บทที่ 30 สถานการณ์ของถังหว่าน
บทที่ 30 สถานการณ์ของถังหว่าน
อาคารหมิงติ้ง
ภาควิชาดนตรี ฮวนหยิง เอนเตอร์เทนเมนต์
ถังหว่านสวมเสื้อโค้ทยาวสีคราม กางเกงสแล็กสีกรมท่า และรองเท้าส้นสูงที่มีความสูงห้าถึงหกเซนติเมตร หญิงสาวกำลังก้าวย่างอย่างสง่างามไปตามทางเดินของบริษัท
เมื่อเธอได้พบกับพนักงานบริษัทหรือนักร้องคนอื่น ๆ เธอจะพยักหน้าให้ทุกครั้งที่มีใครทักทายเธอ
“พี่หว่าน ฉันได้ยินมาว่าผู้อำนวยการหลิวพาจางเสี่ยวหมันไปเยี่ยมเว่ยซินหมินเป็นการส่วนตัว และแต่งเพลงให้จางเสี่ยวหมันสำเร็จแล้ว!!” ผู้ช่วยซุนเหมิงรายงานด้วยสีหน้าโกรธจัด
“จางเสี่ยวหมันเพิ่งออกเพลงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ทำไมบริษัทถึงกระตือรือร้นที่จะซื้อเพลงให้เธออีก?” ถังหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ว่ากันว่าจางเสี่ยวหมันต้องการจะไปถึงระดับไมค์ทองคำ และชนะที่หนึ่งในการขายของเดือนแรกในปีหน้า” ซุนเหมิงกล่าวอย่างเจ็บใจ
ถังหว่านเงียบ…
เธอไม่ได้ออกเพลงใหม่ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะเธอกำลังเตรียมอัลบั้มเพลงชั้นยอดของตัวเอง ความนิยมของเธอจึงลดลง
จางเสี่ยวหมันไม่เพียงแต่ออกอัลบั้มที่มีผลงานดีในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังได้ปล่อยเพลงดี ๆ อีกสองเพลงบนแพลตฟอร์มเพลงออนไลน์ด้วย ความนิยมของถังหว่านในตอนนี้จึงมีแนวโน้มที่จะต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน!
เธอรู้สึกว่าบริษัทมีความลำเอียงเล็กน้อย
เธอต้องการเพลงดี ๆ และเพลงที่เธอได้รับจากบริษัทก็ดูยุ่งเหยิงไปหมด แม้ว่าเธอจะไปถามเว่ยซินหมินเป็นการส่วนตัว แต่เธอก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธทันที
ผู้กำกับหลิวยังพาจางเสี่ยวหมันไปหาเว่ยซินหมินด้วยตัวเขาเอง ซึ่งเป็นเหมือนกับการตบหน้าเธอ
หากคนอื่นรู้ว่าเธอไม่สามารถขอเพลงได้ แต่บริษัทกลับขอเพลงใหม่ให้จางเสี่ยวหมัน มันยิ่งจะทำให้เธอดูแย่ลงเท่านั้น
“ลืมมันไปซะ!”
ถังหว่านไปที่ห้องรับรองพิเศษของเธอ และได้รับเพลงใหม่มากมายที่บริษัทเพิ่งได้รับมาจากซุนเหมิง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการอ่านเนื้อเพลง ใบหน้าของเธอดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย
จากเกือบยี่สิบเพลง มีแค่สองเพลงที่มีคุณภาพดี…
แต่สองเพลงนี้เหมาะกับนักร้องชายเท่านั้น
“พี่ว่านพอใจไหม?” ซุนเหมิงถามอย่างกังวล
ถังหว่านส่ายหัว หญิงสาวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เธอเป็นคนมีเหตุมีผล และรู้ว่านักร้องต้องการผลงานมากที่สุด แต่เธอไม่ใช่นักร้องที่มีความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นหากเธอต้องการได้ผลงานที่ดี หากไม่ให้บริษัทช่วยหาซื้อเพลงมาให้ เธอก็ต้องแต่งมันขึ้นมาเองหรือหามาเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มันก็ยากมากที่จะหาเพลงดี ๆ มาได้
เสียงประตูห้องถูกผลักเปิดออก เฉินอ้ายหลินที่ดูเย็นชากำลังก้าวเข้ามา
“พี่อ้ายหลิน” เห็นได้ชัดว่าซุนเหมิงเกรงกลัวเฉินอ้ายหลิน จึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อทักทายเธอ
เฉินอ้ายหลินเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา จากนั้นก็จ้องไปที่ถังหว่านและพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “ถังหว่าน ฉันต้องการคุยกับคุณ”
“ฉันก็ว่าจะคุยกับคุณเหมือนกัน” ถังหว่านกล่าว
ซุนเหมิงมองดูคนทั้งคู่และรีบออกจากห้องรับรอง
“ถังหว่าน ฉันเพิ่งพบโจวอี้ที่โรงเรียนอนุบาลของลูกสาวคุณ พูดตามตรง ฉันผิดหวังและรังเกียจเขามาก!” เฉินอ้ายหลินกล่าวเสียงเรียบ แต่เจือไว้ด้วยความขุ่นเคือง
“แล้วยังไงต่อ?” ถังหว่านถาม
“รักษาระยะห่างกับเขาซะ เป็นการดีกว่าที่จะไม่ให้เขาติดต่อกับคุณและลูกสาวของคุณอีก มิฉะนั้นถ้าข้อมูลของคุณรั่วไหล มันจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคุณ” เฉินอ้ายหลินกล่าวอย่างจริงจัง
“ฉันไม่สามารถกำจัดเขาได้ ในเมื่อพวกเรามีลูกด้วยกัน” ถังหว่านส่ายหัว
“เหมียวเหมี่ยวเป็นลูกสาวของเธอกับเขาจริง ๆ เหรอ?”
“เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตของฉัน” ถังหว่านเอ่ยเสียงเรียบ
“ถ้าเขาไม่เต็มใจที่จะจากไป คุณควรยกเรื่องการดูแลเหมียวเหมี่ยวให้เขา คุณควรให้ความสำคัญกับงานของคุณในอนาคต”
“เป็นไปไม่ได้!” เสียงของถังหว่านเย็นลงเล็กน้อย เธอปฏิเสธออกไปอย่างเด็ดขาด
“ถังหว่าน อย่าเอาแต่ใจ แล้วฟังฉันดี ๆ คุณสังเกตเห็นไหม? เพราะคุณปฏิเสธที่จะเข้าร่วมรับประทานอาหารกับคุณกั่วเมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจึงลดทรัพยากรของคุณทั้งหมด ทีนี้ถ้าโดนแฉว่ามีลูกสาวและสามีอีก เชื่อไหมว่าบริษัทจะเขี่ยคุณทิ้งทันที!” เฉินอ้ายหลินขู่
“บริษัทได้สัญญากับฉันแล้วว่าจะเพิ่มจำนวนการแสดงเชิงพาณิชย์ให้ฉัน” ถังหว่านกล่าว
“มันไม่มีประโยชน์” เฉินอ้ายหลินหัวเราะเยาะ
ถังหว่านมองผู้จัดการส่วนตัวของเธออย่างเงียบ ๆ และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมาเล็กน้อย
เธอรู้จักตัวตนของเฉินอ้ายหลินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนแรกอีกฝ่ายก็ดีกับเธอมาก แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หลังจากที่เธอกลายเป็นนักร้องแนวหน้า อีกฝ่ายกลับมองว่าเธอเป็นเพียงนักปั่นเงินเท่านั้น
เธอได้นำประโยชน์มากมายมาให้อีกฝ่ายด้วยความพยายามของเธอเอง ซึ่งนั่นก็ควรจะถือว่าเป็นการตอบแทนแล้ว!
“สัญญาผู้จัดการส่วนตัวของฉันจะครบกำหนดในแปดเดือนใช่ไหม?” ถังหว่านถาม
“คุณถามแบบนี้หมายความว่ายังไง?” สีหน้าของเฉินอ้ายหลินพลันเปลี่ยนไป
“ตามสัญญา ฉันจะออกอัลบั้มอื่นได้ใช่ไหม?” ถังหว่านถามอีกครั้ง
ก็ใช่…
“แล้วงานต่อไปของฉันก็จะใส่ไว้ในอัลบั้มใหม่ ฉันจะร่วมมือกับบริษัทเพื่อดำเนินการในเชิงพาณิชย์ต่อไปนี้ให้เสร็จ และไม่รับการแสดงเชิงพาณิชย์ใหม่อีก หลังจากออกอัลบั้มใหม่แล้ว บริษัทก็เต็มใจที่จะช่วยฉันทำรายการทางอินเทอร์เน็ตด้วย ฉันรู้สึกขอบคุณมาก แต่ถ้าคุณไม่อยากทำ ก็ทำตามที่คุณต้องการเลย!” ถังหว่านกล่าว
“จะไม่ต่อสัญญาเหรอ?”
“ใช่” ถังหว่านยอมรับโดยตรง
“เอาล่ะ! ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนเนรคุณแบบนี้! ฉันเคยตาบอดและปลูกฝังคุณให้เป็นหมาป่าตาขาว*[1]” เฉินอ้ายหลิน โกรธจัดจนแทบอยากจะพุ่งเข้าไปตบถังหว่าน
“พี่อ้ายหลิน คุณรู้ไหมว่าฉันทำเงินให้คุณได้เท่าไหร่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เพียงเพราะฉันปฏิเสธที่จะไปรับประทานอาหารกับลูกค้า บริษัทก็ลดทรัพยากรของฉัน และดันจางเสี่ยวหมันออกมาสู้กับฉันบนเวที รู้อะไรไหม ลูกสาวของฉันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน แต่ข้อกำหนดอะไรมากมายที่คุณเพิ่งหยิบยกมาให้ฉัน ให้ฉันเลิกดูแลลูก? และยังคิดว่าฉันไม่อยากต่อสัญญากับบริษัท หรือว่าคุณกำลังจะบังคับให้ฉันออกไป?” ถังหว่านกล่าวอย่างเฉยเมย
“ฉัน…!”
ความโกรธของเฉินอ้ายหลินกำลังจะระเบิด
ใช่! เธอรู้ว่าตัวเองกำลังบังคับให้ถังหว่านทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
ทว่าเหตุผลที่เธอโกรธในตอนนี้ก็คือโจวอี้ ชายคนนั้นทำให้ถังหว่านต้องขัดแย้งกับเธอ
เธอไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ถังหว่าน ท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นนักร้องแนวหน้า แม้ว่าชื่อเสียงของเธออาจจะเสียหายในอนาคต แต่ก็ยังน่าจะอยู่ในตำแหน่งนักร้องแถวที่สอง อย่างไรก็ตาม นักร้องในระดับสองก็ยังคงสามารถสร้างรายได้มากมายให้กับเธอและบริษัท!
เฉินอ้ายหลินพยายามสงบจิตใจลง จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ถังหว่าน ฉันรู้ว่าสิ่งที่เราเพิ่งพูดไปนั้นเป็นคำพูดที่ไม่ดีนัก ฉันไม่ต้องการให้คุณทิ้งเหมียวเหมี่ยวเพียงเพราะการปรากฏตัวของโจวอี้ แต่กลัวว่าเขาอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพของคุณ”
ถังหว่านได้ยินคำพูดนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร
ส่วนเฉินอ้ายหลินยังกล่าวต่ออีกว่า “ฉันจะกลับไปคุยกับผู้กำกับหลิวและตงซูเพื่อพยายามแบ่งทรัพยากรมาให้คุณ เราจะพยายามทำให้อัลบั้มใหม่ออกมาไวกว่านี้ ส่วนงานทำรายการ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยคุณ”
[1] หมาป่าตาขาว ความหมายเดิมคือ คนที่มีใจอำมหิต แต่ต่อมาใช้ในความหมายว่า คนอกตัญญู