ตอนที่ 112 “ถ้าเกิดว่าฉันต้องการล่ะ ?”

” แล้วถ้าเกิดว่าฉันต้องการล่ะ?”

ซู่เจินถึงกับตกตะลึงกับคําพูดของหลี่เสี่ยวลู่ พูดตามตรงเข้าไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะพูดขึ้นมาแบบนี้ เพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วหลี่เสี่ยวลู่กับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีมากอะไรขนาดนั้น และเขาก็เป็นคนที่ฆ่าพี่ชายของเธอและใช้กําลังบังคับเธอทําเรื่องมิดีมิร้าย

ดังนั้นซูเจินก็เลยไม่คิดว่าเธอจะถามขึ้นมาแบบนี้

“ทําไม?”ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ

“ทําไมฉันถึงยอมรับมันได้อย่างใจเย็นอย่างงั้นหรอ ? บางที อาจจะเป็นเพราะว่าคุณเป็นผู้ชายคนแรกของฉัน และอาจจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายของฉันด้วย” หลี่เสี่ยวลู่พูดขึ้นมา “นี่เธอคือผู้หญิงจริง ๆ ใช่ไหม ?”

“ผลลัพธ์ในครั้งนี้มันทําให้ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย” ขู่เจินจะพูดอะไรขึ้นมาได้อีกละจริงไหม เพราะในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หลี่เสี่ยวลู่ตัดสินใจมันด้วยตัวของเธอเอง และแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ดี

“เดี๋ยวผมจะบอกกับคีร่าให้ในภายหลัง เพื่อที่เธอจะได้มาจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้กับคุณ” ซู่เจินหยุดพูดไปครู่หนึ่งและพูดต่อว่า “ตอนนี้มันดึกมากแล้ว คุณควรพักผ่อนได้แล้ว ถ้าเกิดว่าคุณต้องการพูดอะไรกับผมก็เอาไว้พรุ่งนี้ตอนเช้าก็แล้วกัน”

หลี่เสี่ยวลู่พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ หลังจากนั้นซูเจินก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็เดินมาถึงห้องของเขา และค่อย ๆ นอนลงบนเตียง แต่ตอนนี้เขากับไม่ได้รู้สึกง่วงเลยสักนิด

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หลี่เสี่ยวลู่ไม่ได้รักตัวของเธอของเองเลย ราวกับว่าเธอไม่มีความรู้สึก ซึ่งเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วเวลาที่เขาได้พูดคุยกับเธอมันก็ช่างน้อยนิด ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาได้มีอะไรกันไปแล้ว เขาก็เกรงว่าหลี่เสี่ยวลู่จะไม่เลือกแบบนี้อย่างแน่นอน

แต่ถึงยังไงมันก็ไม่สําคัญ เพราะอย่างน้อย เธอก็สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ และไม่ขัดขืนต่อความคิดของตัวเองใช่ไหม ?

ส่วนเรื่องที่เหลือก็ปล่อยให้กาลเวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วยตัวของมันเอง

เมื่อซู่เจินตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป เขาก็เดินไปบอกกับคีร่าว่าให้ปล่อยหลี่เสี่ยวลู่ออกมาได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้เธอเอาสูตรยาตัวนี้ไปให้กับนักวิทยาศาสตร์ที่ฐานสําหรับการทําวิจัยและทดสอบผลของมัน

ซูเจนพาหลี่เสี่ยวลู่ไปเดินเล่นรอบ ๆ ฐาน และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย แต่บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของพวกเขามันก็ค่อนข้างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งซู่เจินไม่ต้องการทําให้เธออายและทําอะไรไม่ถูก ดังนั้นฟูเจินจึงพยายามที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องในวัยเด็กของเธอและเรื่องที่มันน่าสนใจอะไรบางอย่าง ทําให้หลี่เสี่ยวลู่ค่อย ๆ เปิดใจของเธอออกมาอย่างช้า ๆ

“สําเร็จ … มันสําเร็จแล้ว!”

ทันใดนั้นคีร่าก็วิ่งมาทางซู่เจิมกับตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“สูตรนั้นมันสําเร็จอย่างงั้นหรอ?”

“ใช่! หลังจากที่ฉันได้ให้พวกนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นลองทดสอบดูก็พบว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างยายน R ขึ้นมาโดยแยกประเภทของความสามารถ และมันยังมีอัตราความสําเร็จมากถึง 100% ซึ่งเมื่อกี้ฉันก็ได้ลองเลือกคนมา 10 เพื่อลองใช้ยาตัวนี้ ผลก็คือพวกเขาทั้งหมดประสบความสําเร็จ!”

“ดีมาก งั้นคุณช่วยบอกให้พวกเขาช่วยผลิตยาให้ผมห้าขวดในทันที หลังจากนั้นคุณก็เอามันมาให้กับผม” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

ถึงแม้ว่าผลของยาตัวนี้มันจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ประโยชน์มากเลยที่เดียว ซึ่งเขาจะต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับเจมมาอย่างเหลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าเธอเป็นคนที่สุดยอดมาก ถ้าเกิดว่าเขาเอายายืน R รุ่นที่พัฒนาแล้วให้กับเธอ เขาคิดว่าเธอจะต้องทํามันได้สําเร็จอย่างแน่นอน

และถ้าเกิดว่าเธอสามารถวิจัยเกี่ยวกับยายืน R รุ่นพัฒนาตัวนี้ได้สําเร็จ เขาก็จะสามารถสร้างกองกําลังที่แข็งแกร่งของเขาขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากผ่านไปไม่นานตัวยาที่ซู่เจินสั่งก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งซู่เจินก็ไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานนัก ในเมื่อเขาได้ตัวยามาแล้ว เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปทันที

แต่ในขณะที่เขากําลังจะจากไป เขาก็เดินไปอําลาคีร่าและหลี่เสี่ยวลู่ให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นซู่เจินก็ออกมาจากดันเจี้ยนอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่เพราะว่าตอนนี้เขายังมีอย่างอื่นให้ทําอีกมากมาย ดังนั้นบางทีในอนาคตเขาอาจจะมีเวลาว่างมาสนุกกับการพักผ่อนของเขาอย่างช้า ๆ ที่นี่ก็ได้

เมื่อซู่เจินออกมาจากดันเจี้ยน ตอนนี้ด้านนอกมันก็เป็นเวลากลางคืนเรียบร้อยแล้ว

ซู่เจินเดินออกมาจากห้องและเดินไปที่ห้องของเจมมาทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงหน้าห้องของเธอพร้อมกับค่อย ๆ เคาะไปที่ประตูห้องของเธอเบา ๆ ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับเจมมาที่ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของซู่เจินในขณะที่เธอกําลังใส่ชุดนอนอยู่

“คุณ คุณกลับมาแล้วเหรอ ? คุณหายไปไหนมาตั้งสองสามวัน ? แล้วทําไมจู่ ๆ คุณถึงหายไปได้ล่ะ ?” เจมมาถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“มันไม่สําคัญหรอก!”

ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องของเจมมาและปิดประตูทันที และในขณะที่เจมมากําลังจะพูดอะไรขึ้นมาบางอย่าง ทันใดนั้นซู่เจินก็หันหลังกลับมาพร้อมกับกอดเธอเอาไว้

การกอดอย่างกะทันหันของซู่เจินทําให้เจมมารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“คุณ…คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ?” เจมมาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอก … ผมก็แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย เจมมาคุณเป็นคนที่เก่งมาก ๆ” หลังจากที่ซู่เจินปล่อยตัวของเจมมาแล้ว เขาก็ดึงเธอไปนั่งลงที่เตียงด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับโบกมือของเขาขึ้นมาเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีขวดยาหลากหลายชนิดปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของเธอ”

“นี่คือ ยาความสามารถพิเศษ ทําไมคุณถึงได้มีมันมากมายขนาดนี้” เมื่อเจมมาเห็นมันเธอก็จําได้ในทันที

“การวิจัยของคุณมันประสบความสําเร็จ ซึ่งผมก็ได้ลองทดสอบมันแล้ว ผลของมันก็คือมีอัตราความสําเร็จอยู่ที่ 100% และไม่มีผลข้างเคียงอะไรทั้งสิ้น เอาล่ะ! คุณเลือกมาได้เลยว่าคุณต้องการอันไหน!”

“ให้ฉันเลือก ?” เจมมายิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

“ใช่! เพราะว่าครั้งนี้คุณทําได้ดีมาก ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่คุณจะได้รับสิ่งตอบแทนสําหรับความพยายามของคุณ … คุณรู้เกี่ยวกับความสามารถพวกนี้เป็นอย่างดีแล้วใช่ไหม ? คุณเลือกมาได้เลยว่าต้องการอันไหน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้น ฉันเลือกความสามารถพลังจิตจะดีกว่า” เจมมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อย ๆ พูดขึ้นมา

ซูเจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นยาตัวนั้นให้กับเจมมา และค่อย ๆ เก็บยาที่เหลือกลับไป

” ทําไมคุณถึงเลือกความสามารถนี้ล่ะ ? ผมคิดว่าคุณจะเลือกความสามารถในการทํานายอนาคตซะอีก” ขู่เจินถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“เพราะว่ามันสามารถอํานวยความสะดวกในการทดลองของฉันได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะมีเครื่องมืออยู่มากมายแต่มันก็ไม่ค่อยสะดวกนัก ซึ่งถ้าเกิดว่าฉันได้ความสามารถนี้มาการทํางานของฉันก็คงง่ายขึ้นเยอะ ส่วนความสามารถในการทํานายอนาคตถึงแม้ว่ามันจะดี แต่มันก็ไม่เหมาะกับฉัน เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามอยู่แล้ว และมันก็ไม่ได้ช่วยอํานวยความสะดวกในการทํางานให้กับฉันเลยแม้แต่น้อย” เจมมาค่อย ๆ อธิบายขึ้นมาให้ซู่เจินฟัง

“ฉันขอใช้ยาตัวนี้ในภายหลังได้ไหม ? เพราะว่าตอนนี้ฉันยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย และฉันก็ไม่คิดว่ามันจะสําเร็จขึ้นมาจริง ๆ ” เจมมาหันไปถามกับซู่เจิน

“ได้สิ!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า ” จริง ๆ แล้วผมก็ตื่นเต้นไม่แพ้คุณหรอก ดังนั้น … คุณอยากทําให้ความตื่นเต้นของคุณและผมมันหายไปไหม ? ”

“อะ จะทําให้มั่นใจเย็นลงได้ยังไง ?” เจมมาถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย

ซู่เจินไม่ได้ตอบเจมมา แต่เขากับค่อย ๆ เอามือข้างซ้ายโอบไปที่เอวของเจมมา หลังจากนั้นเขาก็เอามือข้างขวาไปพาดไว้ที่คอของเธอเบา ๆ และค่อย ๆ ดึงตัวของเธอเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม

“อืม~ ”

เจมมาพ่นลมหายใจออกมาตามสัญชาตญาณ ซึ่งเธอก็พยายามที่จะผลักตัวของซู่เจินออกไป แต่ในไม่ช้า …. การเคลื่อนไหวของเธอก็ค่อย ๆ อ่อนลงเรื่อย ๆ และในที่สุดแขนทั้งสองข้างของเธอก็ค่อย ๆ โอบไปที่คอของซู่เจินอย่างช้า ๆ พร้อมกับกอดเขาเอาไว้

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสองก็แยกออกจากกัน

เจมมามองไปที่ซู่เจินและพูดว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้อารมณ์ของฉันมันจะ … ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ผมก็เหมือนกัน!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยแววตาอันร้อนแรง

เจมมาจ้องมองไปที่ดวงตาของซู่เจินอยู่สักพักหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ก้มหน้าลงและพูดว่า “ฉันคิดว่าฉันจะต้องทําอะไรสักอย่างเพื่อให้อารมณ์ของฉันมันสงบลง เอ่อ … ฉันจําได้ว่าคุณเคยบอกกับฉันว่ายังมียาอยู่อีกตัวหนึ่งไม่ใช่หรอ ? คุณเอามันมาให้กับฉันได้ไหม ? บางที … ฉันอาจจะหาวิธีทําให้ยาตัวนี้มันเสถียรมากขึ้นก็ได้”

“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่พูดถึงมัน ผมก็จะหยิบมันมาให้คุณอยู่ดี!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็หยิบยายืน R รุ่นพัฒนาแล้วมาให้กับเจมมา “นี่เป็นขวดเดียวที่ผมมีอยู่ ดังนั้นผมจึงหวังว่าคุณจะไม่ทําให้ผมผิดหวัง”

“ฉันจะทําให้ดีที่สุด!” เจมมาพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความหนักแน่น