บทที่ 10 เป็นสตรีได้อย่างไร! ก็เห็นอยู่ว่ากล้ามหน้าอกของเจ้าแข็งกว่าของข้า

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 10 เป็นสตรีได้อย่างไร! ก็เห็นอยู่ว่ากล้ามหน้าอกของเจ้าแข็งกว่าของข้า?

ทันทีที่ก้าวออกจากถ้ำและเห็นดวงอาทิตย์ ถังเวยก็รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะมารดาอสูรซากศพถูกกำจัดไปแล้ว พืชพรรณรอบด้านจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้น แม้จะยังมืดมน แต่ก็ปราศจากความรู้สึกที่น่ารังเกียจและน่าขนลุกเหมือนก่อนหน้านี้

หลังจากสูดหายใจลึกสองสามครั้ง ถังเวยก็นึกขึ้นได้และเอ่ยถามไป๋ชิวหราน “ไป๋ชิวหราน อสูรซากศพทั้งสองอยู่ที่ใด?”

ไป๋ชิวหรานชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “มันน่าจะอยู่ในส่วนลึกของป่าอันมืดมนข้างหน้า…”

เมื่อเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ถังเวยจึงรีบถาม “หืม? มีอะไรงั้นหรือ?”

“มีคนกำลังต่อสู้กับอสูรซากศพทั้งสองอยู่” ไป๋ชิวหรานตอบกลับด้วยท่าทีสนใจ “ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกตน และเขากำลังจะชนะ”

“หืม? ผู้ฝึกตน?” ใบหน้าของถังเวยเผยท่าทีสงสัยออกมา “อยู่ที่ไหนหรือ?”

“มากับข้า”

ไป๋ชิวหรานคว้าแขนของถังเวยและเริ่มเคลื่อนที่ ถังเวยรู้สึกถึงแสงแวบหนึ่งก่อนจะมาปรากฏตัวในป่าส่วนลึก

คราวนี้ไป๋ชิวหรานไม่จำเป็นต้องชี้ทางอีก ถังเวยก็ได้ยินเสียงการต่อสู้มากจากด้านหน้า มันมีทั้งเสียงคำรามของอสูรซากศพ เสียงของต้นไม้ที่ล้มระเนระนาด และเสียงคำรามของชายหนุ่ม

ถังเวยซ่อนตัวหลังต้นไม้และมองไปยังทิศทางของเสียง

อีกด้านหนึ่ง มีชายหนุ่มรูปงามกำลังหลบการโจมตีของอสูรซากศพด้วยความคล่องแคล่ว เขาใช้ธงสีดำและแดงสะบัดไปมาเพื่อโจมตีและหลบหลีก อีกทั้งยังทำให้อสูรซากศพทั้งสองไม่สามารถจับตัวชายหนุ่มได้ พวกมันจึงทำได้เพียงคำรามอย่างโกรธเคืองและทำลายต้นไม้รอบ ๆ

ขณะกำลังหลบหลีก ดูเหมือนอาคมของชายหนุ่มจะพร้อมโจมตีแล้ว ธงทั้งสองผืนบินออกไปกลางอากาศภายใต้คำสั่งของเขา จากนั้นมันก็ได้กลายเป็นอักขระบางอย่างก่อนจะกดทับอสูรซากศพสองตนนั้น ไม่นานมันก็กลายเป็นฝาครอบสีแดงขนาดใหญ่ปกคลุมอสูรซากศพทั้งคู่ และมีไฟขนาดใหญ่คอยแผดเผาพวกมัน

อสูรซากศพสองตนต่อสู้และคำรามอย่างต่อเนื่อง หลังจากถูกเผาได้ไม่นาน พวกมันก็ค่อย ๆ มอดไหม้และกลายเป็นเถ้าถ่าน

ชายหนุ่มยังคงให้เปลวเพลิงเผาต่ออีกอึดใจ เมื่อมั่นใจแล้วว่าอสูรซากศพทั้งสองตายอย่างแน่นอน เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนำธงสองผืนกลับมา

หลังจากจัดการอสูรซากศพทั้งสองเรียบร้อย ดูเหมือนว่าอาวุธรูปธงของเขาจะเปล่งแสงวิบวับอยู่ชั่วครู่

เมื่อเห็นธงทั้งสอง ใบหน้าของถังเวยก็ดูไม่สู้ดีทันที “…นั่นมันซือหม่าอิงป๋อ”

ไป๋ชิวหรานเดินมานั่งยอง ๆ ด้านข้างถังเวย “เจ้ารู้จักชายผู้นี้งั้นหรือ?”

“เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของมหาราชครูคนปัจจุบันฝูเชียนชิวจากรัฐซ่างเสวียน” ถังเวยกล่าว

“…พวกผู้ฝึกตนไม่ใช่คนดี”

ไป๋ชิวหรานเกาแก้มด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

ขณะที่พวกเขากำลังสนทนา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มอีกฝั่งจะสังเกตเห็นบางอย่างและมองมายังทิศที่พวกเขาอยู่ ถังเวยตกใจในทันทีก่อนจะย่อตัวลงแอบหลังต้นไม้ แต่ไป๋ชิวหรานกลับไม่ได้รู้สึกแปลกมากนัก เขายังคงนั่งยอง ๆ และมองกลับไปพร้อมยิ้มให้

พวกเขามองหน้ากันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นชายหนุ่มนามซือหม่าอิงป๋อได้มองไปยังต้นไม้ด้านข้างไป๋ชิวหราน

“องค์หญิง ออกมาเถอะ ข้าเห็นท่านแล้ว”

“องค์หญิง?” ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้ากำลังเรียกหาใครอยู่น้องชาย?”

ซือหม่าอิงป๋อไม่ตอบสิ่งใด เขายังคงจ้องมองไปยังต้นไม้ที่ถังเวยหลบซ่อนอยู่ ผ่านไปสิบลมหายใจ ถังเวยจึงได้เผยใบหน้ามืดมนก่อนจะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ นางมองเขาด้วยความเกลียดชัง

“อะไรกัน?!” ไป๋ชิวหรานตกตะลึง “น้องถัง เจ้าเป็นองค์หญิงงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าหน้าอกของเจ้าแข็งกว่าข้าเสียอีก!”

“…”

ถังเวยข่มตัวเองไม่ให้สนใจคำของไป๋ชิวหราน นางหันไปกล่าวกับซือหม่าอิงป๋อ

“ซือหม่าอิงป๋อ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“มีปีศาจปรากฏตัวในภูเขาเหมิง ในฐานะราชองครักษ์สูงสุดของรัฐซ่างเสวียน ข้าย่อมต้องออกมาปราบปีศาจเพื่อปกป้องความปลอดภัยของชาวบ้านอยู่แล้ว” ซือหม่าอิงป๋อเผยใบหน้าที่อ่านออกได้ว่าช่วยไม่ได้

“ส่วนองค์หญิงกลับหนีออกจากราชวัง อีกทั้งยังปลอมตัวเป็นบุรุษ จะเป็นอย่างไรหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับท่าน? ตอนนี้ท่านต้องรีบกลับโดยด่วน เพราะองค์จักรพรรดิและคนอื่น ๆ กำลังเป็นห่วงท่านอยู่ ปีศาจพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะรับมือไหว หากมันมีมากกว่านี้ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่อาจรับพวกมันได้”

ถังเวยยกคิ้วขึ้น “ข้ามีอิสระ ข้าจะไปที่ไหนมันก็เรื่องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งห้าม”

ซือหม่าอิงป๋อถอนหายใจ “อีกครึ่งเดือนจะถึงพิธีถวายเครื่องบูชาแก่สวรรค์ของรัฐซ่างเสวียน ฝ่าบาทได้ทรงบัญชามาแล้ว หากพบตัวองค์หญิงให้พากลับราชวังทันที ฝ่าบาท…ได้โปรดพิจารณาในความห่วงใยของบิดาและข้าน้อยด้วย ความปลอดภัยของท่านไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านคนเดียว”

ถังเวยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ข้ารู้แล้ว”

“ฝ่าบาท…”

“ข้าจะกลับ แต่ไม่ใช่กับเจ้า” ถังเวยสะบัดมือปฏิเสธ “ข้าต้องรบกวนให้เจ้าไปบอกองค์จักรพรรดิว่าข้ายังปลอดภัยดี และจะรีบกลับในอีกไม่ช้า”

ซือหม่าอิงป๋อมองถังเวยชั่วครู่ก่อนจะเลือกถอยกลับ “ย่อมได้ฝ่าบาท ตามที่ท่านต้องการ ปีศาจพวกนี้ถูกกำจัดหมดแล้ว ท่านคงสามารถปกป้องตัวเองต่อจากนี้ได้”

เขาก้าวถอยหลังพร้อมก้มค้อมศีรษะให้ไป๋ชิวหราน “ดูเหมือนองค์หญิงมีเรื่องจะสนทนากับบุรุษผู้กล้าท่านนี้ ข้าจะไม่รบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว แต่…ฝ่าบาทต้องตระหนักถึงตัวตนของตัวเองด้วย”

“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเตือน” ถังเวยตอบอย่างเย็นชา

ซือหม่าอิงป๋อส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาหันไปคารวะไป๋ชิวหรานอีกครั้ง “ข้าต้องขออภัย องค์หญิงค่อนข้างดื้อรั้น ข้าต้องรบกวนบุรุษผู้กล้าดูแลเอาใจใส่แล้ว”

เมื่อกล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินทางออกจากสถานที่เมื่อครู่ทันที

หลังจากซือหม่าอิงป๋อจากไป ถังเวยจึงได้หันไปมองไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวด้วยท่าทีเหนียมอาย “ถ้ามีสิ่งใดต้องการจะถาม เช่นนั้นก็ถามมาเลย”

“ข้าไม่มีสิ่งใดต้องถาม เมื่อฟังจากบทสนทนาของเจ้าเมื่อครู่ ข้าก็พอจะเดาได้เจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว” ไป๋ชิวหรานลูบคางของตนและอดไม่ได้ที่จะถามสิ่งหนึ่ง “ว่าแต่น้องถัง เจ้าเป็นองค์หญิงจริงหรือ?”

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง” ถังเวยตอบกลับพร้อมข่มโทสะไว้ในใจ

ในบรรดาข่าวลือที่นางได้ยินมา เมื่อสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ หากพวกนางถูกล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงโดยสหาย ส่วนใหญ่พวกเขามักจะประหลาดใจ เขินอาย หรือแสดงความยินดี แต่บางคนอย่างไป๋ชิวหรานกลับสงสัยในความจริงว่านางเป็นสตรีจริงหรือเปล่า

“หืม พูดถึงอาจารย์ของซือหม่าอิงป๋อ เขามาจากสำนักกระบี่ชิงหมิงและยังเป็นมหาราชครูของรัฐซ่างเสวียนด้วยงั้นหรือ?” ไป๋ชิวหรานครุ่นคิด “แต่ข้าคิดว่ากระบวนท่าของเขาเมื่อครู่เหมือนไม่เคยปรากฏในสำนักกระบี่ชิงหมิงเลย อีกทั้งยังรู้สึกถึงพลังหยินและความชั่วร้าย…”

“แล้วข้าจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? นอกจากลงจากภูเขามาเพื่อรับศิษย์แล้ว บรรดาผู้ฝึกตนเหล่านี้ไม่เคยติดต่อกับพวกเราเลย ความเข้าใจของพวกเราต่อสำนักกระบี่ชิงหมิงมาจากตำราเท่านั้น” ถังเวยกล่าวอย่างโกรธเคือง

“ไม่เป็นไร ข้าจะหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง” ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คำถามสุดท้ายของข้า น้องถังมีชื่อจริงว่าอะไร?”

………………………………………………………………………

Talk : ภายในใจของถังเวย// เจ้า @$&*(@$$Q@! เจ้าจะมาอะไรกับความเป็นสตรีของข้านัก!