บทที่ 39 ใจเต้นระรัวเมื่อได้สัมผัสมือ

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ตอนที่ 39 ใจเต้นระรัวเมื่อได้สัมผัสมือ

เขาลืมตาขึ้นมองไปยังต้นไม้เขียวชอุ่มนอกหน้าต่าง เวลานี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อน เขาจึงไม่คิดว่าจะมีหน่อไม้สดในหมิงเทาเยี่ยน

ดังนั้น…

หน่อไม้วสันตฤดูที่โผล่มาอย่างไม่สมเหตุสมผลนั้นช่างน่าสนใจ พระชายาตัวแสบของเขาก็ดูมีพิรุธเล็กน้อย

“รีบบอกข้ามาเถิดว่าสัมภาระที่วางตรงเท้าของท่านคืออะไร!” หมี่โม่หรู่จ้องมองหมี่ฉง

“ก็เป็นเพราะอาหารมื้อเมื่อวานนี้ที่หมิงเทาเยี่ยน เดือนนี้ข้าจึงตัดสินใจมาอาศัยรับกินอาหารที่ตำหนักของเจ้า ข้าวของเหล่านี้เป็นเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ชายาตัวแสบของเจ้ากินเสียจนข้าหมดตัวเลย ดังนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบข้า”

หมี่ฉงพ่นลมอย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกจากห้องอ่านหนังสือ เขาเรียกคนรับใช้มาช่วยถือสัมภาระไปไว้ที่ห้องพักในตำหนักอย่างสบายอารมณ์

วันอันเงียบสงบจึงลอดผ่านมือของนางไป

ลึกไปภายในสวนเฉินอวี้ ฉินปู้เข่อพลิกหนังสือหย่าในมือไปมาหลายครั้ง

เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย วันนี้แล้วสินะ!

การปลดปล่อย การแต่งงานและการสร้างมิตรภาพ!

ในที่สุดทั้งสามสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นในวันเดียวกัน

เนื่องจากมันคือหนังสือหย่าจึงเป็นการปลดพันธสัญญาระหว่างชายและหญิงในวันแต่งงาน

นางพลิกหนังสือหย่าไปมาพลางหักนิ้วเพื่อนับวันอยู่ทุกวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่นางตั้งตารอ!

ทั้งสามสิ่งครบถ้วนสมบูรณ์ คืนนี้นางจะต้องทำตามแผนหย่าให้ได้

เป็นไปไม่ได้ที่หมี่โม่หรู่จะลงนามด้วยตนเอง นางเกรงว่าจะถูกจับได้

มีเพียงดาบที่ฟันจากด้านข้างเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะได้แบบไม่ทันรู้ตัว!

ฉินปู้เข่อหยิบหนังสือหย่าในแขนเสื้อออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด

ดีมาก หลังจากทดลองเขียนราว 50 ครั้ง จดหมายหย่านี้ก็ไร้ซึ่งคำผิด ประโยคราบรื่น การเขียนได้มาตรฐานและมีชื่อกับลายนิ้วมือของนางอยู่ในนั้นด้วย

บัดนี้ขาดเพียงลายนิ้วมือของหมี่โม่หรู่

นางได้ตรวจสอบกฎบ้านเมืองของต้าเซี่ยแล้ว ลายนิ้วมือและลายมือชื่อของคู่กรณีในหนังสือหย่าต่างก็มีผลเช่นเดียวกัน เพื่อเอื้ออำนวยต่อบางคนที่ไม่รู้หนังสือ

ตราบใดที่นางรอให้เขาหลับแล้วก็แอบประทับลายนิ้วมือของเขาลงไป นางก็จะมีหนังสือหย่าที่เป็นทางการได้

“ซวงหวน~” ฉินปู้เข่อตะโกนเบา ๆ สองครั้ง หลังจากเห็นว่าซวงหวนไม่ตอบสนอง นางก็เปิดประตูอย่างเงียบเชียบแล้วแอบย่องออกไป

ยามราตรีมืดมิดเสียจนมองไม่เห็นนิ้วตัวเอง

ฉินปู้เข่อแอบย่องไปตามกำแพงและเข้าไปยังทางเดินในสวนชิงอวี้ได้อย่างราบรื่น

ดีมาก ห้องนอนของหมี่โม่หรู่มืดสนิท นางจึงรู้ว่านี่เป็นเวลาที่หมี่โม่หรู่ดับไฟเข้านอนแล้ว

ตามกฎของการเข้าสู่ช่วงหลับลึกหลังจากหลับไป 45 นาที บัดนี้เขาได้เข้าสู่ช่วงหลับลึกแล้ว

ประตูถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ

หลังจากชินกับความมืดในห้องแล้ว ฉินปู้เข่อก็สัมผัสหัวเตียงอย่างระมัดระวัง

หมี่โม่หรู่ห่มผ้านวมบาง ๆ มือทั้งสองกางผ้าห่มออกและคลุมหน้าท้องส่วนล่างของเขาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“จุ๊ จุ๊ ดูคนผู้นี้นอนแบบนี้สิ” ฉินปู้เข่อแอบนินทาเสียงเบา

ชาติก่อนนางดูโทรทัศน์แล้วเห็นว่าเหล่านางสนมที่กำลังหลับใหลจะนอนหนุนหมอนสูง พวกนางไม่อาจขยับตัวได้เพียงเพื่อไม่ให้แสดงท่าทางน่าเกลียดขณะหลับใหลอันจะทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย

ปรากฏว่าองค์ชายก็มีกฎนี้เช่นกัน

นางยืนอยู่ข้างเตียงแล้วเอนตัวไปข้างหน้าช้า ๆ พร้อมที่จะจับมือของหมี่โม่หรู่

“เฮ้อ—” จู่ ๆ คนบนเตียงก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าไปทางผนัง

ฉินปู้เข่อยืนนิ่งไม่กล้าขยับ

อากาศรอบ ๆ ดูตึงเครียด นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากยืนยันได้ว่าคนบนเตียงแค่พลิกตัวตามปกติ

แต่มือของชายผู้นั้นย่อมอยู่ฝั่งด้านในและนางก็ยืนอยู่ห่างจากขอบเตียงไปเล็กน้อย

หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ฉินปู้เข่อก็ถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างเบา ๆ

ดีมาก!

นางจับนิ้วชี้ของหมี่โม่หรู่ได้แล้ว เพียงแค่แตะนิ้วลงบนแผ่นหมึกแล้วประทับลงบนหนังสือหย่า เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย!

ใจเต้นระรัวเมื่อได้สัมผัสมือของอีกฝ่าย

นิ้วชี้ของหมี่โม่หรู่ถูกทาสีด้วยแผ่นหมึกแล้ว ตอนนี้ก็เพียงแค่ต้องกดเบา ๆ ลงบนหนังสือหย่าเท่านั้น

“เอ๊ะ หนังสือหย่าของข้าอยู่ที่ไหน” ฉินปู้เข่อจับนิ้วชี้ของหมี่โม่หรู่ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเอามืออีกข้างควานหาในแขนเสื้อ

นางจำได้ว่านางได้ใส่มันไว้กับแผ่นหมึกแล้วเมื่อนางออกมา แต่กลับหามันไม่เจอ

นางวางนิ้วของหมี่โม่หรู่ลงชั่วคราวแล้วเอามือทาบอกตัวเอง “ข้าเอามาด้วยแล้วไม่ใช่หรือ!?”

“หนังสือหย่าอยู่นี่” กระดาษแผ่นหนึ่งถูกส่งมาให้ฉินปู้เข่อ

“เฮ้อ ข้าเจอแล้ว ขอบคุณนะ” นางรับหนังสือหย่าแล้วเอ่ยขอบคุณโดยไม่ตั้งใจ

เดี๋ยวนะ…

ฉินปู้เข่อไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้เพราะความหวาดกลัว ร่างกายของนางทรุดลงแล้วถอยหลังหนี

ปัง!

ศีรษะของนางกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง

“โอ๊ย เจ็บ” ฉินปู้เข่อลูบศีรษะของตนด้วยสีหน้าขมขื่นพลางคิดหาวิธีจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า

หมี่โม่หรู่กำลังนอนอยู่ริมเตียงโดยใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของตนไว้ เขาพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “พระชายา การมาเยี่ยมเยือนยามวิกาลเช่นนี้คืออะไรหรือ?!”