ค่ำคืนผ่านพ้น และจั๋วฝานก็เดินออกห้องเขา เขาได้รับการต้อนรับด้วยแสงแดดอบอุ่น แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาดั่งเดิม

หลังผ่านการวิเคราะห์ เขาก็ตัดสินใจจู่โจม กลางคืนคือโอกาสอันดีให้เขาขโมยยาหยกโพธิ์ ซึ่งเป็นตอนที่ฉู่ชิงเฉิงอยู่ลำพัง

มันคงดีสุดถ้าราบรื่น ถ้าไม่ราบรื่น มันก็ช่วยไม่ได้ เขาจะไม่ลังเลถ้าต้องฆ่าถ้าเกิดมันทำให้เขาได้รับยา

เขาคือจักรพรรดิปีศาจและแม้กระทั่งผู้หญิงก็ยืนขวางทางเขาไม่ได้

จั๋วฝานก้าวไปทางห้องของฉู่ชิงเฉิง จากการย่างก้าว คนสามารถเห็นได้ถึงความมุ่งมั่น

แต่ยิ่งเข้าใกล้ เขายิ่งรู้สึกแปลก ทำไมถึงมีคนในหมู่ตึกน้อยจัง?แม้กระทั่งแขกก็ไม่มี

“หลบ หลบ!”

เสียงร้องตะโกนอย่างเร่งรีบมาจากร่างในชุดแดง มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสี่ยวตานตาน

เขาคิดสักพักและหายตัวไปตรงหน้านาง

ปึก!

เสี่ยวตานตานดูเหมือนจะชนกับกำแพงเหล็กและล้มกับพื้น นางลูบก้นกับหัวด้วยความเจ็บ

“ใครกันที่ตามืดบอกกล้าขวางทางข้า..”เสี่ยวตานตานก่นด่าแต่ก็สำลักคำพูดตอนเห็นจั๋วฝาน

จั๋วฝานจ้องนางอย่างเย็นชา”เจ้าพูดว่าไงนะ?”

นางก้มหัวและหน้าแดงเล็กน้อยขณะเดินผ่านเขาไป

จั๋วฝานยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่[นางเคยหยิ่งไม่ใช่เหรอ?ทำไมจู่ ๆ นางถึงเปลี่ยนไป?]เขาคว้าแขนนาง

เสี่ยวตานตานตัวสั่นและแก้มนางก็ยิ่งแดงกว่าเดิม

จั๋วฝานเมินความเขินอายของนางและพูด”เจ้าจะไปไหน?ทำไมหมู่ตึกฮัวอวี่ถึงเงียบนัก?ทุกคนไปไหนหมด?”

“อ่อ นั่นเพราะพวกเขาไปเจอนายน้องหวงปู้”

จั๋วฝานขมวดคิ้ว”หวงปู้..คนจากประตูจักรพรรดิหรือ?ทำไมเขาถึงมาเร็วนัก?”

“คนที่มาคือนายน้อยสองแห่งประตูจักรพรรดิ หวงปู้ชิงหยุน ข้าได้ยินว่าเขากับเจ้าหมู่ตึกฮัวอวี่เป็นคู่รักในวัยเด็ก ด้วยเขาที่มา ราชาเม็ดยาอสูรย่อมไม่กล้าสร้างปัญหา”

หัวใจของจั๋วฝานสั่นคลอน

[สารเลว!ข้าตัดสินใจโจมตี แต่กลับมียอดฝีมือมา และเขายังเป็นคู่รักวัยเด็กของฉู่ชิงเฉิง?]

[ข้าจะทำอะไรได้ถ้าเกิดสองคนนั้นตัวติดกัน?]

จั๋วฝานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและดูอาฆาต”ไป ข้าอยากไปเจอนายน้อยหวงปู้ผู้ยิ่งใหญ่”

“ผู้ยิ่งใหญ่?เจ้าจะหยาบคายกับนายน้อยแห่งประตูจักรพรรดิ…”เสี่ยวตานตานกำลังจะแนะนำให้เขายับยั้งอารมณ์ แต่จั๋วฝานกลับลากนางไปด้วยก่อนนางจะได้พูดอะไร

เสี่ยวตานตานมองมือที่โดนจับแต่ไม่พูดอะไร หัวใจของนางเต้นกระหน่ำเหมือนกวางน้อย ท่าทางแข็งกระด้างของจั๋วฝานทำให้หัวใจของนางกระสับกระส่ายไม่หยุด

นางปรารถนาให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้

แต่ทว่าไม่ช้าทั้งคู่ก็ไปถึงทางเข้าหมู่ตึกฮัวอวี่ ทั้งคู่มองฝูงชน จั๋วฝานปล่อยมือนาง ซึ่งทำให้นางรู้สึกใจหวิว

[บัดซบ!ประตูจักรพรรดินั้นยิ่งใหญ่เกินไป!พวกเขาเหมือนองค์จักพรรรดิ!ตระกูลอื่นถึงกับต้องมาต้อนรับเยี่ยงนี้!]

ฉากนี้ทำให้เขาตกใจ

จากตระกูลระดับหนึ่งถึงสาม ทุกคนต่างคุกเข่าที่ด้านข้าง และพวกตระกูลใหญ่ก็ยืนล้อมรอบทางเข้าหมู่ตึกฮัวอวี่เป็นการต้อนรับ

นี่คือบ้านหลักของหมู่ตึกฮัวอวี่ แต่การต้อนรับนั้นยิ่งใหญ่กว่าตัวเจ้าหมู่ตึกซะเองอีก

ประตูจักพรรรดิแข็งแกร่งจนสามารถข่มเหงอีกหกได้เลยเชียวหรือ?

คงเป็นงั้น ด้วยความหยิ่งยโสของเจ็ดตระกูลใหญ่ พวกเขาคงไม่มีทางยอมรับเรื่องเสียหน้าเช่นนี้

ใบหน้าของเขาดำมืด ดวงตาของจั๋วฝานเหมือนเหยี่ยว มองจากระยะไกล

ตรงกลางถนน เกี้ยวสีเหลืองปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา

เกี้ยวเหลืองนี้ราบเรียบ แต่มีคนสี่คนแบกมัน และทั้งหมดคือยอดฝีมือระดับนภา!

[สวรรค์ไม่เห็นใจข้า!ยอดฝีมือนภา?!อีกหกตระกูลใหญ่มีพวกเขาเป็นผู้อาวุโส แต่เจ้ากลับใช้พวกเขาเป็นคนแบกของ?!]

ใบหน้าของจั๋วฝานกระตุก หมัดของเขาเกร็ง ประเด็นของผู้บ่มเพาะนภาสี่คนสามารถข้ามได้ สิ่งสำคัญคือ พลังของประตูจักรพรรดินั้นช่างเหลือเชื่อ

ข่าวลือไม่ได้เกินจริง มันมากกว่าด้วยซ้ำ!

อีกหกตระกูลได้แต่หดหัวด้วยความกลัว!ตอนเกี้ยวเหลืองผ่านมาใกล้ พวกเขาจะเดินไปข้างหน้าและก้มหัว

“ฮ่าๆๆ ข้ายังเป็นผู้เยาว์ ข้าจะลำบากให้ผู้อาวุโสของหกตระกูลมาต้อนรับข้าได้เยี่ยงไร?”

เสียงหัวเราะเสแสร้งดังจากเกี้ยว มันดูแข็งแกร่งและลึกล้ำอย่างมาก พลังอันหนักหน่วงได้แผ่กลิ่นอายประดุจขุนเขากดทับหัวใจพวกเขา ขโมยพลังที่จะต่อต้าน

นี่คือพลังที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง

ภายใต้คำพูดใจดีของเขา ทุกคนกลับตัวสั่นสะท้าน รู้ว่าคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอวดดี เขาทำอย่างนี้ต่อหน้าผู้อาวุโสแค่เพื่ออวดพลัง

พวกเขาจำต้องยอมรับ ไม่มีใครที่นี่กล้าเถียงเรื่องพลังวิญญาณ ไม่แม้แต่ผู้อาวุโสของเจ็ดตระกูลใหญ่

พลังวิญญาณของคนในระดับนภาจะบ่งบอกถึงศักยภาพกับพลังที่จะเข้าสู่ระดับเซียน ไม่มีใครยินดีแต่พวกเขาต้องยอมรับมันว่าอีกไม่ช้าประตูจักรพรรดิคงมียอดฝีมือระดับเซียนอีกคน

พลังของเขาเป็นที่ยอมรับว่าจะไม่ด้อยกว่าเซียนกระบี่ขลุ่ยหยกเทวะ ฟางฉิวไป่

ทุกคนสวมใบหน้าเคร่งเครียด มีแค่ฉู่ชิงเฉิงถึงเงยหน้าด้วยความยินดี เขาคือคนที่นางเชิญมาเอง ยิ่งเขาแกร่ง ยิ่งเขาน่าเกรงขาม เขายิ่งมีความสามารถช่วยเหลือหมู่ตึกฮัวอวี่

“ชิงหยุน เราไม่เจอกันมาตั้งสิบปี แต่เจ้ากลับแข็งแกร่งขึ้นมาก ข้าคงไม่ใช่คู่มือเจ้าแล้ว”ฉู่ชิงเฉิงยิ้ม

“ฮ่า ๆๆ ชิงเฉิง อย่าหยอกล้อข้าเลย ข้าไม่มีวันกล้าทำร้ายเจ้า”

ผ้าไหมของเกี้ยวถูกยกขึ้น และชายหนุ่มหล่อในวัย 20 ก็ก้าวออกมา ประกายตาในดวงตาของเขาลึกล้ำเสียยิ่งกว่าเหล่าผู้อาวุโส และเขาก็มีรัศมีสีทองรอบตัวเขาเช่นกัน

[ระดับนภาขั้นสอง ผู้บ่มเพาะกายา!]จั๋วฝานหรี่ตา

จั๋วฝานสามารถฆ่าโหยวกุ่ยฉีได้ง่าย ๆ เพราะตาแก่นั่นแค่งั้น ๆ เขาไม่มีร่างกายที่อึดทนอะไร

แต่ทว่า ผู้บ่มเพาะกายาระดับนภานั้นจัดการได้ยากมาก

จั๋วฝานถอนหายใจและมองผู้อาวุโสห้าของโหยวหมิงกู่ เขาสังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสคนนี้เองก็มีกายเพชร

แม้กระทั่งจั๋วฝานก็รับมือกับสองผู้บ่มเพาะกายาไม่ได้

[เรื่องชักซับซ้อน]จั๋วฝานเดาะลิ้น

เสี่ยวตานตานคิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับหมู่ตึกฮัวอวี่และปลอบเขา”ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนจิตใจดี ถึงกับเป็นห่วงเรา แต่ไม่ต้องห่วง ด้วยนายน้อยหวงปู้ชิงหยุน ราชาเม็ดยาอสูรจะต้องมอบยาแก้พิษให้อย่างเชื่อฟังเป็นแน่”

[ฮึ่ม ใครห่วงเจ้ากัน!]

เขาส่ายหัว แต่ดวงตากลับจับจ้องหวงปู้ชิงหยุน

[เขาไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ]

เป็นครั้งแรกในชีวิต อาการสั่นได้วิ่งผ่านตัวหวงปู้ชิงหยุน และเขาก็หันไปมองทางจั๋วฝาน

พอเห็นเขากับเสี่ยวตานตาน เขาก็หรี่ตา”ชิงเฉิง ตั้งแต่เมื่อไรที่หมู่ตึกฮัวอวี่ต้อนรับผู้ชาย?”

ฉู่ชิงเฉิงมองจั๋วฝานและพูด”เขาเป็นว่าที่เขยของเรา เจ้าไม่รู้หรือว่าผู้ชายต้องแต่งเข้าหมู่ตึกฮัวอวี่?”

หวงปู้ชิงหยุนเลิกคิ้วและพยักหน้า”ถึงกับแต่งเข้าหมู่ตึกฮัวอวี่ได้ เขาต้องเป็นยอดคนแน่ ข้าสงสัยว่าเมื่อไรข้าจะได้รับเกียรตินั้นบ้าง”

หวงปู้ชิงหยุนกำลังยิ้มแย้ม แต่ฉู่ชิงเฉิงกลับกลอกตา ด้วยสีแดงแต่งแต้มบนแก้ม

หวงปู้ชิงหยุนหัวเราะหนักขึ้น ขณะที่ผู้อาวุโสแสดงสีหน้าเคร่งเครียด[แม้จะเป็นนายน้อยสองแห่งประตูจักรพรรดิ เขาก็ยังหยิ่งเกินไป เขาถึงกับกล้าจีบเจ้าหมู่ตึกฮัวอวี่ต่อหน้าเรา?]

“ฮึ่ม ข้าอยากฝึกมากกว่าตอนนี้!”

เซี่ยเทียนหยางจะออกแต่เจี้ยนซุยเฟิงกลับดึงเขามา จากนั้นหวงปู้ชิงหยุนก็ยิ้มให้เขา”เจ้าต้องเป็นนายน้อยสองแห่งตำหนักกระบี่ถึงได้มีท่าทางเช่นนี้!”

เซี่ยเทียนหยางไม่สนใจและเจี้ยนซุยเฟิงก็ต้องขอขมาแทน”อภัยให้เขาด้วย นายน้อยสองเทียนหยางเป็นเด็กที่ข้าสั่งสอนไม่ดีเอง โปรดมองข้ามเรื่องนี้’

“ไม่เป็นไร นายน้อยเซี่ยต้องเป็นคนหุนหันพลันแล่น ข้าอยากเป็นเพื่อนกับคนเช่นนี้นัก!”

หวงปู้ชิงหยุนเดินไปหาเซี่ยเทียนหยางและวางมือบนไหล่เขา

“นายน้อยสอง!”เจี้ยนซุยเฟิงตื่นตระหนก

หวงปู้ชิงหยุนยิ้มให้เซี่ยเทียนหยาง แม้น้ำเสียงจะเย็นชา”ข้าชอบคนตรงไปตรงมาอย่างนายน้อยเซี่ยเป็นที่สุด ข้าคงเบื่อแย่ถ้าเห็นแต่พวกกวางตัวเมีย ฮ่าๆๆ”

วินาทีที่มือของหวงปู้ชิงหยุนแตะไหล่ของเซี่ยเทียนหยาง เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่กระจายไปทั่วร่างกาย เขาไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้แค่ยืนกัดฟันด้วยความเจ็บปวดและยืนตัวตรงเหมือนลูกศร หวงปู้ชิงหยุนพอใจกับบทเรียนและหัวเราะขณะเดินผ่านไป

เจี้ยนซุยเฟิงถอนหายใจ”เทียนหยาง ทำไมเจ้าถึงทำตัวแบบนี้?ข้าบอกเจ้าแล้วว่าคนของประตูจักพรรรดิถนัดการคว้าหัวใจคน ใครก็ตามที่ขัดคำสั่งพวกเขาต่างต้องทนทุกข์”

“ผู้อาวุโสแปด ตอนนี้ข้าเข้าใจความรู้สึกของหนิงเอ๋อร์แล้ว ข้าไม่เคยรู้เลยว่าตำหนักกระบี่จะมีวันนี้เช่นกัน!”

เหงื่อไหลหยดบนหน้าของเซี่ยเทียนหยาง.”ข้าจะจำหวงปู้ชิงหยุนผู้นี้ไว้ วันนั้นจะมาถึงเมื่อข้าตอบแทนความเมตตาของเขา!’

เจี้ยนซุยเฟิงส่ายหัว

เป็นเวลานับพันปีที่ประตูจักรพรรดิยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเจ็ดตระกูลใหญ่[ต่อให้ไม่เต็มใจ ทั้งหมดที่ทำได้คืออดทน]

ขณะที่เกิดเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าจั๋วฝานที่ยืนตรงมุมกำลังจ้องเขม็ง ดวงตาของเขาเย็นชาและหมัดก็กำแน่น

“ซ่งอวี่ เป็นอะไร?ใบหน้าของเจ้าน่ากลัวมาก”เสี่ยวตานตานถาม

จั๋วฝานส่ายหัว”ไม่มีอะไร เจ้าจะทำอย่างไรถ้าพี่น้องของเจ้าโดนแบบนั้น?”

นางมองเขาด้วยความประหลาดใจ ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนจากเขาเป็นครั้งแรก”ขึ้นอยู่กับว่าเป็นใคร ข้าจะพาพี่น้องข้าไปจัดการกับคนธรรมดาหรือบอกอาจารย์ข้าถ้ามันเกี่ยวกับเจ็ดตระกูลใหญ่”

“ฮึ่ม มันจะไปมีประโยชน์อะไร?”จั๋วฝานหรี่ตาขณะแสดงจิตสังหารออกมา”ในทางกลับกัน ข้าจะบดขยี้ใครก็ตามที่มาทำอะไรพี่น้องของข้า!’

น้ำเสียงเยือกเย็นของเขาทำให้เสี่ยวตานตานตัวสั่น ราวกับนางไม่รู้จักเขา…