า “แต่ประเด็นคือผมย้ายไปที่ท่าเรือเยว่ฮั่นแล้ว และไม่เห็นอะไรผิดแปลกเลยครับ”

หลินม่ายประหลาดใจ “จริงเหรอคะ ทำไมถึงย้ายล่ะคะ?”

“มหาวิทยาลัยกำลังจะขยายพื้นที่ หอพักบุคลากรเลยถูกย้ายตามไปด้วย ทางมหาวิทยาลัยได้รับการจัดสรรที่ดินแถวท่าเรือเยว่ฮั่นให้มาสร้างหอพักตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เมื่อไหร่ที่ก่อสร้างเสร็จ พวกเราจะต้องย้ายไปที่นั่นครับ”

“แบบนี้นี่เอง ยินดีด้วยนะคะที่ได้ย้ายบ้านใหม่”

หลังจากนั้นไม่นาน คนขับรถก็เดินมาพร้อมกับหม้อชาขนาดใหญ่

เมื่อคืนนี้หลินม่ายกับลูกสาวเข้านอนดึก และตื่นแต่เช้าตรู่ ตัวรถที่สั่นสะเทือนขณะเคลื่อนไหวทำให้แม่กับลูกสาวผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างแม่และลูกสาวลงจากรถระหว่างทาง ก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะเข้าไปนั่งแทนที่

เมื่อคิดว่ารถยังต้องเคลื่อนตัวไปอีกระยะหนึ่ง เขาจึงหยิบหนังสือทางการแพทย์ออกมาจากกระเป๋าและก้มหน้าอ่าน

รถบัสระยะทางไกลหักพวงมาลัยไปทางซ้าย ทำให้หลินม่ายที่นั่งหลับอยู่ริมหน้าต่างเอนกายมาผิงไหล่ของฟางจั๋วหราน

กลิ่นหอมจากร่างกายของเธอฟุ้งกระจายจนเขาสัมผัสได้

เขาหันหน้าไปมองเธอ แม้ว่าผิวของเธอจะคล้ำ แต่กลับไม่ได้แห้งกร้านเหมือนครั้งที่เจอล่าสุด ถึงอย่างนั้นก็ยังดูหยาบกร้านจนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว และยังคงนั่งอยู่ในท่าทางอึดอัดเพื่อให้หลินม่ายได้นอนหลับสบายขึ้น

หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงเมืองซื่อเหม่ย เจ้าหน้าที่ตะโกนเอะอะโวยวายเพื่อเรียกให้ผู้โดยสารลงจากรถ

หลินม่ายลืมตาขึ้น ขณะที่ฟางจั๋วหรานยื่นมือออกมาตรงหน้าเธอ “ผมอุ้มหล่อนให้เองครับ”

เธอยังมีของอีกหลายสิ่งที่ต้องถือ หากมัวแต่อุ้มลูกเอาไว้ เธอคงไม่สามารถลงจากรถได้

หลินม่ายไม่ถ่อมตัวอีกเช่นเคย เธอยื่นโต้วโต้วให้เขา ก่อนจะเดินลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าพะรุงพะรัง

แม้ว่าอากาศในรถบัสจะเหม็นมาก แต่กลับอบอุ่น

หลังจากลงจากรถ อากาศเย็นเยือกก็ปะทะเข้ากับร่าง จนหลินม่ายสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฟางจั๋วหรานจึงถอดผ้าพันคอของตนและส่งให้หลินม่าย

หลินม่ายโบกมือปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า “ฉันไม่หนาวค่ะ” หลังจากพูดจบ เธอก็จามออกมาครั้งใหญ่

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

โต้วโต้วพูดเกลี้ยกล่อมขณะเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของชายตรงหน้า “แม่ฟังคำพูดคุณอาเถอะค่ะ ถ้าเป็นหวัดจะแย่เอา”

หลินม่ายวางกระเป๋าใบใหญ่ลง รับผ้าพันคอมาพันรอบคอ

ฟางจั๋วหรานเห็นว่าหลินม่ายต้องแบกของพะรุงพะรัง เขาจึงหยิบกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาและเดินนำไป

เขาตัวสูงและขายาว ขณะที่หลินม่ายมัวพันผ้าพันคอ เขาได้เดินนำไปไกลหลายสิบเมตร

อุณหภูมิบนร่างกายของชายตรงหน้ายังติดอยู่กับผ้าพันคอ ซึ่งทำให้หลินม่ายรู้สึกแปลก ๆ ในใจ

หลังจากพันผ้าเสร็จ เธอก้มลงไปที่หยิบกระเป๋าที่เท้า ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งวิ่งมาจากทางด้านหลัง คว้ากระเป๋าและวิ่งหนีไป

หลินม่ายร้องตะโกนตามสัญชาตญาณ “โจรปล้น! มีคนขโมยกระเป๋า!”

ฟางจั๋วหรานที่เดินนำอยู่ข้างหน้า วางโต้วโต้วกับกระเป๋าใบใหญ่ในมือลงโดยไม่แม้แต่จะคิด และวิ่งตามโจรไป

แม้ว่าโจรจะวิ่งอย่างว่องไว ทว่าระยะห่างกับฟางจั๋วหรานกลับสั้นลงเรื่อย ๆ

โจรรีบโยนกระเป๋าใส่ฟางจั๋วหรานเพื่อไม่ให้เขาวิ่งตามทัน ก่อนจะซอยเท้าหลบหนีไป

ฟางจั๋วหรานหยิบกระเป๋าและหยุดไล่ตาม

เขาเดินเข้าไปหาหลินม่ายและยื่นกระเป๋าให้เธอ

หลินม่ายพูดขอบคุณหลายครั้งติดต่อกัน

โต้วโต้วรู้สึกหวาดกลัวเขาเล็กน้อย ตอนที่เขาวิ่งไล่ตามโจรช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน

ฟางจั๋วหรานอุ้มโต้วโต้วและถือกระเป๋าขึ้นมาอีกครั้ง แต่แทนที่จะเดินคนเดียว เขากลับเดินเคียงข้างหลินม่าย

ผู้คนที่สัญจรไปมาทั้งหลายมองดูพวกเขาด้วยความสงสัย

ใครบางคนชี้มาทางเขาและพูดว่า “ผู้ชายคนนั้นหล่อจริงเชียว ทำไมถึงหาแม่สาวผิวคล้ำมาเป็นภรรยากันนะ คงจะมาจากชนบทสิท่า!”

สายตานั้นมองดูราวกับฟางจั๋วหรานวางดอกไม้ลงบนกองมูลวัวอย่างหลินม่าย

คำพูดดังกล่าวทำให้หลินม่ายถึงกับหน้าแดงลามไปยังใบหู

เมืองซื่อเหม่ยในวันส่งท้ายปีเก่าเงียบกว่าปกติเป็นพิเศษ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่าแล้ว ทุกคนกำลังมีความสุขกับการเตรียมอาหารค่ำในคืนส่งท้ายปีเก่าที่บ้านของตนเอง

มีเด็กน้อยไม่มากนักที่วิ่งเล่นบนท้องถนน ส่วนใหญ่วนเวียนอยู่ในครัวเพื่อมองหาโอกาสขโมยอาหาร

คุณย่าฟางออกมาข้างนอกนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อมองดูว่าหลินม่ายกับลูกสาวกลับมาหรือยัง ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่นางออกมาดูจะทำให้ตัวเองผิดหวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะออกมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า

ทว่าการออกมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเห็นเพียงหลินม่ายกับลูกสาวเท่านั้น แต่ยังได้เจอกับฟางจั๋วหราน นางจึงรีบร้องตะโกนเข้าไปในบ้าน “ตาเฒ่า ม่ายจื่อ โต้วโต้วกับจั๋วหรานกลับมาแล้ว รีบออกมาช่วยถือของเร็วเข้า!”

นางร้องตะโกนขณะวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปรับโต้วโต้วจากอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน ก่อนจะหันไปบ่นกับหลินม่าย “ดูเธอสิ ซื้อของอะไรกลับมาตั้งเยอะแยะ! ไม่ฟังที่ย่าพูดบ้างเลย!”

หลินม่ายยิ้มและพูดว่า “ถ้าไม่ใช้เงินตอนปีใหม่ แล้วเมื่อไหร่จะได้ใช้ล่ะคะ?”

คุณปู่ฟางวิ่งออกมาด้วยความสุขใจ และรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นฟางจั๋วหราน “แกบอกว่าวันส่งท้ายปีเก่าจะไม่มาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาได้? ตอนที่ย่าพูดถึงแก ปู่ก็นึกว่าเผลอจำผิด”

ฟางจั๋วหรานพูดว่า “ฝ่ายบริหารจัดกะใหม่น่ะครับ พอดีกับที่ผมไม่ต้องเข้ากะในวันส่งท้ายปีเก่า ผมเลยมาฉลองปีใหม่กับคุณปู่คุณย่า คุณปู่คุณย่าไม่ดีใจเหรอครับ?”

คุณปู่ฟางตีเขาอย่างแรง “ดูเจ้าเด็กนี่พูดเข้า แกก็รู้ว่าย่าแกดีใจมากแค่ไหน!”

ทุกคนหัวเราะและเดินเข้าไปในบ้าน โต้วโต้วหยิบลูกอมรสนมตรากระต่ายขาวออกมาจากกระเป๋า แกะเปลือกลูกอม ส่งให้คุณย่าฟางและพูดเสียงหวาน “คุณย่ากินลูกอมสิคะ”

คุณย่าฟางหันหน้าไปอีกข้างหนึ่ง และพูดตอบว่า “โต้วโต้วเด็กดี โต้วโต้วกินเลยจ๊ะ”

โต้วโต้วยังคงออดอ้อนขณะอยู่ในอ้อมแขนของเธอ “โต้วโต้วยังมีอีกค่ะ ให้คุณย่ากินอันนี้”

หลินม่ายพูดเกลี้ยกล่อม “คุณย่ากินที่โต้วโต้วป้อนให้ก็ได้ค่ะ ฉันซื้อมาลูกอมรสนมมาตั้งหนึ่งชั่ง”

คุณย่าฟางอ้าปากรับลูกอมรสนมตรากระต่ายขาว ใบหน้าของนางผุดรอยยิ้มหวานราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง “หวาน หวานจังเลย!”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

โมเมนต์พ่อแม่ลูกสุด ๆ ขอให้มีโมเมนต์แบบนี้เยอะ ๆ นะคะ 

ไหหม่า(海馬)