ตอนที่ 32 หนานหนานไปไหนแล้ว?
“ทุกท่าน เงียบเสียงหน่อย” จินหลิวหลีปิดบังใบหน้าด้วยผ้าสีขาวผืนบางหนึ่งชั้น ยืนอยู่บนโต๊ะกลางห้องโถง นี่เป็นชุดปกติของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน นอกจากลูกน้องที่ควรค่าแก่การเชื่อใจเพียงไม่กี่คนในโรงเตี๊ยมแล้ว ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจินหลิวหลี
โม่เสียนยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะกล่าวชื่นชม “ฝีมือดี”
ไม่มีใครเห็นอย่างชัดเจนว่าจินหลิวหลีปรากฏตัวที่กลางห้องโถงตั้งแต่เมื่อใด และไม่ทราบด้วยว่าขึ้นไปยืนอยู่บนโต๊ะที่อยู่ตรงกลางนั้นเมื่อใด จนกระทั่งนางเอ่ยปากกล่าว ทุกคนจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าเถ้าแก่เนี้ยจินของโรงเตี๊ยมฝูหลงเป็นผู้มีวรยุทธ์
เย่ซิวตู๋จิบน้ำชาหนึ่งคำ เขาเห็นการเคลื่อนไหวของจินหลิวหลีแล้ว โรงเตี๊ยมฝูหลงแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะมิได้ง่ายดายเหมือนโรงเตี๊ยมธรรมดาทั่วไป ตรงที่หมอปีศาจเลือกรักษาผู้ป่วยที่นี่ เถ้าแก่เนี้ยจินที่ไม่เคยทำตัวโดดเด่นมาโดยตลอดมีฝีมือดีเช่นนี้เอง ดูเหมือนว่าคงมีความลับอื่นอีกด้วย
“นางกำลังเตือนทุกคนที่อยู่ที่นี่” เย่ซิวตู๋กวาดมองสีหน้าของทุกคนภายในห้องโถง ก่อนยิ้มเบา ๆ “และกำลังบอกพวกเราว่า ขณะอยู่ในโรงเตี๊ยมของนางต้องทำตามกฎของนาง ห้ามสร้างปัญหา มิเช่นนั้นเถ้าแก่เนี้ยจินก็จะลงมืออย่างไร้ความปรานี”
โม่เสียนกอดอกด้วยมือทั้งสอง พยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิขอรับ ดูคนที่เพิ่งตะโกนโหวกเหวกโวยวายเมื่อครู่สิ ตอนนี้เงียบกริบเป็นจักจั่น ไม่มีใครกล้าพูดเสียงดังเลย”
“ทุกท่าน” จินหลิวหลีพึงพอใจมากเมื่อเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน “ข้าคือเถ้าแก่เนี้ยจินแห่งโรงเตี๊ยมฝูหลง ข้าคิดว่าทุกท่านคงรู้จักแล้ว ข้าเองก็ทราบว่าวันนี้ที่ทุกท่านมาที่นี่ เพื่อมาหาหมอปีศาจผู้มีชื่อเสียง แต่ในเมื่อทุกคนยืนอยู่ในอาณาเขตของโรงเตี๊ยมฝูหลง เช่นนั้นก็รักษาความสงบและเป็นระเบียบด้วย อย่าได้สร้างปัญหาให้หมอปีศาจ มิเช่นนั้นข้าจะจับโยนออกไปทันที”
“เถ้าแก่เนี้ยจินผู้นี้มีฝีปากยอดเยี่ยมนัก” เสิ่นอิงมองลงไปด้านล่าง และรู้สึกว่าสตรีทรงเสน่ห์ผู้นี้ดูราวกับดอกฝิ่นอาบพิษร้าย
เย่ซิวตู๋นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา น้ำชาในมือของเขาค่อย ๆ เย็นชืดแล้ว เขาไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อย หลังจากดื่มจนหมดจอกก็หลับตาลง ไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่อยู่ด้านล่างอีก
เสียงของจินหลิวหลีดังขึ้นอีกครั้งจากด้านล่าง แม้น้ำเสียงจะเย็นเยียบ แต่เสียงกลับมีพลังบางอย่างคล้ายกับดึงดูดผู้คนได้ “แผ่นป้ายไม้ที่อยู่ในมือของทุกท่าน ด้านบนนั้นมีตัวเลขเขียนไว้ เนื่องจากมีคนจำนวนมาก จึงทำได้เพียงแค่เลือกรักษาเพียงห้าสิบคนเท่านั้น เพื่อความเป็นธรรมแล้ว ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจใช้วิธีสุ่มจับฉลากขึ้นมาห้าสิบคน”
สุ่มจับฉลาก?
ภายในห้องโถงเกิดเสียงถกเถียงดังขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เสียงของคนที่ดังที่สุดคือห้าสิบคนแรก เดิมทีคิดว่าตนเองมาเร็วก็จะมีโอกาสได้ก่อน ตอนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับเหลือโอกาสเพียงน้อยนิดมิใช่หรือ?
“เถ้าแก่เนี้ยจิน ตอนแรกก็คุยกันดิบดีแล้ว ว่าใครมาก่อนก็ได้ก่อนมิใช่หรือ?” มีคนลุกขึ้นอย่างทนมิไหว พลางยกแผ่นป้ายในมือขึ้นมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว
จินหลิวหลีกวาดสายตาเย็นเยียบ ยิ้มเยาะ “ก็ใช่ ใครมาก่อนได้ก่อน แผ่นป้ายของท่าน ก็ได้ก่อนมิใช่หรือ?”
“ท่าน ท่านโกงกันชัด ๆ ไปเรียกหมอปีศาจออกมา ข้าจะถามให้เข้าใจ”
“หมอปีศาจ?” จินหลิวหลีคลี่ยิ้มทรงเสน่ห์กว้างขึ้น “ลูกค้าท่านนี้ ท่านยังฟังคำพูดของข้าเมื่อครู่ไม่เข้าใจอีกหรือ? หากท่านอยากอยู่ต่อก็รอจับฉลาก หรือท่านอยากให้คนโยนออกไป?”
สิ้นสุดเสียงของนาง บุรุษร่างกำยำสองคนก็มายืนอยู่ด้านหลังของนางในทันที จ้องเขม็งด้วยแรงสังหารไปยังคนที่กำลังพูด
บุรุษผู้นั้นถึงกับหดศีรษะ ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีก ถึงอย่างไรเขาแตกต่างจากคนรวยและมีอำนาจเหล่านั้น ไม่ได้มีความสามารถยั่วโมโหจินหลิวหลีที่ดูร้ายกาจได้
เย่ซิวตู๋มุมปากกระตุก โยนแผ่นป้ายลงบนโต๊ะ
โม่เสียนถึงกับเดาะลิ้น “คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีกฎแบบนี้ ในเมื่อพูดแบบนี้ พวกเราที่อุตส่าห์มากันตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรน่ะสิ ข้าคิดว่าพวกเราได้อยู่อันดับแรก ๆ อีกไม่นานก็คงได้เจอหมอปีศาจแล้วเสียอีก”
“ก็ไม่เสมอไป อย่างน้อย ๆ การที่พวกเรามาเร็วก็ยังมีห้องพิเศษให้เรา” เสิ่นอิงยักไหล่ จ้องมองสตรีคนนั้นที่ให้คนนำกล่องเล็ก ๆ ยกขึ้นมา
พวกเขาต่างก็มิได้รีบร้อน ถึงอย่างไรการมาหาหมอปีศาจครั้งนี้ก็แค่อยากให้อีกฝ่ายช่วยดูอาการให้นายท่านและเผิงอิง และให้แม่นางอวี้ได้เห็นบุคคลที่เป็นที่เล่าลือ
พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่อวี๋จั้วหลินที่อยู่ห้องพิเศษติดกันกลับกำหมัดแน่น ทั้งยังโยนแผ่นป้ายหมายเลขลงบนพื้นอย่างแรงทันที
อวี๋เฟิงก้มเก็บขึ้นมาด้วยใบหน้าอึมครึม กล่าวเสียงเบาว่า “นายน้อย พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อขอรับ?”
“…รอก่อน” อวี๋จั้วหลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามไม่ให้โทสะของตนเองปะทุขึ้นมา เขาเปล่งเสียงพูดทีละคำลอดไรฟัน “รอมาสี่วันห้าวันแล้ว รออีกสักวันครึ่งวันจะเป็นไรไป หากไม่ได้จริง ๆ ถึงเวลานั้นค่อยบังคับแล้วพาตัวกลับไปด้วย”
“แต่เถ้าแก่เนี้ยจินผู้นั้นมีฝีมือไม่ธรรมดาเลย โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีความลึกลับ หากพวกเรารีบลงมือ จะเกิดผลเสียหรือไม่ขอรับ?” อวี๋เฟิงแอบลังเล เขาไม่ควรเปิดเผยตัวตนของนายน้อย มิเช่นนั้นคงได้นำหายนะไปสู่ตระกูลอวี๋
อวี๋จั้วหลินเม้มปาก ภายในใจเริ่มชั่งน้ำหนักแผนการอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งมาถึงเจียงเฉิงแห่งนี้กว่าพันลี้ มิใช่เรื่องง่ายที่จะทราบที่อยู่ของหมอปีศาจ แต่จะให้กลับไปมือเปล่าเช่นนี้ เขาจะเต็มใจได้อย่างไร?
เถ้าแก่เนี้ยจินผู้นั้นมีฝีมือจริง ๆ หากพวกเขาคิดจะนำตัวหมอปีศาจไปจากนาง คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น หากไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องแอบทำแบบเงียบ ๆ
“อวี๋เฟิง”
“นายน้อย” อวี๋เฟิงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว มองสีหน้าของนายตน ก็ทราบได้ว่าตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว
“เจ้าลงไปตรวจสอบหน่อย ดูสิว่าคนไข้ที่จับฉลากได้ถูกนำตัวไปที่ใด ค้นหาดูว่าหมอปีศาจอยู่ที่ใด แล้วติดตามเขาไป”
อวี๋เฟิงแอบลังเล แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเด็ดเดี่ยวไร้ความปรานีของอีกฝ่าย จึงได้แต่แอบถอนหายใจ กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็เปิดประตูห้องพิเศษ และซ่อนตัวอยู่ที่มุมของห้องโถงใหญ่
เพียงแต่เขาไม่ทราบเลยว่า หลังจากใช้วิธีสุ่มจับฉลาก คนที่ซ่อนอยู่ตรงนั้น และมีอีกหลายคน ต่างจ้องมองไปยังมือข้างนั้นของจินหลิวหลีที่กำลังจับฉลาก
“เถ้าแก่เนี้ย” ต้าอู่ยื่นหน้ามาข้างหูจินหลิวหลี กระซิบว่า “ห้องพิเศษของจวนโม่ ตระกูลหยาง ตระกูลอวี๋ที่มีนายและบ่าวสองคนนั้น รวมถึงสตรีสวมผ้าปิดหน้า ต่างก็ส่งคนลงมาจับตามองข้างล่างแล้ว การคาดเดาของแม่นางอวี้ไม่ผิดเลย พวกเขาคงคิดจะตามท่านเข้าไปด้วย”
จินหลิวหลีหัวเราะพรืด ก่อนจะเสยผม “นางเด็กอวี้ชิงลั่วนั่นเดาใจคนเก่งจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็นำอาหารราคาแพงไปส่งที่ห้องพิเศษหน่อยแล้วกัน ในเมื่อพวกเขาอยากทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จะไม่ให้เลือดตกยางออกสักหน่อยได้อย่างไรเล่า”
“ขอรับเถ้าแก่เนี้ย” ต้าอู่ลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับไปสั่งให้คนเตรียมของกินไว้
เพียงแต่ภายในใจก็เกิดความฉงน ในเมื่อแม่นางอวี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว หนานหนานที่ไม่เคยห่างจากกายมาโดยตลอดไปไหนเสียแล้วเล่า? ไม่ได้เจอกันนาน เขาเองก็ชักจะคิดถึงเจ้าเด็กน้อยคนนั้นแล้วสิ
…………………………
สารจากผู้แปล
จะชิงตัวหมอปีศาจไปรักษาใครน่ะ ถ้าเกิดรู้ตัวตนหมอปีศาจแล้วจะตะลึงไหมนะ
ไหหม่า (海馬)