ตอนที่ 61 เล่นแบบนี้ก็ได้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 61 เล่นแบบนี้ก็ได้

การเคลื่อนไหวขององครักษ์จินอู่ดึงดูดความสนใจจากทุกทิศทุกทาง

“เพียงแค่ความขัดแย้งในหมู่สามัญชน ถึงกับต้องใช้องครักษ์จินอู่เชียวหรือ ฝ่าบาทจะทรงทำสิ่งใด”

“ควรถามว่าดาบของฝ่าบาททรงชี้ไปที่ตระกูลใด”

ท่านอ๋องตงผิงพูดคุยกับที่ปรึกษาจี้ซินแสอยู่ภายในห้องตำรา

ท่านอ๋องตงผิงกลุ้มใจมาก เขาไม่สามารถออกจากเมืองหลวงกลับไปยังพื้นที่ศักดินาได้ ทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

อีกทั้งลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนี้นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น

“หากรู้ว่ามีวันนี้ ข้าควรเลียนแบบเหล่าแม่ทัพนั้น ฟังย้ายไม่ฟังเรียก ไม่มาเมืองหลวงเสียเลย”

เขาโกรธจนคิ้วขมวดมุ่น

จี้ซินแสเกลี้ยกล่อม “ท่านอ๋องเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ย่อมต้องให้เกียรติฝ่าบาท”

ท่านอ๋องตงผิงส่งเสียงไม่พอใจ “อย่างนั้นเจ้าลองว่ามา ฮ่องเต้ทรงให้องครักษ์จินอู่แทรกแซงปัญหาความขัดแย้งของสามัญชนเพื่อโจมตีผู้ใดกันแน่”

จี้ซินแสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลดเสียงลง “ตามความเห็นของข้า คนที่อยู่เบื้องหลังร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้คือเถียนเสี้ยวเว่ยแห่งกองทัพเหนือ ส่วนเถียนเสี้ยวเว่ยเข้าร่วมกับตระกูลเถาเมื่อหลายปีก่อน”

ท่านอ๋องตงผิงพูดขึ้น “อ๋า ฝ่าบาทจะทรงกำจัดตระกูลเถาจริงหรือ”

จี้ซินแสพยักหน้า “มีความเป็นไปได้ขอรับ!”

ท่านอ๋องตงผิงขมวดคิ้วมุ่น “แต่หลายวันนี้ ข้าเห็นฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงรักใคร่กันดี ระยะก่อนยังเลื่อนตำแหน่งให้นายท่านใหญ่ตระกูลเถา ขุนนางของตระกูลเถาก็ได้รับการเลื่อนขั้นด้วย”

จี้ซินแสมีคำตอบอยู่แล้ว “เมื่อต้องการกำจัด ย่อมต้องให้ก่อน”

ท่านอ๋องตงผิงพยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล คดีของลูกทรพีนั้น ถึงเวลานี้ยังไม่มีการตัดสิน เห็นได้ชัดว่าองครักษ์จินอู่รับพระราชโองการยืดเยื้อคดี ตระกูลเถามีทุกข์แต่พูดไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาททรงคิดจะกำจัดตระกูลเถาจริง

เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กในตลาด แต่ตระกูลเถาครอบครองราชสำนักกว่าครึ่ง พวกเขามีอำนาจมากเพียงนี้ หากฝ่าบาททรงต้องการจัดการตระกูลเถา ย่อมต้องก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนในราชสำนัก อีกทั้งยังทำให้บ้านเมืองสั่นคลอน”

จี้ซินแสทำท่าทางลึกลับ “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม เมื่อต้องการกำจัด ย่อมต้องให้ก่อนขอรับ”

ท่านอ๋องตงผิงส่งเสียงไม่พอใจ “จี้ซินแสไม่ต้องทำท่าทีลึกลับกับข้า เจ้าพูดให้กระจ่างเสียเถิด”

จี้ซินแสหัวเราะขึ้นมา “ท่านอ๋องระงับความโกรธ! ข้าขอเดา ฝ่าบาทอาจทรงให้คำมั่นด้านผลประโยชน์ต่อตระกูลเถา จึงสามารถปิดบังตระกูลเถาและเถาฮองเฮา ส่วนผลประโยชน์นี้คืออันใด ข้าเดาไม่ออก”

เดาไม่ออกยังจะพูดอีก ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก

ท่านอ๋องตงผิงไม่พอใจ โทษจี้ซินแสที่ทำให้เขาอยากรู้ แต่ก็ไม่อธิบายความสงสัยของเขา

จี้ซินแสขอโทษอย่างต่อเนื่อง “ข้าเดาไม่ออกจริงๆ ขอรับ! ความคิดของฝ่าบาทยากที่จะคาดเดา ไม่ถึงสุดท้าย ผู้ใดก็ไม่รู้ความคิดที่แท้จริงของฝ่าบาท”

ท่านอ๋องตงผิงหัวเราะขึ้นมา “คนอย่างฮ่องเต้ ตอนอายุน้อยมีพี่น้องมากมาย มีเพียงเขาที่มีกลอุบายมาก เขากับฮ่องเต้องค์ก่อนคล้ายคลึงกันสมกับเป็นบิดากับบุตร หลายปีนี้เขาโปรดปรานเถาฮองเฮาเพียงผู้เดียว พูดความจริง ข้ารู้สึกเหลือเชื่อเสมอมา คนอย่างเขาจะรักเดียวใจเดียวได้อย่างไร

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายเดือนนี้ ข้าถือว่าเข้าใจแล้ว ความคิดของฮ่องเต้ยากเกินจะคาดเดา เจ้าช่วยข้าคิดหาวิธี ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด หากอยู่ต่อไป ข้ากังวลว่าตนเองจะกลายเป็นทหารหน้าม้าในมือของฮ่องเต้ จนกระทั่งตายยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”

จี้ซินแสตอบรับ “ข้าจะพยายาม!”

ท่านอ๋องตงผิงกลุ้มใจว่าจะออกจากเมืองหลวงอย่างไร

ส่วนเยียนอวิ๋นเกอกำลังกังวลว่าองครักษ์จินอู่จะสืบมาถึงร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยหรือไม่

นางไม่กลัวการสืบ

นางกลัวว่าจะมีคนใช้มารดาและตระกูลเยียนเป็นเครื่องมือ

คดีเล็กๆ เพียงหนึ่งคดี มอบหมายให้องครักษ์จินอู่รับมืออย่างกะทันหัน ใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

ถึงแม้เถียนเสี้ยวเว่ยจะโชคร้าย แต่นางเยียนอวิ๋นเกอก็ใช่ว่าจะโชคดี

เรื่องเกี่ยวข้องกับองครักษ์จินอู่ย่อมไม่ใช่แค่การแข่งขันทางการค้าธรรมดา

เรื่องนี้พัฒนาไปถึงระดับราชสำนัก พัฒนาไปถึงการแย่งชิงอำนาจ

เยียนอวิ๋นเกอตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ออกคำสั่งต่อจั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ “องครักษ์จินอู่ไม่สรุปคดีในหนึ่งวัน ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยก็หุบหางเอาไว้หนึ่งวัน นับแต่วันพรุ่งนี้ วัตถุดิบในแต่ละวันลดลงสี่ส่วน รีบเปิดรีบปิด กำชับเด็กในร้าน อย่าได้วิ่งเข้าหากระบอกปืน หากตายก็คงตายเปล่า อีกอย่างระยะนี้หากไม่มีเรื่องใด เจ้าอย่ามาจวนท่านหญิง เกรงว่าด้านนอกจวนท่านหญิงจะมีคนขององครักษ์จินอู่หลบซ่อนอยู่”

เยียนมู่รับคำสั่ง

สถานการณ์อันดีในเดิมที เลวร้ายลงอย่างกะทันหัน ทำให้คนตั้งตัวแทบไม่ทัน

ดูเถิด เมื่อองครักษ์จินอู่รับมือ ทั้งลูกค้าทั้งเจ้าทุกข์ต่างไม่เรียกร้องแล้ว

ฝูงชนที่มุงดูต่างกระจายตัวไป

ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก

ทุกคนล้วนหวาดกลัว!

กลัวถูกองครักษ์จินอู่จับไป

ชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมขององครักษ์จินอู่โด่งดัง ไม่มีผู้ใดกล้าล้อเล่นกับชีวิตของตนเอง

เยียนมู่รับคำสั่ง ออกจากจวนไปอย่างรีบร้อน

อาเป่ยปรนนิบัติอยู่ข้างตัวเยียนอวิ๋นเกอ

นางกลุ้มใจ “จะเดือดร้อนถึงท่านหญิงจริงหรือเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอใช้สองมือทำท่า “ป้องกันเอาไว้ดีกว่า! ทุกสิ่งย่อมต้องมีการคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ไม่ผิดแน่”

นางให้อาเป่ยปรนนิบัติเปลี่ยนชุด จากนั้นรีบไปพบมารดาเซียวฮูหยิน

เซียวฮูหยินรู้เหตุผลที่นางมา

“เจ้าไม่ต้องพูด ข้ารู้เรื่องแล้ว เจ้าวางใจ เรื่องนี้ไม่มีทางมาถึงข้า”

เอ๊ะ?

เยียนอวิ๋นเกอทั้งประหลาดใจทั้งตกตะลึง

นางสงสัยอย่างมาก ‘ท่านแม่ได้ข่าวแล้วหรือ ลูกฟังด้วยได้หรือไม่’

เซียวฮูหยินหัวเราะขึ้นมา “ข้ามีข่าวใดกัน เพียงแค่คาดเดาความคิดของฝ่าบาทเท่านั้น ฮ่องเต้ภายในพระราชวังไม่กล้าลงมือกับแม่ทัพในแต่ละพื้นที่ชั่วคราว ในฐานะของคนตระกูลเยียน แซ่เยียนคือเกราะป้องกันของพวกเรา อย่างน้อยเวลานี้ก็เป็นเช่นนี้ ถึงแม้ทั้งที่รู้ว่าประหารพวกเรา เยียนโส่วจ้านก็ไม่มีทางเคลื่อนไหว ยิ่งไม่มีทางก่อกบฏ แต่ฝ่าบาทไม่มีทางประหารพวกเรา”

‘หากพูดเช่นนี้ เมื่อท่านพ่อยกกองทัพก่อกบฏ ฝ่าบาทจะไม่ทรงประหารพวกเราหรือเจ้าคะ’ เยียนอวิ๋นเกอใช้สองมือทำท่าอย่างรวดเร็ว

เซียวฮูหยินพยักหน้า “ใช่! เมื่อท่านพ่อของเจ้าไม่เคารพจักรพรรดิ ยกกองทัพก่อกบฏ ฝ่าบาทย่อมต้องประหารพวกเรา”

ดังนั้นพวกนางแม่ลูกคือตัวประกัน

แม้ดูจากภายนอกจะไม่ใช่ตัวประกัน

แต่ความจริงแล้วพวกนางก็คือตัวประกัน

เยียนอวิ๋นเกอมีคำถามหนึ่ง ‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านพ่อต้องให้พี่ใหญ่เข้าเมืองหลวงมาด้วย’

ให้บุตรชายเข้ามาเป็นตัวประกันในเมืองหลวง ไม่ใช่วิธีของเยียนโส่วจ้าน

เซียวฮูหยินเม้มปากยิ้ม “รู้เรื่องทองนับพันซื้อกระดูกม้าหรือไม่”

ปัง!

เยียนอวิ๋นเกอกระจ่างในทันที

ใช่ พวกนางเป็นคนตระกูลเยียนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงก็คือกระดูกม้าที่ฮ่องเต้ซื้อมาด้วยทองนับพัน

ฮ่องเต้ไม่เพียงไม่ประหารพวกนาง อีกทั้งยังปฏิบัติอย่างดี หมั้นหมายพี่สองให้องค์ชายสอง ทุกสิ่งนี้ล้วนทำให้แม่ทัพทั้งหลายดู

ให้เหล่าแม่ทัพได้เห็นว่าพระองค์ไม่เพียงไม่แย่งชิงอำนาจของเหล่าแม่ทัพไปแล้ว

อีกทั้งยังจะปฏิบัติต่อแม่ทัพทุกคนอย่างดีด้วย

เยียนอวิ๋นเกอไม่แน่ใจว่าการกระทำเช่นนี้มีผลหรือไม่ สามารถหลอกลวงแม่ทัพจากแต่ละพื้นที่ได้หรือไม่

แต่อย่างน้อยสามารถกักขังพวกนางแม่ลูกไว้ในเมืองหลวงได้

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพไม่กลับมาหนึ่งวัน พวกนางก็ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตหนึ่งวัน

องครักษ์จินอู่เป็นสุนัขรับใช้ของฮ่องเต้ ย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฮ่องเต้

หากพูดเช่นนี้ องครักษ์จินอู่คงไม่สืบมาถึงจวนองค์หญิง อย่างมากก็ถึงแค่ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย

เยียนอวิ๋นเกอกัดฟัน นางเตรียมเสียเงินฟาดเคราะห์ไว้แล้ว

โธ่เอ้ย ล้วนเป็นเพราะฝูจี้

พวกอันธพาลคิดจะเลียนแบบผู้อื่นค้าขาย ไม่ดูว่าตนเองเป็นอย่างไรเสียก่อน มีความสามารถนั้นหรือไม่

เวลาผ่านไปนานเพียงใดกันก็ก่อเรื่องใหญ่เพียงนี้แล้ว

เมื่อรอเรื่องนี้จบสิ้น นางต้องหาคนชดเชยสิ่งที่ตนเองสูญเสีย

คดีนี้เกี่ยวข้องกับเถียนเสี้ยวเว่ยและกองทัพเหนือ อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเถา

ทุกคนล้วนคิดว่าองครักษ์จินอู่จะก่อให้เกิดคดีใหญ่ ทุกคนจะเห็นฉากฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นศัตรูกัน แต่สุดท้ายเรื่องจบลงอย่างกะทันหัน เริ่มต้นได้งดงาม แต่จบลงแบบย่ำแย่

‘เหตุใดจึงไม่มีตอนต่อไป’

มันคือคำถามของทุกคน

เถ้าแก่ของฝูจี้สูญเสียทรัพย์สมบัติและทั้งชีวิต

เถียนเสี้ยวเว่ยถูกสืบสวน ตำแหน่งที่ดิ้นรนมาหลายปีหายไป กลายเป็นนักโทษแทน

จากนั้น…ไม่มีจากนั้น

ช่าง…

อยากจะสบถออกมาสักคำ

“องครักษ์จินอู่ทำงานชุ่ยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”

ชุ่ยมาก

องครักษ์จินอู่ที่ปกติรับแต่คดีใหญ่ดันหมดไฟในเวลานี้

ประหลาด!

เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ประหลาด

ประหลาดเหมือนกับที่เซียวอี้ฆ่าคนแต่ยังมีชีวิตอยู่ดี

แต่ทุกคนต่างหมดความสนใจต่อคดีนี้ในไม่ช้า

เพราะงานอภิเษกสมรสขององค์ชายใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว

กลางเดือนสี่ องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่อภิเษกสมรส

บุคคลชนชั้นสูงในเมืองหลวงต่างมุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายใหญ่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง

ท่านหญิงจู้หยางหรือเซียวฮูหยินก็ได้รับจดหมายเทียบเชิญ

เยียนอวิ๋นเกอติดตามเข้าร่วมงานเลี้ยง

เยียนอวิ๋นฉีไม่ได้ไป นางใกล้จะออกเรือนแล้ว เวลานี้จึงไม่สะดวกออกจากจวน

งานเลี้ยงสมรสจัดขึ้นโดยเซ่าฝู่ บรรยากาศคึกคักอย่างมาก สมกับเป็นงานเลี้ยงของราชวงศ์

เจ้าสาวหลี่ปิ้งถิงงดงามอย่างมาก เพียงแต่รอยยิ้มบนหน้าดูฝืนยิ่งนัก

รอยยิ้มขององค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ก็ฝืนเช่นเดียวกัน

ทุกคนต่างคิดว่าทั้งสองยิ้มนานเกินไปจึงใบหน้าชินชา ไม่ได้คิดไปทางด้านอื่น

ภายในเรือนหอ ทุกคนต่างยั่วยุและหยอกเย้า

เจ้าสาวหลี่ปิ้งถิงก้มหน้าลงแสดงออกถึงความเขินอาย

แต่สองมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแทบจะบิดผ้าเช็ดหน้าจนขาด

สองมือของนางออกแรงหยิกตนเอง นางต้องยิ้มออกมา อย่าให้คนอื่นเห็นความผิดปกติ

ดังนั้น นางจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อเผยรอยยิ้มเขินอาย

เยียนอวิ๋นเกอที่หลบอยู่ในฝูงชนเห็นภาพนี้ก็รู้สึกเหนื่อยแทนหลี่ปิ้งถิง

นางเป็นคนฝึกฝนทางด้านการต่อสู้ การกระทำของหลี่ปิ้งถิงไม่อาจปิดบังนางได้

นางคิดว่าหลังจากผ่านเรื่องที่เกือบถูกองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่บีบคอตาย หลี่ปิ้งถิงจะขัดขืน นางอาจหาทางถอนหมั้น เพื่อให้เป็นไปตามที่องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ปรารถนา

ต่อจากนี้ทั้งสองต่างคนต่างสมรส ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน

สุดท้าย…ราวกับไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น…

แต่ละคนในตระกูลหลี่ล้วนรู้สึกดีใจ

จวนองค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยความกลมเกลียว

เห็นได้ชัดว่าหลี่ปิ้งถิงไม่คิดจะถอนหมั้น หรืออาจไม่กล้า หรืออาจไม่เต็มใจ หรืออาจไม่ยอม

ส่วนองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ หลังจากเรื่องฆ่าคนให้ถอนหมั้นนั้นแล้ว เขาก็สงบอย่างมาก

สงบจนแทบจะไร้ตัวตน!

หากไม่ใช่วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของเขา คนส่วนใหญ่ล้วนจำไม่ได้แล้วว่าในเมืองหลวงมีคนผู้นี้อยู่

เป็นถึงองค์ชาย แต่กลับตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ช่างน่าอนาถยิ่งนัก

งานเลี้ยงอลังการอย่างมาก เยียนอวิ๋นเกอกินจนเกือบอิ่ม

สตรีแต่ละตระกูลไม่สนใจนาง เยียนอวิ๋นเกอเองก็ไม่สนใจพวกนางเช่นเดียวกัน นางรู้สึกสงบอย่างมาก

แน่นอน ไม่สนใจ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการนินทาของสตรีแต่ละตระกูลเกี่ยวกับเรื่องพี่น้องตระกูลเยียน

อันที่จริง พี่น้องคู่นี้ โดยเฉพาะเยียนอวิ๋นเกอมีความพิเศษ นางเป็นคนแปลกประหลาดอย่างมากในสายตาผู้คน

ทำให้มุมมองต่อทั้งสองคนของเหล่าสตรีชนชั้นสูงเปลี่ยนไป