ตู้ม!!
 

“ระเบิดนั่น…เริ่มแล้วงั้นหรอ!?”

 

ในขณะเดียวกันที่ด้านในตัวปราสาทเองก็มีเด็กสาวหูแมวในชุดเดรสสีชมพูหรือก็คือ ทีเอร่า เด็กสาวที่ประกาศตัวเองว่าเป็นผู้ตีแผ่ความจริงเบื้องหลังประวัติศาสตร์ที่พรีมูล่ากับคอนแนลได้ไปเจอมากันในเมืองรีมินัสก่อนหน้านี้ที่เพิ่งจะพุ่งฝ่ากลางกลุ่มของนากาเข้ามาภายในปราสาทกราวิทัส ซึ่งเธอก็กำลังยืนอยู่กลางโถงทางเดินภายในปราสาทท่ามกลางเหล่าขุนนางและข้ารับใช้ที่จับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างตื่นตระหนก

 

‘เกิดอะไรขึ้น!?’

 

‘ทหาร!! พวกทหารยามไปอยู่ที่ไหนกันหมด!!’

 

‘พวกเรารีบหนีออกไปจากที่นี่เร็ว!!’

 

ตู้ม!!

 

‘เหวอ–’

 

‘รีบหนีเร็ว!!’

 

‘เร็วๆ สิวะไอ้ขี้ข้า รีบๆ ขนของไปเร็ว!’

 

“ชิ— ไม่มีเวลาแล้ว!!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมๆ กับเสียงหวีดร้องโวยวายของเหล่าขุนนางและข้ารับใช้ทำให้ทีเอร่าต้องรีบตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าวิ่งสวนเหล่าขุนนางที่กำลังหนีตายพวกนั้นเข้าไปลึกภายในตัวปราสาทจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องประชุมห้องเดียวกับที่พวกนากาเพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่นาน ก่อนที่เธอจะถีบประตูห้องให้มันเปิดออกและรีบตะโกนเรียกคนที่อยู่ด้านในในทันที

 

ปึ้ง!!

 

“พี่โดตั้น!! รีบห—”

 

ทีเอร่าที่เห็นสภาพภายในห้องประชุมนั้นได้ชะงักไปก่อนจะพูดจบ เพราะว่าภายในห้องประชุมที่เคยถูกประดับเอาไว้อย่างหรูหรานั้นบัดนี้เต็มไปด้วยเศษหินที่เกิดขึ้นจากการระเบิดอย่างรุนแรงจนทำให้กำแพงฝั่งหนึ่งถล่มลงมาจนเห็นทะลุไปถึงห้องข้างๆ และตามกำแพงเองก็เปื้อนเลือดสีแดงลากไปเป็นทางยาวอีกด้วย

 

ฟุ๊บ—

 

“ช….ช่วยด้วย…”

 

ทันใดนั้นเองก็มีร่างของขุนนางสูงวัยคนหนึ่งเซลงมาพิงตัวของทีเอร่าพร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แต่ว่าก่อนที่ทีเอร่าจะได้หันไปดูอาการของเขาก็ได้มีของอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากอีกมุมหนึ่งของห้องพร้อมๆ กับที่มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมา

 

สวบ—

 

“อ๊ากกกกกก!!”

 

สวบ–สวบ–สวบ–สวบ–!!

 

“พ—พี่ชายรีบหนีออกไปด้านนอกก่อนเร็ว!!”

 

เสียงของอะไรบางอย่างที่ถูกเสียบลงบนพื้นผิวนิ่มๆ นั้นยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมาพร้อมกันจะแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนเงียบลงไปแล้ว ซึ่งทีเอร่าที่พอจะเดาได้ว่าที่อีกมุมหนึ่งของห้องกำลังเกิดอะไรขึ้นนั้นก็ตัดสินใจที่จะไม่หันไปมองและรีบลากร่างของขุนนางที่พิงเธออยู่ออกไปด้านนอกห้องในทันที

 

และเมื่อทีเอร่าลากร่างของขุนนางคนนั้นไปนอนรอความช่วยเหลืออยู่ด้านนอกห้องได้สำเร็จ เธอก็รีบโผล่หัวเข้าไปแอบดูสภาพภายในห้องเพื่อสำรวจหาผู้รอดชีวิตคนอื่นที่อาจจะยังเหลืออยู่ในทันที

 

สวบ–สวบ–สวบ–สวบ–

 

และเธอก็พบว่าตรงมุมห้องที่เกิดเสียงกรีดร้องขึ้นมานั้นมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งในชุดผ้าคลุมปิดหน้าปิดตากำลังใช้มือจับคอของขุนนางสูงวัยคนหนึ่งยกขึ้นสูงเหนือพื้นและใช้ดาบคาตานะในมืออีกข้างเสียบเข้าไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะสิ้นลมหายไปใจแล้ว

 

“พี่โดตั้น!?”

 

ทันใดนั้นเองทีเอร่าก็ได้เหลือบไปเห็นโดตั้นที่นอนหมดสติอยู่ด้านหลังของโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ที่ล้มอยู่ทำให้เธอต้องรีบแอบพุ่งตัวเข้าไปตรวจดูอาการของอีกฝ่ายในทันที

 

สวบ–สวบ–สวบ–สวบ–

 

ทีเอร่าที่แอบเข้ามาในห้องได้โดยที่ร่างเล็กๆ ภายใต้ผ้าคลุมนั้นไม่ทันสังเกตเห็นรีบตรวจดูชีพจรของขุนนางหนุ่มในทันที และเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงชีพจรอันแผ่วเบาของร่างตรงหน้าเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและยื่นมือไปคล้องไหล่ทั้งสองข้างของโดตั้นเพื่อที่จะพยายามลากร่างของเขาออกไปจากห้องนี้

 

สวบ–สวบ–ตุ๊บ—

 

แต่ว่ายังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้ออกแรงลากร่างของโดตั้นให้ขยับออกจากจุดเดิม เสียงของดาบคาตานะที่ถูกกระหน่ำเสียบลงไปอย่างต่อเนื่องนั้นก็หยุดลงและตามมาด้วยเสียงของอะไรบางอย่างที่ตกลงพื้นแทน ก่อนที่ร่างในผ้าคลุมนั้นจะค่อยๆ หันมามองทางทีเอร่าอย่างช้าๆ

 

“….!?”

 

ซึ่งถึงแม้ว่าภายใต้ผ้าคลุมที่ร่างเล็กๆ สวมใส่อยู่นั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดผิดธรรมชาติราวกับว่าแสงสว่างไม่อาจส่องผ่านเข้าไปใต้ผ้าคลุมนั้นได้ แต่ว่าความโกรธแค้นที่ถูกแผ่ออกมาจากภายใต้ผ้าคลุมนั้นกลับชัดเจนซะจนทำให้ทีเอร่าที่หันกลับไปมองนั้นสะดุ้งไปเล็กน้อย

 

ตึก… ตึก…

 

ร่างเล็กๆ ภายใต้ผ้าคลุมนั้นได้ก้าวเท้าเข้ามาทางเธออย่างช้าๆ ทำให้ทีเอร่าต้องรีบหยิบเอาอาวุธของเธอที่ลักษณะเป็นไม้กางเขนโลหะที่มีคริสตัลวิซสีแดงติดอยู่ออกมาสองอัน ก่อนที่เธอจะโยนพวกมันออกไปและส่งวิซของเธอเข้าใส่ไม้กางเขนทั้งสองอันจนทำให้พวกมันลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับหันด้านที่มีคริสตัลวิซสีแดงติดอยู่เข้าหาร่างภายใต้ผ้าคลุมและเรืองแสงสีแดงออกมาเล็กน้อย

 

“ยิงเลย!!”

 

วิ๊ง—!

 

ทันใดนั้นเองคริสตัลวิซสีแดงตรงกลางกางเขนทั้งสองอันก็ส่องแสงสว่างวาบขึ้นมา ก่อนที่พวกมันจะยิงลำแสงสีแดงที่เกิดจากความร้อนพุ่งตรงเข้าใส่ร่างในผ้าคลุมในทันที

 

ซู่มมมมม—ตู้ม!!

 

“เอาล่ะ จังหวะนี้แหละ!”

 

ทีเอร่าที่เห็นว่าอีกฝ่ายรับลำแสงของเธอเข้าไปเต็มๆ จนเกิดระเบิดขึ้นมานั้นได้ร้องขึ้นมาอย่างดีใจก่อนที่เธอจะรีบหันกลับไปลากร่างของโดตั้นอีกครั้งหนึ่ง

 

ฟุ๊บ—หมับ!!

 

“อุ๊—”

 

แต่ว่าในชั่วพริบตาที่เธอหันกลับไปหาโดตั้นนั้นลำคอของเธอก็ถูกกระแทกเข้าอย่างแรงจนแทบจะทำให้เธอสำลักออกมา ก่อนที่เธอจะพบว่าสิ่งที่กระแทกลำคอของเธอนั้นก็คืออุ้งมือของร่างในผ้าคลุมที่พุ่งสวนลำแสงของเธอมาบีบคอของเธอเอาไว้ และในตอนนี้อีกฝ่ายก็กำลังยกร่างของเธอขึ้นกลางอากาศโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

 

“…..”

 

“ป—ปล่อยนะ!!”

 

ปึก! ปึก!

 

ทีเอร่าที่ถูกบีบคอและยกขึ้นกลางอากาศจนลอยอยู่เหนือพื้นนั้นได้พยายามที่จะใช้ขาของเธอเตะเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถเพื่อหวังที่จะให้อีกฝ่ายปล่อยมือออกจากลำคอของเธอ แต่ไม่ว่าเธอจะออกแรงเตะใส่อีกฝ่ายมากมายขนาดไหนร่างเล็กๆ ภายใต้ผ้าคลุมก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ทำให้ทีเอร่าตัดสินใจที่จะใช้ไม้กางเขนทั้งสองอันของเธอยิงใส่แสงเข้าใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง

 

“ป…ปล่อย…!”

 

วิ๊ง—! ครึก…

 

“อ๊อก…!”

 

ในทันทีที่ทีเอร่าเริ่มส่งวิซของเธอเข้าใส่ไม้กางเขนจนมันเรืองแสงขึ้นมานั้น ร่างในผ้าคลุมก็ได้ออกแรงบีบเพิ่มมากขึ้นจนลำคอของทีเอร่าส่งเสียงดังลั่นออกมา ซึ่งทีเอร่าที่ถูกบีบคออย่างแรงจนแทบจะขาดอากาศหมดสตินั้นก็ไม่สามารถที่จะตั้งสมาธิส่งวิซของเธอเข้าใส่ไม้กางเขนทั้งสองอันได้อีกจนแสงที่คริสตัลของมันดับลงพร้อมกับร่วงหล่นลงสู่พื้น

 

เคร๊ง—

 

“ทีเอร่า!!?”

 

ก่อนที่ทีเอร่าจะขาดอากาศจนหมดสติลงไปนั้น ก็ได้มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งร้องเรียกชื่อของเธอขึ้นมา ก่อนที่ร่างของเซซิเรียจะพุ่งผ่านเข้าประตูห้องมาอย่างรวดเร็วและตวัดหอกคริสตัลในมือเข้าใส่ร่างในผ้าคลุมจนทำให้อีกฝ่ายต้องรีบปล่อยมือออกจากลำคอของเด็กสาวและกระโดดถอยหลังหลบออกไป

 

ฟวั๊บ!!

 

“…!”

 

เพล้ง!!

 

ซึ่งเซซิเรียก็รีบใช้โอกาสนี้คว้าตัวของทีเอร่าที่กำลังจะตกลงสู่พื้นเอาไว้ และพุ่งทะลุหน้าต่างห้องประชุมที่อยู่ชั้นสองออกไปยังสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านของปราสาทอย่างรวดเร็วและเอ่ยปากถามเด็กสาวขึ้นมา

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าทีเอร่า!? ตอนนี้พวกองค์ชายกับเชื้อพระวงศ์หนีออกไปกันหมดแล้ว พวกเราเองก็รีบไปกันเถอะ”

 

“แค่ก—! ด…เดี๋ยวก่อนพี่เซซิเรีย! ยังมีคนอื่นเหลืออยู่ในห้องนั้นนะคะ!!”

 

ทีเอร่าที่กำลังไอสำลักและสูดหายใจเข้าอย่างยากลำบากนั้นรีบพูดขึ้นมาเมื่อพบว่าเซซิเรียได้พาตัวเธอออกมานอกตัวปราสาทเพียงแค่คนเดียวโดยไม่ได้หิ้วโดตั้นที่อยู่ใกล้ๆ กันออกมาด้วย

 

แต่ว่าเซซิเรียก็กลับไม่สนใจคำพูดของเธอและรีบอุ้มเด็กสาววิ่งหนีออกไปทางประตูของเขตปราสาทโดยแฝงตัวไปกับเหล่าขุนนางและข้ารับใช้ที่ยังคงทยอยวิ่งหนีออกมากันอยู่เรื่อยๆ

 

“เรื่องนั้นเราช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้แล้ว!! ถ้าเกิดว่ามีแค่พวกแฟรี่อย่างเดียวล่ะก็ว่าไปอย่าง แต่ว่าถ้ามียัยนั่นอยู่ด้วยแบบนี้แค่ฉันคนเดียวรับมือไม่ไหวหรอกนะ จะให้กลับเข้าไปอีกรอบมันก็เหมือนกลับเข้าไปตายเปล่านั่นแหล่ะ!!”

 

“ต—แต่ว่าพี่—”

 

“ไม่มีแต่!! ก่อนหน้านี้นิลิมก็เกือบต้องมาตายเพราะฉันไปรอบนึงแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้คนอื่นต้องมาเสี่ยงตายแบบนั้นอีกครั้งหรอกนะ!!”

 

“พ—พี่เซซิเรีย…”

 

 

ทางด้านร่างในผ้าคลุมที่ถูกเซซิเรียโฉบเด็กสาวหูแมวในอุ้งมือของเธอไปต่อหน้าต่อตานั้นก็เดินไปทางหน้าต่างที่เซซิเรียพุ่งตัวออกไป และมองตามหญิงสาวผมเขียวที่กำลังแบกเด็กสาวหูแมวผมสีดำวิ่งหนีออกไปนอกเขตวังไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

“…..”

 

“จะปล่อยเด็กคนนั้นไปหรอจ๊ะ?”

 

ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา ก่อนที่บริเวณด้านหลังของเธอจะปรากฏร่างเงาจางๆ ของหญิงสาวร่างหนึ่งขึ้นมาเกาะไหล่ของเธอเอาไว้

 

“ค่ะ”

 

“แต่ถ้าเกิดว่าเซซิเรียไม่ได้มาขวางเอาไว้หนูก็คงจะไม่ไว้ชีวิตเด็กคนนั้นงั้นสินะจ๊ะ…?”

 

“…ค่ะ”

 

ร่างในผ้าคลุมตอบอีกฝ่ายกลับไปสั้นๆ โดยไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาแม้แต่นิดเดียวแล้วจึงเดินเข้าไปหาร่างของโดตั้นที่ยังคงนอนสลบอยู่ก่อนที่เธอจะเหวี่ยงขาเตะเข้าที่กลางลำตัวของเขาเข้าไปทีหนึ่ง

 

ผลั๊ก!!

 

“อั๊ก—!?”

 

ถึงแม้ว่าร่างของเด็กสาวในผ้าคลุมนั้นจะไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าทีเอร่าที่เป็นเด็กสาวอายุน้อยสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าร่างของโดตั้นที่ถูกเธอเหวี่ยงขาเตะใส่นั้นถึงกับกระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงห้องที่อยู่อีกฝั่งและได้สติขึ้นมาในทันที

 

“….? คุณเวนเดล—!?”

 

ภาพที่โดตั้นเห็นเป็นสิ่งแรกเมื่อได้สติมานั้นก็คือร่างของหนึ่งในขุนนางสูงวัยที่นอนแน่นิ่งเบิ่งตากว้างโดยไร้ซึ่งลมหายใจ ซึ่งโดตั้นนั้นก็รีบผุดลุกขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นร่างของเด็กสาวในชุดคลุมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน

 

“น—นี่แก— แกเป็นใครกัน!? ระเบิดนั่นเป็นฝีมือแกงั้นหรอ!? ทำไมแกถึงต้องฆ่าคุณเวนเดลด้วย!!”

 

“เหมือนจะไม่รู้เรื่องจริงๆ ด้วยสินะจ๊ะเนี่ย แบบนี้จะเรียกได้ว่าเขารักษาคำพูดจนถึงวินาทีสุดท้ายก็ได้ล่ะมั้ง? หนูคิดว่าไงบ้างล่ะ”

 

“…นั่นสินะคะ”

 

เด็กสาวในผ้าคลุมตอบร่างเงาของหญิงสาวกลับไปสั้นๆ แต่ว่าสำหรับโดตันที่ไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของร่างเงานั่นแล้วก็มันก็ไม่ต่างจากการที่เด็กสาวกำลังอยู่กับตัวเองเลยแม้แต่น้อยเขาจึงได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวงและพยายามแอบเดินถอยห่างออกจากอีกฝ่ายอย่างช้าๆ

 

“….”

 

เด็กสาวในชุดผ้าคลุมทำเพียงแค่มองดูโดตั้นที่กำลังแอบขยับถอยไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่เธอจะล้วงเข้าไปภายใต้ผ้าคลุมและหยิบเอารูปภาพรูปหนึ่งออกมาให้เขาดู ซึ่งสิ่งที่ปรากฏอยู่ในรูปใบนั้นก็ถึงกับทำให้โดตั้นเบิกตากว้างและรีบร้องถามออกมาในทันที

 

“—!? ก—แกเป็นพวกเดียวกับมันงั้นหรอ—!?”

 

“พวก…? เรียกว่าเพื่อนเก่า…น่าจะดีกว่า…”

 

“เพื่อนเก่างั้นหร—”

 

คำพูดของเด็กสาวในผ้าคลุมนั้นทำให้ใบหน้าของโดตั้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือดราวกับกำลังเห็นผี ก่อนที่เขาจะรีบก้าวถอยออกห่างจากร่างเล็กๆ ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

 

ปึ๊ก!

 

แต่ว่าทันใดนั้นเองแผ่นหลังของเขาก็กระแทกกับกำแพงห้องเข้าจนทำให้ตัวเขาที่หมดทางหนีต้องรีบพูดแก้ตัวขึ้นมาเพื่อหวังที่จะเอาชีวิตรอดจากร่างเล็กๆ เบื้องหน้า

 

“ฉ–ฉันแค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น! ถ้าจะโทษใครก็ไปโทษยัยนั่นที่ทำตัวเด่นจนตกเป็นเป้าเองสิ!!”

 

โดตั้นพยายามร้องตะโกนใส่อีกฝ่ายสุดเสียงเผื่อว่าจะมีทหารยามหรือใครสักคนที่บังเอิญผ่านมาได้ยินเข้าและเข้ามาช่วยเขาเอาไว้ แต่ว่าในสถานการณ์ที่ทุกอย่างในวังหลวงตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะเหตุระเบิดนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครได้ยินเสียงของเขาได้

 

“คำสั่ง… คำคำนี้อีกแล้วหรอ…?”

 

ร่างในผ้าคลุมที่เหมือนจะรู้ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาดีนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยราวกับว่าเธอคาดเอาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องพูดแก้ตัวออกมาแบบนี้ ก่อนที่เธอจะยกดาบคาตานะที่ถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดงขึ้นมาสำรวจดูและใช้ผ้าคลุมของเธอเช็ดทำความสะอาดมันอย่างช้าๆ

 

“….”

 

ร่างเงาของหญิงสาวที่ลอยอยู่เบื้องหลังของเด็กสาวในชุดผ้าคลุมนั้นทำเพียงแค่จับตาดูการกระทำของเด็กสาวอยู่อย่างเงียบๆ และเมื่อเธอเห็นว่าเด็กสาวในชุดผ้าคลุมเช็ดคราบเลือดออกจากใบดาบในมือเสร็จแล้วและค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้โดตั้นอย่างช้าๆ นั้นเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ก่อนที่ร่างจางๆ ของเธอจะค่อยๆ สลายหายไปกับอากาศโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

“ทั้งๆ ที่แกเป็นมนุษย์แท้ๆ …”

 

ร่างในผ้าคลุมพูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงอารมณ์อะไรบางอย่างเอาไว้ ในขณะที่โดตั้นนั้นก็กำลังยกมือของเขามาบังหน้าตัวเองราวกับว่าจะใช้มันปกป้องตัวเองจากเด็กสาวในชุดผ้าคลุมที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับพยายามพูดร้องขอชีวิตจากอีกฝ่าย

 

“ฉันขอโทษ—”

 

แต่ว่าเด็กสาวภายใต้ชุดคลุมนั้นก็เหมือนกับว่าจะไม่สนใจคำร้องขอชีวิตของโดตั้นเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าเธอได้ตวัดดาบคาตานะในมือลงมาเต็มแรงจนใบดาบแทบจะกลายเป็นเส้นแสงสีขาวพุ่งเข้าใส่โดตั้นอย่างรวดเร็ว

 

ฟวับ—

 

“ค—ใครก็ได้—ช่วยด้วย—!!”

 

เคร๊ง!!

 

“…!”

 

แต่ว่าในชั่วพริบตาก่อนที่ใบดาบของเด็กสาวในชุดผ้าคลุมจะพุ่งเข้าใส่ร่างของโดตั้นนั้น มันก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยกล่องโลหะสีดำขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาขวางทางซะก่อน

 

ครืดดดดดดด…

 

ซึ่งใบดาบคาตานะนั้นก็ผ่าเข้าใส่กล่องสีดำอย่างรุนแรงจนมันแทบจะขาดครึ่งก่อนจะหยุดลงห่างจากใบหน้าของโดตั้นไปเพียงเล็กน้อย ในขณะที่เด็กสาวในผ้าคลุมนั้นก็หันไปมองผู้ที่เข้ามาขัดขวางการลงมือของเธอและพบกับร่างเล็กๆ ในชุดเครื่องแบบสาวใช้สีน้ำตาลที่มีปีกแสงสีฟ้าทรงผีเสื้อที่แตกร้าวเป็นทางยาวพร้อมกับพูดขึ้นมา

 

“ส่วนเธอ…ก็ชอบทำตัวนอกคำสั่งซะจริงนะ…นูลิส…”

 

“หัวหน้า…”