บทที่ 43 ขโมย

“เฉินหยาง! เจ้าเป็นขโมย แต่ปรักปรำผู้อื่นให้เป็นแพะรับปาบแทนเจ้า เจ้าทำผิดอย่างมหันต์!”

“ไม่ผิดจากที่คาดสักนิด ข้าเห็นเจ้าชอบหายตัวไป ที่แท้คือแอบไปขโมยของนี่เอง!”

“ใช่ ของ ๆ ข้าหายไปหลายชิ้นเลยทีเดียว มีขโมยอยู่ในหอนอนเดียวกับเรา!”

“ท่านอาจารย์ !จะเก็บคนแบบนี้ไว้ไม่ได้นะขอรับ ครั้งนี้เขาขโมยเงินข้า ครั้งหน้าไม่รู้จะหยิบฉวยอะไรไปอีก!”

ชั่วพริบตาเดียวคำครหาทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่เฉินหยาง

หลักฐานได้มัดตัวเขาอย่างแน่นหนา เห็นได้ชัดเจนว่าเฉินหยางได้ขโมยของอะไรไปบ้าง .. แต่เจ้าหัวขโมยกลับป้ายความผิดให้ผู้อื่น เขาทำผิดต่อต้าเป่าอย่างมาก! พฤติกรรมของเขาเลวร้ายเกินกว่าที่จะเป็นว่าที่บัณฑิตได้ น่าเสียดายที่เขาเป็นศิษย์ในสำนักศึกษานี้!

อาจารย์กัวตัดสินใจขับไล่เฉินหยางออกจากสำนักหงเหวิน ชายหนุ่มตื่นตระหนก และไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีผู้ใดเห็นใจเขา

เพื่อนร่วมหอนอนของเฉินหยางเก็บเอาข้าวของของชายหนุ่มแล้วโยนมันใส่หน้าเขา

“ไปซะ! ช่างน่าเศร้าที่ข้าเคยอยู่ร่วมห้องกับเจ้า!”

“ท่านอาจารย์ ..ได้โปรดเถิด .. หากข้าถูกไล่ออกอนาคตของข้าคงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้แน่ ! “ เฉินหยางอ้อนวอนขอร้อง

ถ้าถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาล่ะก็มันจะเป็นรอยด่างในชีวิตเขาไปตลอด เขาจะไม่สามารถสอบเข้าเป็นขุนนางได้ ชีวิตเขาคงจะจบสิ้นลงตรงนี้ !

“ถ้าเจ้าไม่ไปดี ๆ ข้าจะให้คนลากเจ้าออกไป” อาจารย์กัวพูดอย่างเย็นชา

หากถูกลากออกไปล่ะก็ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

เฉินหยางลุกขึ้นยืนด้วยดวงตาแดงก่ำ หยิบข้าวของและเดินออกไป ทุก ๆ ฝีก้าวล้วนหนักอึ้งจนแทบจะเดินต่อไปไม่ไหว

ความเกลียดชังในหัวใจเพิ่มมากขึ้น ทำไมพวกเขาถึงมีท่าทีเช่นนี้? เพียงเพราะเขาหลงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระ มันจึงทำลายชีวิตเขาหรือ?

ข้าจะจดจำความอัปยศอดสูของวันนี้ไว้ หากวันหน้าเขาไปได้ดิบได้ดี เขาจะไม่ปล่อยคนพวกนี้เอาไว้ !!

ถังหลี่กอดเด็กน้อยทั้งสองคนเอาไว้ นางมองไปที่เฉินหยางอย่างไร้ความเมตตา ถ้าหากถังหลี่ไม่ได้มีฝันบอกเหตุล่ะก็ เหตุการณ์ในตอนนี้ก็จะเกิดขึ้นกับต้าเป่า เด็กชายจะเป็นฝ่ายโดนไล่ออกเสียเอง….

***

ถังหลี่ไม่ได้เข้ามาในเมืองบ่อยนัก นางจึงขอเวลาจากอาจารย์กัวสักครึ่งชั่วยาม พาเด็กน้อยทั้งสองออกจากสำนักศึกษาไปเดินเล่น ซื้อเสื้อผ้า และแท่งหมึกเพิ่ม พวกเขามีความสุขมากที่ได้เห็นถังหลี่ ความทุกข์ใจที่มีก่อนหน้านี้หายไป เด็ก ๆ เล่าให้ฟังถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

“ท่านแม่ ข้ารู้คำศัพท์มากขึ้นแล้วนะ”

“ท่านพี่ อาจารย์ชมว่างานเขียนของข้าดีมาก”

“ท่านแม่ ข้าก็เขียนบทความนะ”

เด็กน้อยทั้งสองที่ต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นจะสงบเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ แต่ต่อหน้าถังหลี่พวกเขาเป็นเพียงเด็กน้อยสองคนที่ต้องการคำชมเชยจากมารดา

“ต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ยเอ๋อร์ของข้าน่าทึ่งมาก”

หลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้ว ถังหลี่พาเด็กทั้งสองคนไปส่งที่ทางเข้าสำนักศึกษาที่ เด็กทั้งสองคนยืนเรียงกันแต่ละคนถือห่อผ้าใบเล็กไว้ในอ้อมแขน ในนั้นบรรจุข้าวของที่ถังหลี่มอบให้

ถังหลี่นั่งยอง ๆ ต่อหน้าพวกเขา

“ตั้งใจเรียนให้ดีล่ะ”

ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ไว้คราวหน้าแม่จะมาหาพวกเจ้าอีก” ถังหลี่ลูบหัวของเขา

“ท่านแม่จะมาอีกเมื่อไหร่ขอรับ?” ต้าเป่าเงยหน้ามองถังหลี่จากคาดหวัง แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาเป็นแค่เด็กน้อย ต้องตั้งใจเรียนให้หนัก เพื่อทำให้บิดามารดามีชีวิตที่ดีในอนาคต!

“อาจจะอีกสี่ห้าวัน” ถังหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ลาก่อนท่านแม่” ต้าเป่าพยักหน้าและหอมแก้มของมารดา

“ท่านพี่ลาก่อน”

ถังหลี่อำลาเด็กน้อยทั้งสองหากแต่ยังไม่ได้กลับบ้านในทันที นางวางแผนจะไปที่จวนสกุลเซี่ยเพื่อหาเว่ยฉิง

จวนสกุลเซี่ย

บนลานทรายที่กว้างขวาง เว่ยฉิงนั่งอยู่บนม้านั่ง เขาสวมเสื้อบาง ๆ เผยให้มัดกล้ามที่แข็งแรงบึกบึน ชายหนุ่มคาบดอกหญ้าไว้ในปาก ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูดุร้าย

เหลยหมิงบุรุษที่มีกล้ามเนื้อแน่นนั่งพิงอยู่ข้าง ๆ เว่ยฉิง

“หัวหน้า เด็กคนนั้นพัฒนาขึ้นนะ” เหลยหมิงชี้ไปที่ลานฝึก ผู้ที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งคู่ คือชายหนุ่มที่กำลังท้าดวลกับเหลยเป้า ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของเหลยเป้า เขารับมือได้อย่างไหลลื่น

“เขาจดจำที่ข้าชี้แนะได้เป็นอย่างดี “ เว่ยฉิงพยักหน้า

“แม้ว่าเขาจะเป็นคนแข็งแกร่งเพียงไหน หากแต่เมื่อเจอกับเหลยเป้าแล้วกลับมีจุดอ่อนอยู่ไม่น้อย พอหัวหน้าชี้แนะเขาไปเมื่อครั้งก่อน ครั้งนี้เขากลับต่อสู้ได้นานมากขึ้น …หัวหน้าท่านเก่งจริง ๆ “เหลยหมิงยกนิ้วโป้งให้เวยฉิง

“พูดจาเหลวไหล” เว่ยฉิงปรามเขา เหลยหมิงรู้สึกอารมณ์ดีราวกับว่าได้รับคำชมจากเว่ยฉิง

หลังจากที่เว่ยฉิงขึ้นเป็นหัวหน้าคนคุ้มกันสกุลเซี่ยแล้ว เขาได้ปรับเปลี่ยนหลายอย่าง รวมถึงการฝึกซ้อมทุกวัน…วันล่ะหนึ่งชั่วยาม การฝึกซ้อมนี้มีไว้เพื่อพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเก่งขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงได้ค่าแรงที่เพิ่มมากขึ้น การยกระดับตนเองให้เก่งขึ้นนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อครอบครัวของนายจ้างเท่านั้น หากเป็นความปลอดภัยของตัวผู้คุ้มกันเองอีกด้วย

การฝึกก็คือการท้าดวลกับสองพี่น้องสกุลเหลย ทั้งสองคนผลัดกันรับมือ หากใครเอาชนะพวกเขาได้ ก็จะได้รางวัลเป็นซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ แต่ถ้าหากไม่สามารถเอาชนะได้ล่ะก็ ซาลาเปาไส้เนื้อก็จะตกเป็นของพี่น้องสกุลเหลย ทุกคนล้วนชื่นชอบวิธีการฝึกแบบนี้มาก

ส่วนเว่ยฉิงนั้นแม้จะไม่มีเหลยหมิงหรือเหลยเป้า แต่เขาก็รับมือได้ยากกว่าสองพี่น้องมาก ถึงแม้จะไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะเว่ยฉิงได้ แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะติดตามเว่ยฉิง เป็นเพราะชายหนุ่มสามารถคิดสิ่งที่น่าสนใจได้เสมอ เช่น การฝึกครั้งนี้ และการจัดเวรยามให้เหมาะกับพวกเขาแต่ละคน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีเวลาพักผ่อนและนอนหลับให้เต็มอิ่ม

หลังจากที่อยู่ด้วยกันสักพัก เว่ยฉิงก็ได้รับความเชื่อใจจากผู้คุ้มกันทุกคน

“หัวหน้าเว่ย ท่านอยู่นี่จริง ๆ ด้วย” บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างกระหืดกระหอบ

“มีคนมาหาท่านที่หน้าประตู บอกว่าเป็นภรรยาท่าน”

ทันทีที่บ่าวรับใช้พูดจบ สายตาของผู้คุ้มกันทุกคนก็จับจ้องไปที่เว่ยฉิง

โอ้ ภรรยาของหัวหน้าเว่ยหรือ?

พวกเขารู้ว่าหัวหน้าเว่ยมีภรรยาแล้ว และเขาเกรงใจภรรยามาก เงินเดือนทุกเดือนของเขาก็ให้นางจนหมด

พวกเขาอยากรู้อยากเห็นจริงๆ

เว่ยฉิงรู้สึกประหลาดใจ

ภรรยามาหาเขาหรือ ?

เขาผลุดลุกขึ้นทันที แทบรอไม่ไหวที่จะเดินไปให้ถึงหน้าประตูให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าอย่างกระทันหัน

ตอนนี้เขาใส่ชุดอะไรอยู่ ดูราวกับคนโง่! ช่างน่าอับอายจริง ๆ

เว่ยฉิงรีบวิ่งไปที่เรือนนอนของตัวเอง สวมเสื้อผ้าที่คิดว่าดีที่สุด แล้วจัดแต่งทรงผมให้ดูเรียบร้อย ก่อนที่จะเดินไปที่ประตูหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ต่างพากันมองเขาแทบจะเป็นตาเดียวกัน

หัวหน้าที่เงียบขรึม เย็นชาและโหดเหี้ยมผู้นั้นหายไปไหนแล้ว ? ตอนนี้เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่ดูกระวนกระวาย ทั้งขี้อายและประหม่าเมื่อกำลังจะได้พบสตรีที่ตนมีใจให้

เว่ยฉิงวิ่งออกไปที่ประตู ในพริบตานั้นก็เห็นภรรยาตัวน้อยของตนยืนอยู่ นางถือห่อผ้าเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนและกำลังมองมาที่ประตูจวน ทันทีที่หญิงสาวเห็นเขา รอยยิ้มแสนหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ทำให้เว่ยฉิงรู้สึกหัวใจพองโต

“ภรรยา เจ้ามาแล้ว ..” เว่ยฉิงเดินเข้าไปหา

ถังหลี่มองดูเขา ชายหนุ่มดูคล้ำลง แต่แข็งแรงและสง่าสมชายชาตรีมากกว่าเดิม

“ข้าเอาของมาให้เจ้า”

ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาก้าวเข้ามาบังแสงแดดให้กับนาง ถังหลี่รับรู้ถึงสายตาหลายสิบคู่ที่เฝ้ามองนาง เว่ยฉิงเองก็รับรู้ได้เช่นกัน ใบหน้าเขามืดครึ้มลง เขาเอื้อมมือไปรวบภรรยาเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเพื่อบดบังสายตาจากคนเหล่านั้น

เว่ยฉิงกอดหญิงสาวตรงมุมที่ลับสายตา คราวนี้ไอ้สารเลวพวกนั้นก็จะมองไม่เห็น ไม่ว่าจะพยายามยื่นหัวออกมาแค่ไหนก็ตาม!

————