ตอนที่ 61 เลือกคน ตอนที่ 62 สินเดิมที่ได้ติดตัวยามแต่งงาน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 61 เลือกคน

ซ่งเหล่าเกินนำสถานการณ์หลักๆ บอกกล่าวกับซ่งอิง

คนแรกเพราะล้มป่วยจึงเสียชีวิต ตัวเขาเองเป็นคนใสสะสาด เคยเป็นอาจารย์คนหนึ่ง เบื้องบนไร้บิดามารดา เบื้องล่างไร้บุตรชายบุตรสาว แต่ก็มีพี่น้องสองคน หากเขียนชื่อคนนี้ลงในทะเบียนบ้าน คงจำเป็นต้องไปมาหาสู่กับญาติเป็นครั้งคราว

แน่นอนว่า ครอบครัวสามีมีวงศ์ตระกูลบรรพบุรุษ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากภายภาคหน้าเดือดร้อน ก็จะมีคนช่วยดูแลนางได้

คนที่สองเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ส่วนคู่ครองเดิมเสียชีวิตจากการคลอดยาก ทิ้งบุตรน้อยไว้คนหนึ่ง ปีนี้อายุเพียงเจ็ดแปดขวบ ในครอบครัวมีมารดาชราคนหนึ่ง และมีที่ดินสำหรับทำนา

หากเลือกเขา เช่นนั้นก็เป็นการได้รับทรัพย์สมบัติครอบครัวไปโดยปริยาย ขอเพียงดูแลหญิงชราผู้นั้น และดูแลเด็กคนนั้น แน่นอนว่า เมื่อเป็นดังกล่าว หลายสิบปีจากนี้ก็จะมีทายาทผู้เลี้ยงดูนางยามแก่เฒ่าเช่นกัน

คนที่สาม ก็คือผู้ที่ตรงตามเงื่อนไขที่ซ่งอิงต้องการทุกอย่างจริงๆ

ในหมู่บ้านไร้ญาติพี่น้อง ไร้ศัตรู แล้วยังเสียชีวิตหลังเพิ่งเป็นหนุ่มได้ไม่นาน

ดังนั้นมีเพียงผู้นี้ เป็นผู้ที่เพิ่งเสียชีวิตไปในระยะนี้

คนผู้นี้เป็นบุตรชายพรานล่าสัตว์ในหมู่บ้านซิ่งฮวา หลังนายพรานเสียชีวิต เขาก็ออกไปภายนอกเพื่อหาหนทางดำเนินชีวิตของตนเองและไม่เคยกลับมาอีกเลย หลายวันก่อน หัวหน้าหมู่บ้านได้รับข่าวการเสียชีวิต มีคนนำกระดูกบุตรชายนายพรานส่งกลับมาฝังที่บ้านเกิด

ว่ากันว่าคนผู้นี้ออกสู่ภายนอก เล่าเรียนวิทยายุทธ์การต่อสู้ จากนั้นเป็นนายทหาร ปรับเปลี่ยนชื่อแซ่ แต่หัวหน้าหมู่บ้านได้ตรวจสอบเป็นการเฉพาะให้แล้ว มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ไร้ญาติไร้ศัตรู

ฮั่วหรงผู้นี้ ทุกปีจะส่งคนนำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้หมู่บ้านซิ่งฮวาเพื่อวางสะพาน ซ่อมแซมถนน และสร้างกังหันน้ำ แม้ไม่ได้เติบใหญ่ในหมู่บ้าน แต่มีชื่อเสียงดีงามในหมู่บ้านอย่างยิ่ง

หากเลือกคนผู้นี้ ชีวิตภายภาคหน้าคงลำบากหน่อย แต่จากนี้ซ่งอิงก็จะไม่ถูกติฉินนินทา

สิ่งเดียวที่ไม่ดีก็คือ คนผู้นี้ตายแล้ว ไร้ญาติมิตรไร้ศัตรู ไร้ที่นาไร้กิจการ จากนี้ซ่งอิงต้องใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยยากลำบาก

หลังรับฟังสถานการณ์โดยคร่าวๆ ของทั้งสามคนนี้ ซ่งอิงไม่แม้แต่จะนึกคิดไตร่ตรอง

“ท่านปู่ ข้าเลือกฮั่วหรงผู้นี้ละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวทันที

คุณสมบัติที่ดีงามขนาดนี้ จะไปหาจากไหนได้อีกหรือ!

โดยเฉพาะชื่อเสียงดีงามของคนผู้นี้ ชดเชยข้อบกพร่องของนางได้พอดิบพอดีเชียว!

“หัวหน้าหมู่บ้านสำนึกในบุญคุณที่คอยดูแลหมู่บ้านอยู่ทุกๆ ปี เลยคิดตั้งป้ายหลุมศพให้เขาสักป้าย หาก…เจ้าเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ของเขา ภายภาคหน้าอยู่ในหมู่บ้าน ก็พอจะได้รับการดูแลบ้างเช่นกัน เด็กที่เจ้าเก็บเอามาเลี้ยงผู้นั้น หากนำติดตามไปด้วยจริง…เช่นนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็จะขอบใจเจ้าที่ช่วยทำให้คนผู้นี้ไม่สิ้นผู้สืบทอดสกุล” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอย่างจริงจัง

ยามที่ฮั่วหรงมีชีวิตอยู่ ทุกปีจะส่งเงินกลับมาให้จำนวนไม่น้อยเลยจริงๆ

ดังนั้นก็ได้ช่วยเหลือผู้คนไว้จำนวนไม่น้อยเช่นกัน

“เรื่องนี้ง่ายต่อการจัดการหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง

“สองคนก่อนมีญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงญาติยินยอม เจ้าก็เข้าสู่ครอบครัวได้เลย…ส่วนคนนี้น่ะ…หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวว่า ฮั่วหรงมีบุญคุณต่อหมู่บ้าน หากเจ้ายินยอม ก็บอกกล่าวไปเสียว่าช่วงสองปีนั้นที่เจ้าจากหมู่บ้านซิ่งฮวาไป ได้พบเจอและตกลงปลงใจจะแต่งงานกับฮั่วหรง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว บัดนี้ได้รู้ข่าวคราว…ยังคงยินดีที่จะดำเนินการแต่งงานตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ เช่นนี้…จะได้มีชื่อเสียงที่ดีงาม คนรอบข้างก็จะให้ความเคารพนับถือเจ้าด้วย” ซ่งเหล่าเกินกล่าว

ซ่งอิงคิดว่าก็ค่อนข้างดีทีเดียว จึงพยักหน้าตอบรับ

“เมื่อกำหนดจริงๆ แล้ว ก็ไม่มีทางให้เจ้าถอยหลังได้แล้ว” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอีกครั้ง

“ท่านปู่ ตกลงตามนี้ละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว

“ตกลง เช่นนั้นข้าก็จะบอกกับเจ้าไว้เสียหน่อย…เกี่ยวกับเรื่องหลังแต่งงานไปแล้ว” ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ “แม้ฮั่วหรงผู้นั้นไร้ญาติ แต่สำหรับหมู่บ้านซิ่งฮวาถือเป็นผู้มีบุญคุณใหญ่หลวง ดังนั้นหากเจ้าแต่งเข้าไปแล้ว อย่าได้อาศัยชื่อเสียงของคนเขาสร้างปัญหาเหลวไหลเชียวละ”

“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้าทันที

“บรรจบปีและฉลองเทศกาลใดๆ เรื่องเซ่นไหว้เผากระดาษก็อย่าได้ตกหล่น เก็บกวาดสุสานก็อย่าลืมเช่นกัน” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงพยักหน้าทันที “ท่านปู่วางใจได้เจ้าค่ะ ข้าอาศัยเขาตั้งครอบครัว จากนี้จะต้องรับผิดชอบแน่นอนเจ้าค่ะ”

“สถานการณ์การแต่งงานของเจ้ามีความจำเพาะ ดังนั้นเรื่องกินเลี้ยงงานแต่งและเชิญสหายก็ไม่ต้องเชิญหรอก ไว้ถึงเวลาสวมใส่ชุดแต่งงานไปเคารพเขาหน้าหลุมสุสานก็เป็นพอ”

ตอนที่ 62 สินเดิมที่ได้ติดตัวยามแต่งงาน

ซ่งอิงยังคงพยักหน้าตอบรับเช่นเดิม ซ่งเหล่าเกินเห็นว่าโน้มน้าวนางไม่ได้ จึงทำได้เพียงไปเรียนเชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาจัดการทำตามขั้นตอน

เช่นนี้ เรื่องราวนี้ก็เป็นอันกำหนดลงเป็นที่เรียบร้อย

ซ่งจินซานสองสามีภรรยาล้วนนิ่งอึ้ง

ทว่าหลังได้ยินว่าฮั่วหรงผู้นั้นมีชื่อเสียงดีงามอย่างยิ่ง ลึกๆ ในใจก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย อย่างไรเสียเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างต่อให้คิดรังแกนาง ก็ต้องเห็นแก่ความดีที่ฮั่วหรงกระทำต่อหมู่บ้านพวกเขาครั้งยังมีชีวิตอยู่!

ผ่านไปอีกห้าวัน เรื่องราวเป็นอันจัดการครบถ้วนเรียบร้อย

จากนี้ นางก็คือฮั่วซ่งซื่อ นอกจากนี้ก็ได้ถามไถ่เจตจำนงของภูตโสมแล้วเช่นกัน ซึ่งก็ต้องการติดตามน้ำผ่านจิตจากช่องว่างระหว่างมิติของนางไปเป็นธรรมดา ดังนั้น…จากนี้ก็เป็นบุตรบุญธรรมของนาง ไม่แซ่ซ่งแล้ว แต่เป็นแซ่ฮั่ว นามฮั่วหลิน

ซ่งอิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตนเพิ่งข้ามภพมาอยู่ในร่างคนอื่นเพียงครึ่งเดือนก็จะแต่งงานแล้ว?

หนำซ้ำยังแต่งกับคนเสียชีวิตไปแล้ว

“ปิ่นนี้…เป็นของที่เจ้านำติดตัวกลับมาจากจวนโหว เจ้าเอาเก็บไว้ให้ดี ในยามที่ขาดแคลนเงินจริงๆ และแม่เองก็ไม่มีกำลังพอช่วยเหลือเจ้า ก็เอาไปจำนำเสีย ในครอบครัวไม่มีสิ่งของล้ำค่าอันใด เหลือก็แค่ที่นาผืนนี้และเงินสองตำลึงเงิน เจ้าก็รับเอาไว้เสีย เอาไว้ใช้ดำรงชีวิตในภายภาคหน้า” หร่วนซื่อบอกกล่าวด้วยความหวังดี

ซ่งอิงขมวดคิ้ว

“ครอบครัวเรามีเพียงที่ดินหนึ่งหมู่นี้ ท่านแม่เอาเก็บไว้เองเถอะนะเจ้าคะ”

“พ่อเจ้าทำงานรับเหมาก็ยังพอหาเงินได้ พี่ชายเจ้า…ก็มีงานคิดคำนวณบัญชีที่พอทำได้ ไว้ภายภาคหน้าค่อยเก็บเล็กผสมน้อยขึ้นมาก็ย่อมได้” หร่วนซื่อพยายามฝืนยิ้มออกมา “เจ้ามีความนึกคิดเป็นของตนเอง คิดว่าทำเช่นนี้ดีแล้ว เช่นนั้นแม่ก็เชื่อเจ้า แต่ภายภาคหน้าหากได้รับความไม่เป็นธรรมก็กลับมา นะ?”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ซ่งอิงคิดว่าตนไม่รับไว้ก็คงไม่ดีนักเช่นกัน อย่างไรเสียสภาพจิตใจของหร่วนซื่อในตอนนี้ก็กระเจิดกระเจิงมากพอแล้ว จะมัวทำให้นางกังวลใจอยู่อีกไม่ได้

แต่เอาไปทั้งหมด…ซ่งอิงก็ไม่ค่อยยินดีเช่นกัน ทำได้เพียงหลังจากไปแล้วค่อยคิดหาวิธีนำเงินกลับมาคืน

ในมือซ่งอิงยังพอมีเงินอยู่บ้าง

บิดามารดาให้ที่ดินหนึ่งหมู่สามเฟิน ผนวกกับเงินสองตำลึงเงิน ซ่งสวินก็นำเงินที่ขายลวี่โต้วกั่วก่อนหน้านี้ยกให้นางทั้งหมด

ในภายหลังซ่งสวินขายทั้งหมดห้าวัน ทุกวันล้วนขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยจิน อีกทั้งช่วงวันหลังๆ ก็ขายโดยขึ้นราคา

เงินได้สุทธิจึงมีจำนวนมากถึงห้าตำลึงเงินแปดอีแปะ ยังไม่รวมกับสามตำลึงเงินที่ตัวนางเอง

เงินเหล่านี้ ซ่งสวินไม่เก็บเอาไว้เลยสักนิด ยกให้นางทั้งหมด

เช่นนี้ บิดามารดาและซ่งสวินก็ยังไม่ค่อยพอใจ ควานหาสิ่งต่างๆ ในบ้านให้ทั่วไปหมด ดูว่ายังมีอะไรที่ให้นางนำติดตัวไปได้บ้าง ถึงขั้นต้องการให้นำไก่และเป็ดที่อยู่ในบ้านทั้งหมดยกให้นาง ซ่งอิงและพวกเขาบ่ายเบี่ยงกันไปมาอยู่ครึ่งค่อนวัน ท้ายที่สุดจึงนำเป็ดที่อยู่ในแปลงนาติดไป นอกจากนั้นก็นำลูกเจี๊ยบตัวที่มองดูแล้วค่อนข้างฉลาดตัวนั้นไปด้วย

ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าโสมน้อยเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ

ก็แค่ลูกเจี๊ยบที่เอาแต่ปกป้องอาหารตลอดเวลาก็เท่านั้นเองมิใช่หรือ

ไม่มีทางกลายเป็นภูตไปได้เป็นแน่!

แม้ว่าครอบครัวซ่งจะแยกครอบครัวแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นญาติกัน ว่ากันตามหลักก็ต้องช่วยเตรียมของเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมให้นางบ้าง

ผ้านวมผืนใหม่ อาภรณ์ใหม่สามสี่ตัว หม้อกระทะชามจานก็ครบครับแล้ว นอกจากนี้ ซ่งเหล่าเกินยังมอบเงินให้นางด้วยสามตำลึงเงิน ทำให้ซ่งอิงตกตะลึงปนประหลาดใจอยู่พักใหญ่ แน่นอนว่า เงินนี้นางไม่ได้รับเอามาแต่อย่างใด

เดือนสี่ วันที่สิบแปด ถือเป็นฤกษ์ดี ซ่งอิง ‘แต่งงาน’ ออกจากครอบครัวซ่ง

ซ่งเหล่าเกินเชิญคนมาแบกสินเดิม ถือโอกาสป่าวประกาศโดยทั่วว่านำนางส่งไปยัง ‘บ้านสามี’ แล้ว

หลังไหว้หลุมศพ ก็ถึงพิธีเข้าบ้านใหม่

บ้านใหม่เป็นบ้านทรุดโทรมหลังหนึ่ง หลายปีก่อนคนที่เคยอยู่อาศัยหนีภัยพิบัติไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก ทิ้งรกร้างเอาไว้หลายปี ด้วยน้ำพักน้ำแรงในหลายวันมานี้ ซ่งจินซานยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดพักใหญ่ พยายามทำให้คนพออยู่อาศัยได้

บริเวณพื้นที่ซ่งอิงเป็นคนเลือก ติดกับภูเขา สะดวกสบายต่อการไปมาของภูตโสม และไม่ไกลจากบ้านครอบครัวซ่งมากนัก ซึ่งสะดวกบายต่อการไปมาเยี่ยมเยียนหร่วนซื่อ

สิ่งเดียวที่ไม่ดีของสถานที่นี้ก็คือ อยู่ใกล้กับบ้านตระกูลหลี่มาก ภายภาคหน้าคงได้เเจอกันทุกครั้งที่เงยหน้า

ซ่งอิง ‘แต่งงาน’ ครานี้ เป็นที่สร้างความตระหนกตกใจให้แก่ทุกคนที่รับรู้สถานการณ์ครอบครัวซ่ง

โดยเฉพาะซ่งอิงเพิ่งก้าวออกจากบ้านไม่ทันไร จากนั้นก็มีคนจำนวนไม่น้อยถ่อไปถึงเบื้องหน้าหร่วนซื่อ

“ฮั่วหรงตายไปแล้ว เหตุใดลูกสาวเจ้าจึงแต่งกับเขาเสียล่ะ โอ๊ย ข้ายังคิดว่าเจ้าจะเก็บลูกสาวคนนี้เอาไว้เป็นเมียลูกชายเจ้าเสียอีกแน่ะ…”