บทที่ 50 บีบแก้มของนางเหมือนก้อนแป้ง

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 50 บีบแก้มของนางเหมือนก้อนแป้ง
“รู้ตัวดีจังเลยนะ แต่ข้าไม่เอาเงิน ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ยาพิษที่เจ้าวางให้ซื่อจื่อผู้อารักขาเอามาจากไหน?”
ถึงแม้เหยียนซื่อจะกลัวตาย แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง พอได้ยินแล้วก็รีบส่ายหน้า: “ข้าไม่ได้วางยานะ ซื่อจื่อเป็นลูกชายของข้า ข้าจะทำแบบนั้นทำไม?”
“พอแล้ว ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ก็ย่อมรู้ว่าซื่อจื่อไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของเจ้า แต่เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้า ก็ต้องรู้ว่ายาพิษที่เจ้าวางให้เขาคืออะไร ถ้าเจ้าบอกมาว่ายาพิษนี่มาจากไหน ข้าจะให้เจ้าได้ไปดี ไม่งั้นล่ะก็” พอพูดจบ มีดอันเย็นเฉียบก็กรีดไปยังเสื้อบางๆของนาง
“ข้า ข้าจะบอกเดี๋ยวนี้เลย ข้าช่วยคนไว้คนหนึ่งโดยบังเอิญ เขาตอบแทนข้าโดยการให้ยาตัวนี้กับข้า”
“ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
“ข้า ข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่า เขามาแล้วก็ไปอย่างลึกลับ บอกว่าถ้าข้ามีเรื่องให้จุดโคมไฟที่หน้าประตูจวนสามดวง เขาจะออกมาเอง” เหยียนซื่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
เฟิ่งชิงหัวก็ถามใบหน้าลักษณะท่าทางและการพูดของคนผู้นั้น ถึงแม้นางจะรู้ว่าหน้าตาคนคนนั้นจะไม่เหมือนคนที่ตามหา แต่นางรู้ว่าจะต้องเป็นเขาแน่ๆ
วิชาเปลี่ยนหน้าของคนผู้นั้นก็เก่งกว่านางมาก เขาเอาแต่หนี ก็ต้องเปลี่ยนหน้าตลอดเวลา
แต่คนผู้นั้นไม่มีทางทำอะไรโดยไม่ได้ผลประโยชน์ จะยอมช่วยเหยียนซื่อแค่เพราะนางเคยช่วยเขาไว้ครั้งเดียวได้ยังไง ในนี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลน่า
แต่ไม่ว่านางจะถามยังไง เหยียนซื่อก็ไม่ยอมพูดอยู่ดี
เฟิ่งชิงหัวคิดแล้วก็เอายาออกมายัดเข้าปากเหยียนซื่อ: “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องนี้ออกมา ยาเม็ดนี้จะทำให้เจ้าตายอย่างทรมาน”
“เอายาถอนพิษให้ข้านะ เอามา ข้ายังไม่อยากตาย” เหยียนซื่อรีบพูด
“ขอแค่เจ้าทำตามข้า ข้าจะให้ยาถอนพิษอยู่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ทำตาม งั้นก็รอความตายเถอะ” เฟิ่งชิงหัวพูด
“ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าสั่ง เจ้าให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำ ขอแค่เจ้าเอายาถอนพิษให้ข้า”
เฟิ่งชิงหัวออกคำสั่ง เหยียนซื่อก็ต้องตอบรับก่อนอยู่แล้ว ต่อมาเฟิ่งชิงหัวก็ฟาดไปที่ท้ายทอยของนางจนสลบ
เนี่ยกวางหยวนก็พูดว่า: “ท่านอาวุโส ท่านจะปล่อยนางไปเหรอ?”
“นางจะเป็นร้ายตายดียังไงไม่เกี่ยวกับข้า”
“แต่ไหนท่านบอกว่า ถ้าเรื่องนี้สำเร็จก็จะให้ยาถอนพิษแก่นาง?” เนี่ยกวางหยวนคิดว่าเฟิ่งชิงหัวถามเสร็จแล้วก็จะฆ่าผู้หญิงชั่วคนนี้เสียอีก แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆ
เฟิ่งชิงหัวรู้สึกตลก: “ข้าแค่บอกจะให้ยาถอนพิษแก่นางเท่านั้น หูข้างไหนของเจ้าได้ยินว่าข้าจะช่วยชีวิตนาง? ตอนนี้นางยังมีประโยชน์กับข้า รอข้าหาคนที่ข้าต้องการเจอแล้ว นางจะเป็นยังไงไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว”
เนี่ยกวางหยวนย้อนคิดคำพูดของนางอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยได้ยินว่านางจะปล่อยนางไป
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าน้อยจะรอท่านอาวุโสจัดการธุระเสร็จ” เนี่ยกวางหยวนพูดอย่างรู้หน้าที่
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า: “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วก็ก้าวเท้าเตรียมเดินออกไป
“ท่านอาวุโส แล้วนาง”
“ไม่ต้องสนใจหรอก รอจวนผู้อารักขารู้ตัวว่าฮูหยินผู้อารักขาของพวกเขาหายตัวไป ก็ต้องออกมาตามหาอยู่แล้ว เจ้าคงไม่คิดจะให้ข้าแบกนางกลับไปใหม่หรอกนะ?” เฟิ่งชิงหัวทำท่าเหมือนกำลังมองคนโง่อยู่
เนี่ยกวางหยวนมีสีหน้าละอายใจ: “ท่านอาวุโสมีความคิดที่การณ์ไกล ข้าน้อยเทียบไม่ติดเลย ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสพักอยู่ที่ใด ข้าน้อย……”
เนี่ยกวางหยวนอยากจะสานสัมพันธ์ต่อกับนาง แต่ยังพูดไม่ทันจบ คนตรงหน้าก็หายไปแล้ว
เฟิ่งชิงหัวกระโดดเข้าจวนอ๋องเฉินอย่างเคยชิน แล้วกลับห้องตัวเองโดยไม่ให้ใครรู้ ถอดเสื้อนอกแล้วยัดกลับไปที่ใต้เตียงจากนั้นก็ถึงขึ้นนอนบนเตียง กำลังจะดึงผ้ามาห่มนั้น มือก็ไปสัมผัสเข้ากับกล้ามเนื้อที่แข็งทื่อ นางตกใจจนกระโดดขึ้นมา
แต่ในตอนที่นางกำลังจะกระเด้งตัวขึ้นมานั้น เอวก็ถูกคนโอบเอาไว้ ภายในห้องที่มืดสนิทนั้นก็สว่างขึ้นมาทันที
เฟิ่งชิงหัวหันกลับไปมอง ก็ตกใจจนขวัญแทบกระเจิง
ชายหนุ่มสวมชุดดำนอนอยู่ข้างในเตียง หน้ากากที่ทำจากเงินนั้นก็ส่องแสงประกายท่ามกลางแสงจากไข่มุกราตรี แววตาที่ลึกซึ้งนั้นก็จ้องเขม็งนาง
“จ้าน จ้านเป่ยเซียว ทำไมถึงเป็นนายได้ล่ะ?” เฟิ่งชิงหัวตกใจมากจริงๆ บนเตียงของนางมีคนนอนอยู่เงียบๆ และยังเป็นเวลานี้อีก เขามาได้ยังไงกันนะ
จ้านเป่ยเซียวมือเท้าหัว มืออีกข้างยังคงโอบเอวของเฟิ่งชิงหัวไว้แน่น เขาหรี่ตามองนางอย่างเย็นชา: “ดึกขนาดนี้ ไปไหนมา?”
เฟิ่งชิงหัวเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมพูด ในใจก็รีบคิดหาข้ออ้าง แต่ยังไม่ทันได้คิดดีๆ เขาก็บีบคอของนาง: “ไม่พูดเหรอ? งั้นข้าก็คงต้องคิดว่าเจ้าเป็นนักฆ่าแล้วล่ะ”
เฟิ่งชิงหัวเตะไปที่ชายหนุ่ม แต่ไม่คิดว่าจ้านเป่ยเซียวจะไหวพริบเร็วกว่า ยื่นมือจับขาที่เตะออกไปของนางไว้แน่น
เฟิ่งชิงหัวสองมือพยุงเตียงไว้ เตะขาอีกข้างออกไป ใช้โอกาสที่ชายหนุ่มกำลังหลบรีบหนีออกไป
แต่เพิ่งออกจากเตียงได้ครึ่งตัว ข้อเท้าข้างขวาก็ถูกชายหนุ่มจับไว้แน่น
เฟิ่งชิงหัวโมโห เตะขาซ้ายไปที่หน้าชายหนุ่ม
จ้านเป่ยเซียวเอียงตัวหลบ การเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก กลับทำให้เฟิ่งชิงหัวเป็นฝ่ายโดนเสียเอง
“กำลังภายในยังพอได้ แต่แรงน้อยเกินไป เจ้าไม่ได้กินข้าวหรือไง?” จ้านเป่ยเซียวสู้ไปด้วยและพูดแนะนำไปด้วย เฟิ่งชิงหัวได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโห สุดท้ายก็ไม่มีความคิดที่หนีแล้ว แต่กลับจะสู้ให้ตายกันไปข้างเลย
เตียงที่ไม่ได้ใหญ่มากอยู่แล้ว ทั้งสองสู้กันไปมา ทั้งเตะทั้งต่อย บวกกับใช้กำลังภายในด้วย ก็เลยได้ยินเสียง ‘ปึงปัง’ ทำเอาเตียงหักสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเรือน
เฟิ่งชิงหัวถูกจ้านเป่ยเซียวจับมือไว้แล้วลากกลับไปที่ห้องหลัก เขาจับนางโยนลงบนเตียง แล้วก็ขึ้นคร่อมตัวนางไว้
“เตียงของข้าใหญ่กว่าเยอะ จะสู้ต่อไหม?” แววตาที่เปล่งประกายของชายหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าที่เขาสู้เมื่อกี้เป็นแค่การวอร์มร่างกายเท่านั้น
เฟิ่งชิงหัวยื่นมือผลักเขาออกไป แต่ผลักยังไงก็ผลักไม่ไหว บวกกับที่เมื่อกี้สู้จนไม่มีหมดแรงแล้ว เหลือแค่แรงหายใจเท่านั้น
เฟิ่งชิงหัวจึงพูดไปว่า: “จะฆ่าจะแกงยังไงก็มาเถอะ!”
ว่าแล้ว นางก็สบตากับจ้านเป่ยเซียวด้วยแววตาที่ใสแจ๋ว
ทั้งสองสบตากัน ดุจดั่งโลกมาชนกัน สะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่ว ในหัวของเฟิ่งชิงหัวกำลังคิดวางแผนหนีออกจากมือของชายคนนี้ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ แผ่นหลังเย็นยะเยือกไปหมด
“คือว่า……ท่านอ๋อง” เฟิ่งชิงหัวพูดขึ้นกะทันหัน
จ้านเป่ยเซียวมองนางไม่ได้พูดอะไร แต่ทว่า สายตาคู่นั้นกลับจ้องเขม็งเฟิ่งชิงหัว ทันใดนั้น นิ้วมือเรียวยาวนั้นก็ยื่นไปหาเฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวรู้สึกร่างกายแข็งทื่อ เขา ชอบบีบคอคนขนาดนี้เลยเหรอ!
ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ในตอนที่เฟิ่งชิงหัวอยากจะตอบโต้ ก็รู้สึกปวดแก้มขึ้นมา
เฟิ่งชิงหัวเบิกตาโพลง!
“เจ้าทำอะไรน่ะ!” เฟิ่งชิงหัวแทบจะกัดฟันพูดคำนี้ออกมา เพราะจ้านเป่ยเซียวกำลังหยิกแก้มของนางอยู่ หยิกซ้ายทีขวาที บีบแก้มนางซะเหมือนก้อนแป้งเลย!