“ข้าเพิ่งเคยเข้าเมืองครั้งแรกจึงอยากจะซื้อของสักหน่อย เจ้าไปจัดการธุระของเจ้าเถิด ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่ได้กลับด้วยกันอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นชาวบ้านคงมีเรื่องพูดกันจนหนาหู”
เฉินเถียนเถียนหันหลังกลับและจากไป
หยุนเค่อกัดฟันและคิดในใจว่าจะทำอย่างไรต่อดี แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมจำนน
คนหนึ่งไปทางทิศตะวันออก อีกคนไปทางทิศตะวันตก
เฉินเถียนเถียนตระหนักได้ว่าหากยังอาศัยอยู่ที่บ้าน เป็นไปได้ว่าทุกอย่างที่นางซื้อจะถูกหลินชวนฮวายึดไปและต้องถูกสอบถามถึงที่มาที่ไปแน่นอน
ดังนั้นแม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะตอบคำถามทุกอย่างได้ แต่หลินชวนฮวาคงไม่หยุดง่าย ๆ หากออกจากครอบครัวเฉินไปได้ทุกอย่างย่อมดีกว่านี้
เฉินเถียนเถียนซื้อหนังสือสองเล่มกลับไปด้วย นอกจากนี้หนังสือทุกเล่มถูกซ่อนไว้ในเถาเป่าและไม่มีใครสามารถค้บพบ
ขณะที่เฉินเถียนเถียนกำลังจะหันหลังกลับ นางเหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยเดินออกมาจากร้านขายเครื่องประดับ… นั่นหลินชวนฮวาไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้… ดูเหมือนว่าชายที่อยู่ข้าง ๆ จะไม่ใช่เฉินผิงอันใช่ไหม?
โอ้สวรรค์! ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้แต่หลินชวนฮวาสามารถนอกใจสามีได้งั้นหรือ?!
ตอนนี้เฉินเถียนเถียนไม่กล้าแม้แต่เผยตัวออกไป เพราะถูกพบ นางอาจจะถูกฆ่าปิดปากได้โดยง่าย แขนขาเล็ก ๆ สองคู่นี้คงจะสู้อะไรไม่ได้!
แม้เฉินเถียนเถียนจะเคยผ่านการฝึกตำรวจหน่วยพิเศษมาแล้ว แต่นางก็คุ้นเคยกับการใช้อาวุธมากกว่า นางไม่มั่นใจในฝีมือการต่อสู้ระยะประชิดของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว
มันจะดีกว่าหากตรวจสอบความจริงให้แน่ใจเสียก่อน!
ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเริ่มสะกดรอยตามหลินชวนฮวาไป
หลินชวนฮวาเดินออกมาจากร้านขายเครื่องประดับพร้อมผ้าห่อหนึ่งในมือ…
แม้เฉินเถียนเถียนจะเดาไม่ได้สิ่งนั้นคืออะไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจดจำทุกรายละเอียดของหลินชวนฮวา เพื่อจะนำไปบอกเฉินผิงอัน!
ทั้งสองพูดคุยกันและหัวเราะไปตลอดทาง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เราจะสามารถกอดและจับมือได้ ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงรับรู้ได้ทันทีว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ธรรมดา!
พวกเขาเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ จากนั้นชายร่างใหญ่จึงเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน!
หลังจากเห็นสถานที่ชัดเจนแล้ว เฉินเถียนเถียนหยุดตามทันที นางตัดสินใจที่จะเก็บความลับนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยเปิดเผยเมื่อถึงเวลา… การได้พบกับหลินชวนฮวาคราวนี้นับเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่!
จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงขึ้นเกวียนเพื่อเดินทางกลับ ส่วนหลินชวาฮวาอยู่บนเกวียนอีกคัน ดังนั้นเมื่อมาถึงหมู่บ้านเทพธิดาทั้งสองจึงไม่ได้พบกัน ทันใดนั้นหยุนเคอรีบเดินเข้ามาหาเฉินเถียนเถียนทันที ทั้งสองสบตากันอย่างรวดเร็วและรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้อย่างชัดเจน
หยุนเคอรู้ดีว่าข่าวลือนั้นหนาหูเพียงใด มีเพียงคนโง่ที่ไม่ใส่ใจอะไรเท่านั้นจึงไม่ทราบ!
เฉินเถียนเถียนนั่งอยู่บนเกวียนวัว แสร้งราวกับว่าไม่รู้จักใครและไม่มีใครนั่งข้าง หยุนเคอก็นั่งนิ่งด้วยความรู้สึกประหม่าเช่นกัน พวกเขาไม่เหล่มองซึ่งกันและกันเลย ทั้งยังนั่งห่างกันประมาณสองถึงสามฟุต!
หากในเวลาที่อยู่กันตามลำพัง ทั้งสองคนคงจะพูดจาหยอกล้อกันตามปกติ แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับจริงจังไม่คิดจะกล่าวอะไรเพียงครึ่งคำ!
เกวียนวิ่งต่อไปท่ามกลางความเงียบ ไม่มีใครอยู่บนเกวียนนี้แล้วเหลือเพียงพวกเขาสองคน จึงทำให้สองคนนี้อยากกลับให้ถึงหมู่บ้านโดยเร็ว
เวียนวัวเคลื่อนที่ช้า ๆ ผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ พวกเขารู้สึกว่าล้อของเกวียนกำลังเหยียบหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนพลันร่วงหล่นจากเกวียน หยุนเคอหันมามองนางทันที
ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ หยุนเคอจึงเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วและคว้าเด็กหญิงตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างมั่นคง
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ …ราวกับว่าเขาให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของหญิงผู้นี้ตลอดเวลาและเมื่อนางกำลังจะตกจากเกวียน เขาก็สามารถดึงนางกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฉินเถียนเถียนตื่นตระหนก จนกระทั่งหยุนเคอนำนางกลับขึ้นมาบนเกวียนได้อย่างราบรื่น นางจึงฟื้นคืนสติกลับมา
ทันทีที่ตั้งสติได้ ใบหน้าของเถียนเถียนแดงขึ้นสีก่อนจะกล่าวขอบคุณเขาด้วยความประหม่า
ชายชราตรงหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวคำออก
“ข้าขอพูดตรง ๆ เถิด… ทำไมเจ้าสองคนถึงไม่แต่งงานกันเลยเล่า? เจ้าจะอาศัยอยู่ในถ้ำจนแก่เฒ่าเลยหรืออย่างไร? หากไม่ยอมมีครอบครัว เมื่อแก่ตัวไปผู้ใดจะยอมแต่งงานด้วย? ส่วนสาวน้อย… ในเมื่อบ้านไม่ใช่ที่ที่เจ้ามีความสุข การย้ายออกมาให้โดยเร็วจะไม่ดีกว่าหรือ?”
เฉินเถียนเถียนหน้าแดงและก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไรตอบ ส่วนหยุนเคอซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดเช่นกัน หางตาของหยุนเคอเหลือบมองเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งกำลังก้มศีรษะด้วยความเขินอาย…
เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่น่าอายนี้… หยุนเคอจึงจำเป็นต้องพูดอะไรสักอย่าง “ลุงเฉิน… ข้าอาศัยอยู่บนภูเขามาโดยตลอดและยังมีความไม่สะดวกบางประการ จู่ ๆ จะให้ข้าลงจากภูเขามาซื้อบ้านในเมือง ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?”
ชายชราจึงเริ่มพูดคุย “เจ้าต้องไปเจรจากับหัวหน้าหมู่บ้านก่อน แล้วจากนั้นเขาจะมอบที่ดินให้กับเจ้า เจ้าก็ใช้เงินเพื่อจ้างวานช่างมาสร้างบ้านให้ แน่นอนว่าหากเจ้าเป็นคนในพื้นที่จะไม่ต้องใช้เงินเลย ทุกคนต่างพร้อมใจที่จะมาช่วยเหลือ แต่ก็อย่างที่ทราบ ในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครรู้จักเจ้าเลย ดังนั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องใช้เงินในการจ้างวาน!”
หยุนเคอพยักหน้าแสดงท่าทางราวกับว่ากำลังสนใจในสิ่งที่ลุงเฉินพูด!
ลุงเฉินพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่เจ้ามีเงินเพียงพอ เจ้าก็จะได้บ้านตามแบบที่ต้องการ ถ้าจะให้ดี ต้องใช้อิฐสีน้ำเงิน มีเพียงหญิงคนเดียวเท่านั้นในหมู่บ้านของเราที่สร้างบ้านจากอิฐสีน้ำเงิน!”
เมื่อพูดเรื่องการสร้างบ้านด้วยอิฐสีน้ำเงิน ใบหน้าของลุงเฉินดูโหยหาราวกับว่าเขาจะหวังจะมีบ้านแบบนั้นด้วย!
“แต่หากเจ้ามีเงินไม่มากพอเหมือนกับคนส่วนใหญ่ ก็จะสร้างบ้านได้จากอิฐดิบเท่านั้น หากชอบความเงียบก็จงสร้างกำแพงให้หนาเป็นการดีที่สุด!”
ยิ่งชายชราพูดมากเท่าไหร่ เฉินเถียนเถียนยิ่งสัมผัสได้ว่าทั้งหมดคือสิ่งที่ชายชราใฝ่หามาโดยตลอด แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายเสมอ บางทีเค้าอาจจะไม่บรรลุเป้าหมายนั้นเลยแม้จะใช้เวลาทั้งชีวิต!”
คนหนึ่งคนพูดไม่รู้จบสิ้นและอีกสองคนก็กำลังฟังด้วยความงุนงง… แต่ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงหมู่บ้านเทพธิดา
ตะวันลับขอบฟ้าแล้ว เฉินเถียนเถียนมอบเงินให้ชายชราจำนวนสองก้วนท้องแดงก่อนจะกระโดดลงจากเกวียนไป จากนั้นจึงวิ่งกลับไปหาเฉินเฉิน นางไม่คิดว่าเด็กน้อยผู้จะมีสมาธิดีมาก เขาอดทนฝึกฝนกับการอ่านและเขียนอักษรจีนห้าสิบตัวมาเป็นเวลานานตั้งแต่เช้า
เมื่อเห็นว่าคำที่สอนไปถูกเขียนจนหมดสิ้น เฉินเถียนเถียนจึงรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร เพราะตัวหนังสือที่เถียนเถียนเขียนนั้นสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายเท่านั้น นางจึงตระหนักได้ว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์และลักษณะเฉพาะตัว
เด็กน้อยเฉินเอ๋อจ้องมองพี่สาวด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเขากำลังรอรับคำชม!
เฉินเถียนเถียนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “ยอดเยี่ยมมาก เจ้ามีพรสวรรค์จริง ๆ ฉะนั้นจงฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายเถิด!”