ตอนที่ 54 อา คุณจะลืมฉันไหม

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

ตอนที่ 54 อา คุณจะลืมฉันไหม

บริเวณรอบๆมีหลายสายตาที่กวาดมองมา

มู่เทียนซิงหน้าแดงเล็กน้อย ซึ่งด้วยจิตใต้สำนึกจึงซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของหลิงเล่ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นหน้าของตัวเอง

ขนตาที่โค้งงอนขึ้น แบ่งเป็นเส้นๆอย่างเห็นได้ชัด และขนตาบนเปลือกตาล่างของหลิงเล่ทั้งเบาและสั่นเทา ทุกๆเส้นมีลักษณะคล้ายกับแปรงเล็กๆ ซึ่งทำให้กระตุ้นใจของคนอื่นได้

มือใหญ่ๆของหลิงเล่อยู่บนหลังคอ และรับรองเท้าของเธอมาจากมือของเธอ

เขาลูบๆคลำๆในกระเป๋าอย่างชำนาญเพื่อเอาผ้าเช็ดหน้าไหมแท้สีดำมา แล้วยกเท้าเล็กๆของเธออย่างระมัดระวัง และค่อยๆเช็ดฝุ่นสิ่งสกปรกที่ฝ่าเท้าของเธอ กับช่วยเธอใส่รองเท้าให้ดี

ใบหน้าเล็กๆของมู่เทียนซิงแดงจนเลือดจะไหลออกมาแล้ว

หลังจากที่ใส่รองเท้าทั้งสองข้างเสร็จ แขนทั้งสองข้างของเธอยังคล้องคอของหลิงเล่อยู่ ใบหน้าเล็กๆทั้งหน้าก็ติดบนหน้าอกของเขา ร่างเล็กๆก็ยังหดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ราวกับกลัวว่าตัวเองตกจากขาของเขา ซึ่งแทบอยากจะซ่อนทั้งตัวไว้ในอ้อนกอดของเขา

เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ ดวงตาสีดำๆของหลิงเล่ก็เต้นเป็นคลื่น สั่นไหวเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน นุ่มนวล และคล้ายๆกับมีวงกลมแสงสว่างไสวอยู่ที่ในดวงตาอีกด้วย

เขาก้มหัวเล็กน้อย แล้วจูบลงบนศีรษะของเธออย่างนุ่มนวล

ปลายจมูกมีกลิ่นเล็กน้อย เป็นกลิ่นหอมของยาสระผม ส่งกลิ่นเหมือนกับบนตัวของเขา

นี้คือกลิ่นเพียงกลิ่นเดียวที่เขาชอบ เป็นกลิ่นจางๆของดอกไมร์เทิลเครปในความเยือกเย็น เช่นเดียวกับการชอบใครบางคน ที่มีความรู้สึกแบบข้างนอกเย็นชาข้างในร้อนแรง

เมื่อหยุด ก็หยุดสักพักหนึ่ง

หลิงเล่ไม่พูดอะไร และมู่เทียนซิงก็ไม่ขยับเลย

ดูเหมือนอ้อมกอดของเขาจะเป็นเหมือนท่าเรือที่ไว้พักพิง เพราะทั้งอบอุ่นและสงบสุข

เมื่อจั๋วซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“คุณหนูมู่ รองเท้าของท่านใส่เสร็จแล้ว”

มู่เทียนซิงเงยหน้าขึ้นอย่างเขินอาย จริงๆอยากจะหันไปมองทางจั๋วซี แต่ไม่เข้าใจเมื่อมองสายตาของหลิงเล่ที่ดูคล้ายๆกับคลื่นทะเลยักษ์ใหญ่

เกือบจะจมอยู่ในสายตาแบบนี้ และเธอก็ไม่สบายอกสบายใจ แล้วไอแห้งๆสองครั้ง ดึงแขนของตัวเองกลับมาช้าๆ หลังจากลุกขึ้นจากบนตัวเขา ก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกไป“ฉันทำเอง”

จั๋วซีมองตาหลิงเล่ และเห็นว่าหลิงเล่ไม่ได้ปฏิเสธ จึงถอยไปอีกฝั่งอย่างมีความสุข“โอเค” 

จั๋วหรันยิ้มมุมปาก

ในตอนนี้ ดูมู่เทียนซิงตั้งใจผลักหลิงเล่ไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก ทำให้พี่น้องตระกูลจั๋วอดไม่ได้ที่จะมีความสุขแทนพวกเขาสองคน

มู่เทียนซิงไม่พูดให้หลิงเล่พาเธอไปด้วยกัน

และหลิงเล่ก็ไม่ได้บอกให้มู่เทียนซิงอยู่ที่นี่

แล้วก็ไปขึ้นรถทั้งแบบนี้ ส่วนจั๋วหรันก็ขับรถขึ้นทางด่วนไปตามทางเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าที่สุสานแถวชานเมือง

ร้านดอกไม้หน้าประตูสุสาน มู่เทียนซิงลงไปเลือกดอกทิวลิปสีเดียวกับแชมเปญหนึ่งช่อ แล้วจั๋วหรันจ่ายเงิน

เมื่อออกมาจากร้าน เธอก็เอาช่อดอกไม้ในมือวางลงบนขาของหลิงเล่

ภายใต้แสงแดด รอยยิ้มของเธอสวยกว่าดอกไม้อีก แล้วเดินอ้อมไปเพื่อจะเข็นรถเข็นเขาต่อ ซึ่งข้างหน้ามีทางเล็กๆของสุสานให้เดิน

หลังจากนั้นไม่นาน จั๋วซีจึงพาพวกเขาไปหาหลุมฝังศพแม่ของหลิงเล่

มู่เทียนซิงมองรูปภาพ บนรูปถ่ายเป็นเด็กผู้หญิง สวยมากๆ แต่ตำนานเล่าต่อๆกันมาว่าเป็นสไตล์แรกของโลกและสวยที่สุดด้วย ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะมีนิสัยเฉพาะตัว และการที่สามารถให้กำเนิดลูกอย่างหลิงเล่แบบนี้ และมีเพียบพร้อมไปด้วยฐานะ อำนาจ ความหรูหรา และนิสัยเฉพาะตัวของลูก

เธอขมวดคิ้งอย่างไม่รู้ตัว

ถึงแม้หน้าตาจะดูไม่คล้ายกัน แต่สัมผัสที่หกบอกเธอ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่จิตใจดีงานและอ่อนแอ หรือเป็นคนที่สามารถเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างไม่สะทกสะท้าน

“นี้คือแม่ของคุณ?”

เธอพูดไปอย่างงงงวย

หลิงเล่ก็พยักหน้าเล็กน้อย 

เธอชำเลืองตามอง และมองไปทางหลิงเล่ ซึ่งดวงตานั้นมองไปทางแผ่นศิลาจารึกที่มีไว้สำหรับความรักความคิดถึงและความผูกพัน จึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่ฉวีซือเหวินเคยพูด ว่าแม่ของเขาช่วยชีวิตของหลิงเล่ไว้

แสงแดดส่องอยู่บนตัวของเขาอย่างอบอุ่น แต่ในเวลานี้ แสงแวววาวที่สุดในสายตาของเธอคือเขา

ช่อดอกไม้กับแชมเปญทั้งหมดได้วางไว้แล้ว และจั๋วหรันกับจั๋วซีแยกกันอยู่สองฝั่งซ้ายขวาและรออย่างเงียบๆ

มู่เทียนซิงเดินออกมาจากด้านหลังรถเข็นมาอยู่ข้างๆหลิงเล่ แล้วโค้งคำนับต่อรูปผู้หญิงข้างหน้า“คุณป้า ฉันชื่อมู่เทียนซิง วันนี้เป็นวันถึงแก่กรรมของท่าน ฉันกับหลิงเล่มาเยี่ยมท่านด้วยกัน”

พูดเสร็จ ก็ลากมือใหญ่ๆข้างหนึ่งไป แล้วจับไว้แน่น และอยู่เป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบสงบ

ระหว่างใจลอย เธอก็คิดว่า ถ้าเวลาสามารถหยุดเดินได้ เธอกับหลิงเล่ก็จะเป็นเพื่อนกันที่เข้ากันได้ดีแบบนี้ และอบอุ่นมากๆ

แต่ความคิดแบบนี้ไม่เพียงแต่จะถูกตัวเองปฏิเสธ

การแต่งงานระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลมู่ ถือกำเนิดภายใต้สัญญาของพวกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย และตอนนี้สัญญาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความสัมพันธ์ของเธอกับหลิงเล่ เริ่มจากการเป็นสามีภรรยากันโดยยังไม่ได้แต่งงาน แล้วตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ ซึ่งไม่นับว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน

เธอรู้ว่า ชีวิตนี้เธอจะไม่ลืมหลิงเล่

สำหรับเขา เธอคือคนที่พิเศษมากๆคนหนึ่ง

ลมพัดเบาๆ และบางครั้งก็มีผีเสื้อตัวเล็กๆสีขาวๆหลายๆตัวบินวงเวียนอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างสนุกสนาน

จู่ๆมู่เทียนซิงก็ชำเลืองตาไปมอง มองอย่างชะล่าใจเล็กน้อย แล้วพูดออกไปอย่างระมัดระวัง“อา คุณจะลืมฉันไหม?”

หลิงเล่เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอ 

ทิศทางที่เธออยู่ จะเป็นทิศทางที่มีแสงแดดส่องเข้ามาอยู่ตลอด ทำให้ดูเปล่งประกายระยิบระยับ อบอุ่น และดวงตาที่มีประกายสดใสเต็มไปด้วยความหวัง

มู่เทียนซิงพูดอีกว่า“หลังจากพรุ่งนี้เมื่อกลับไปถึงเมือง M ฉันต้องกลับบ้านตระกูลมู่ อาก็กลับคฤหาสน์จื่อเวย และต่อจากนี้ไป ในชีวิตนี้ของพวกเราจะได้กลับมาเจอกันอีกไหม?”

เขามองตาเธอ แต่ยังไม่พูดอะไร

พวกเขาสบตากันอย่างนี้เป็นเวลานาน ราวกับจะเก็บสายตาทั้งสายตาเรือนร่างทุกส่วนไว้ในใจอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนจะยังมองไม่พอ และเหมือนว่านอกจากสายตาของพวกเขาแล้ว ก็มองไม่เห็นสิ่งต่างๆในโลกนี้เลย

จนกระทั่งโทรศัพท์ของจั๋วหรันดังขึ้น หลิงเล่จึงดึงสายตากลับมา แล้วปล่อยมือเล็กๆของเธอที่จับไว้แน่นก่อน

“ซื่อซ่าว,เมื่อกี้คุณชายหนีโทรมาบอกว่า ที่คฤหาสน์ชิงหวั่นได้เตรียมอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เชิญท่านกับคุณหนูมู่ไปทานด้วยกัน”

ระหว่างทางกลับ บนรถไม่มีใครพูดอะไรเลย

แต่ไม่รู้ว่าหลิงเล่จับมือของมู่เทียนซิงตั้งแต่เมื่อไร และมู่เทียนซิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ทั้งสองคนนั่งเคียงข้างกัน โดยที่ทั้งสองหันหน้าออกไปคนละฝั่ง ซึ่งหันออกไปมองนอกหน้าต่าง และจริงๆบรรยากาศแบบนี้ดูแปลกไปเล็กน้อย

จั๋วซีรู้สึกร้อนใจมากๆ เพราะเขาหวังว่าคุณหนูมู่จะสามารถอยู่ข้างๆซื่อซ่าวถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งงานกันก็ไม่เป็นไร พวกเขาก็สามารถคบกันได้อย่างอิสระ และแต่งงานกันได้

เมื่อขับรถมาถึงทางแยกแยกหนึ่ง จั๋วหรันจึงจอดข้างถนนครู่หนึ่ง

“ซื่อซ่าวพาคุณหนูมู่ไปด้วยกันไหม?”

ทางซ้ายคือทางกลับโรงแรม

ทางขวาคือทางไปคฤหาสน์ชิงหวั่นของตระกูลหนี

หลังจากที่หลิงเล่เสียแม่ไปตั้งแต่ 6 ขวบ บ้านตระกูลหนีก็เปรียบเสมอบ้านของแม่ของหลิงเล่ และคู่สามีภรรยาหนีจื่อหยางก็ดูแลเขาเหมือนเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ หลิงเล่ไม่รู้สาเหตุนั้นคืออะไร แต่ที่ผ่านมารู้สึกซาบซึ้งใจจากใจจริง

เขามองหน้าสวยๆของมู่เทียนซิง“คุณอยากจะไปไหม?” 

ถ้าไป ก็ไปเจอสมาชิกในครอบครัวของเขา

ถ้าไปเจอคนในครอบครัวของเขาแล้ว เขาก็จะไม่ให้โอกาสเธอหนีไปอีกแล้ว

มู่เทียนซิงมองสายตาที่ซับซ้อนของเขา แล้วใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ซึ่งยิ่งเต้นยิ่งแรงขึ้น