จั๋วฝานจ้องท่าทางลิงโลดของอีกากลืนวิญญาณและยกมุมปากขึ้น รู้ว่าหลงจิ่วจำเขาได้ เหนือสิ่งอื่นใด เขาชินกับการเรียกหลงจิ่วว่า’ปู่จิ่ว’ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

นอกจากนี้ ไม่เหมือนกับพวกที่เรียกเขาว่า’ปู่จิ่ว’ น้ำเสียงของจั๋วฝานนั้นทำให้หลงจิ่วรู้ได้ชัดว่าเขาเป็นใคร

ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เกิด ดวงตาของพวกเขาแทบถลนออกมา

เด็กตระกูลระดับสามกลับกล้าพูดจาไร้สาระกับผู้อาวุโสศาลาเฉียนหลง ที่แปลกไปกว่านั้นคือผู้อาวุโสที่โดนสวนกลับไม่เพียงไม่โมโห แต่ยังดูผ่อนคลาย

ยิ่งไปกว่านั้น มันดูเหมือนจะมีความหมายแฝงอยู่ในนั้น ซึ่งทำให้พวกเขางุนงง

นี่สร้างความสงสัยมากมายให้กับแขก แต่ก่อนพวกเขาจะได้ถาม เสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้น”หึ่ม หมู่ตึกฮัวอวี่ช่างกล้าคิดให้พวกมดแมลงมีโต๊ะนั่ง!”

เซี่ยเทียนหยางยืนที่ประตูทางเข้าท่ามกลางความตกใจของทุกคน ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของเจี้ยนซุยเฟิงกลับกลายเป็นดำมืด

การกีดกันตำหนักกระบี่ออกจากงานเลี้ยงของเจ็ดตระกูลใหญ่ถือเป็นการตบหน้าพวกเขา

ฉู่ชิงเฉิงรีบร้องเตือนจั๋วฝาน”ใครบอกให้เจ้านั่ง?ออกไปซะ!”

“ฉู่ชิงเฉิง เจ้าลืมไปแล้วหรือไง?มันเป็นข้าที่เชิญพวกเขาเอง!”หวงปู้ชิงหยุนยิ้มให้นาง แต่ความหมายในวาจากลับทิ่มแทงไปที่ตำหนักกระบี่”การมีโต๊ะว่างนั้นเสียเปล่าข้าเลยเชิญศิษย์สองคนมานั่ง ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ที่ให้สุนัขมานั่งอยู่แล้ว”

“ฮึ่ม เนื่องจากนายน้อยสองไม่เห็นตำหนักกระบี่อยู่ในสายตา เราก็ไม่ควรอยู่ ข้าขอลา!”เซี่ยเทียนหยางสะบัดแขนเสื้อและเดินหนีไป

ครั้งนี้ เจี้ยนซุยเฟิงไม่หยุดเขา และเดินตามเขาไปด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง จะไม่มีการประนอมอีกเนื่องจากมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ต่อให้มันหมายถึงการตอแยอีกหกตระกูลก็ตาม

ฉู่ชิงเฉิงกลายเป็นวิตก

มันคือหวงปู้ชิงหยุนที่ทำแบบนี้ แต่หมู่ตึกฮัวอวี่คือเจ้าภาพ ด้วยเซี่ยเทียนหยางที่กลับไปพร้อมกับความอัปยศ ตำหนักกระบี่จะไม่โทษหมู่ตึกฮัวอวี่หรือ?

ในวินาทีวิกฤตเฉกเช่นนี้ หมู่ตึกฮัวอวี่ควรสร้างมิตร ไม่ใช่สร้างศัตรูเพิ่ม

“นายน้อยเซี่ย โปรดรอก่อน นี่เป็นความผิดของหมู่ตึกเราเอง โปรดให้อภัยข้าด้วย!ข้าจะจัดเตรียมโต๊ะให้เป็นการขอโทษ!’ฉู่ชิงเฉิงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

เซี่ยเทียนหยางหยุดและหันมา ฉู่ชิงเฉิงเต็มใจก้มหัวนางเพื่อขอโทษ นี่มากพอจะรักษาศักดิ์ศรีของตำหนักกระบี่แล้ว

มันไม่เหมาะสมที่จะดึงดัน

แต่ทว่า พอเห็นรอยยิ้มเยาะของหวงปู้ชิงหยุน ความโกรธของเซี่ยเทียนหยางก็ระเบิดและพูดขึ้นอย่างเย็นชา”ท่านเจ้าหมู่ตึกฉู่ ในเมื่อท่านมีประตูจักพรรรดิผู้ยิ่งใหญ่ให้เอนซบ ท่านก็ไม่ต้องลดตัวเองหรอก ข้าโชคร้ายที่ต้องบอกว่าตำหนักกระบี่นั้นเล็กและขาดแคลนจนไม่สามารถยอมรับคำขอโทษของท่านได้”

เซี่ยเทียนหยางเดินจากไป

ฉู่ชิงเฉิงถอนหายใจ

นางจะไม่เข้าใจความหมายเขาได้ไง?หมู่ตึกฮัวอวี่ได้เลือกพึ่งพาประตูจักรพรรดิในยามที่สิ้นหวังสุด ซึ่งทำให้ตระกูลอื่นออกห่าง

นางไม่รู้ว่านี่เป็นเส้นทางที่ถูกไหม แต่นางเริ่มรู้สึกว่าหมู่ตึกฮัวอวี่กลายเป็นอ้างว้างขึ้น แม้กระทั่งมิตรที่ยั่งยืนอย่างหลงจิ่วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ

ถ้านางไม่สามารถแม้แต่จะรักษาศักดิ์ศรีของแขกนางได้ แล้วพวกเขาจะกลับมาอีกเป็นครั้งที่สองหรือ?

หวงปู้ชิงหยุนดำดิ่งกับความพอใจและแสดงรอยยิ้ม ดวงตาของเขากวาดมองไปทางราชาเม็ดยาอสูรที่พยักหน้าและแสดงแววตาเจ้าเล่ห์

จั๋วฝานเห็นมันและกรีดร้องข้างใน[บัดซบ!นี่คือแผนของหวงปู้ชิงหยุน!เพื่อแยกหมู่ตึกฮัวอวี่จากตระกูลอื่น!]

ตอนหมู่ตึกฮัวอวี่ไม่หลงเหลือ สิ่งที่ตามมาคือตำหนักกระบี่กับศาลาเฉียนหลงที่ไม่ยอมช่วยเหลือ และตอนเจ็ดตระกูลใหญ่ตกอยู่ใต้ร่มธงเดียว ตระกูลลั่วจะพินาศ

จั๋วฝานหรี่ตาขณะตะโกน”พี่ชายเซี่ย ตรงนี้มีที่นั่งอยู่!ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร มานั่งเบียดกันข้าเป็นไง?”

[ฮึ่ม เด็กบัดซบไร้ชื่อกลับกล้าเรียกข้าว่าพี่ชาย?เจ้าคู่ควรหรือไง?การนั่งข้างเจ้าเท่ากับโยนศักดิ์ศรีของเจ็ดตระกูลใหญ่ทิ้งขว้าง!]

เซี่ยเทียนหยางแค่นเสียงอยู่ด้านในขณะกัดฟัน!

[หมู่ตึกฮัวอวี่โสมมเกินไปแล้ว!ตั้งแต่เมื่อไรที่เด็กตระกูลระดับสามสามารถตะโกนใส่ข้าได้?]

เซี่ยเทียนหยางไม่แม้แต่จะหันกลับ แต่จั๋วฝานกลับยังตะโกน”ขี้ขลาด เจ้ากลัวที่จะนั่งข้างข้าหรือไง?”

น้ำเสียงดุดันนี้ดังสะท้อนในหูทุกคน

ทุกคนตาลาย แม้กระทั่งหวงปู้ชิงหยุน

[บัดซบ!เด็กนี่ถือเป็นคนบ้าในหมู่คนบ้า!]

ตอนแรกเขาข่มขู่ผุ้อาวุโสจิ่ว ตอนนี้เขายังเรียกนายน้อยแห่งตำหนักกระบี่ว่าขี้ขลาด?เขาอยากตายมากขนาดนั้นเลยหรือไง?

ผู้อาวุโสจิ่วไม่โต้ตอบเพราะความเป็นผู้อาวุโส ด้วยอำนาจของเขา การโจมตีผู้เยาว์ต่อหน้าทุกคนน่าอัปยศเกินไป

ขณะที่เซี่ยเทียนหยางคือคนหนุ่มที่บุ่มบ่าม[เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยเจ้าไปหลังโดนดูถูกเช่นนี้นะหรือ?]

[หมู่ตึกฮัวอวี่จะไม่พูดอะไรด้วยซ้ำต่อให้เจ้าตาย!]

เจ้าหมู่ตึกชิงฮัวกุมหน้าผาก ขณะที่เจ้าหมู่ตึกมู่ตานถอนหายใจ ฉู่ชิงเฉิงได้แต่กัดฟัน นางแทบอยากฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ

[เด็กตัวเหม็นนี่ เขาคิดด้วยกล้ามเนื้ออีกแล้ว!]

ศิษย์ของราชาเม็ดยาอสูรกับหลินจื่อเทียนมองการแสดงนี้อย่างลิงโลด

“เจ้าหมู่ตึกฉู่ นี่คงมากเกินไปกระมั้งต่อให้ท่านพึ่งพาประตูจักรพรรดิ ท่านอยากดูถูกตำหนักกระบี่มากขนาดนี้เชียวหรือ?”เจี้ยนซุยเฟิงแค่นเสียงด้วยความโกรธขณะที่ตัวของเขาแผ่กลิ่นอายดุดันออกมา

ฉู่ชิงเฉิงรีบปฏิเสธความเข้าใจผิด”โปรดใจเย็นลงก่อน ผู้อาวุโสแปด นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เด็กคนนี้พูดโดยไม่คิด ข้าจะจัดการกับเขาเอง”

ฉู่ชิงเฉิงจ้องจั๋วฝาน”ซ่งอวี่ รออะไรอยู่?รีบขอโทษเร็ว!”

รอยยิ้มปรากฏบนหน้าของจั๋วฝานขณะที่เขามองแผ่นหลังของเซี่ยเทียนหยาง

เซี่ยเทียนหยางหันมา จ้องจั๋วฝานด้วยความโกรธ แต่ก็ยังตกใจ จากนั้นก็เดินไปหาจั๋วฝาน

‘นายน้อยเซี่ย ได้โปรด…เขายังเด็ก โปรดอย่าลดตัวเองมาระดับเขาเลย!”ฉู่ชิงเฉิงประหม่า แต่ปราณก็รวมอยู่ในฝ่ามือนาง

นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแทรกแซงถ้าเซี่ยเทียนหยางลงมือ

เสี่ยวตานตานกระโดดไปข้างหน้าจั๋วฝาน”นายน้อยเซี่ย เขาเป็นคู่หมั้นเขา หนึ่งในคนของหมู่ตึกฮัวอวี่ ความผิดพลาดของเขาจะโดนหมู่ตึกจัดการเอง โปรดอย่าปล่อยให้ความโกรธควบคุมท่าน!”

เซี่ยเทียนหยางเมินนาง เดินไปที่โต๊ะของจั๋วฝานอย่างสงบ

แต่ทว่า มันเกินความคาดหมายของทุกคน ทั้งสองไม่ได้ปะทะกัน เซี่ยเทียนหยางกลับหย่อนก้นบนเก้าอี้ข้างจั๋วฝานและเทสุราลงแก้วเขา จากนั้นก็จ้องหน้าจั๋วฝานขณะหัวเราะ”ฮ่าๆๆ สุราดี!”

“แน่นอน!สุราของหมู๋ตึกฮัวอวี่ทำโดยสาวงามสะพรั่ง เนื่องจากพี่ชายมาแล้ว เราก็มาดื่มกันสักตั้ง!”

จั๋วฝานเติมแก้วเขาและเซี่ยเทียนหยางก็นั่งพยักหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดวงตาของทุกคนแทบถลนออกจากเบ้า แม้กระทั่งเจี้ยนซุยเฟิงก็ยังโง่งม

อารมณ์บุ่มบ่ามของเซี่ยเทียนหยางเคยปะทุต่อหน้าหวงปู้ชิงหยุนมาแล้ว ทำไมเขาถึงไปดื่มกับชายที่เพิ่งด่าเขากัน?

เขายังไม่เข้าใจ นับประสาอะไรกับคนอื่น

พอเห็นการแสดงถูกตัดบท คนอื่นก็ตกตะลึง ฉู่ชิงเฉิงเองก็มึนงง แต่มือนางผ่อนคลาย

นางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจั๋วฝานใช้ลูกไม้อะไรถึงทำให้นายน้อยตำหนักกระบี่สงบลงได้

“เซี่ยเทียนหยาง ไหนเจ้าบอกว่าจะไม่นั่งร่วมโต๊ะกับคนชั้นต่ำกว่า..”หวงปู้ชิงหยุนผิดหวังมาก

เซี่ยเทียนหยางหัวเราะ”ข้าจะทำแบบนั้น แต่ไม่ใช่กับน้องชายที่ข้าชื่นชม”

เซี่ยเทียนหยางกับจั๋วฝานชนแก้วกัน!

เจี้ยนซุยเฟิงเดินไปข้างเซี่ยเทียนหยางอย่างอึดอัด เขาได้แต่หันหัวไปหานายน้อย”ทะ-เทียนหยาง เจ้า.”

“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสแปด นั่งสิ!การนั่งร่วมโต๊ะกับน้องชายคนนี้จะไม่ทำให้ตำหนักกระบี่เสื่อมเสียเกียรติเลย!”เซี่ยเทียนหยางโบกมือ ดึงให้เจี้ยนซุยเฟิงนั่ง

เจี้ยนซุยเฟิงจ้องจั๋วฝานอย่างมึนตึง

พอเห็นความสงบกลับคืน ฉู่ชิงเฉิงเองก็ผ่อนคลาย ดวงตาคู่งามของนางมองจั๋วฝานอย่างขอบคุณ

จั๋วฝานยกแก้วให้นางและเลิกคิ้ว

ฉู่ชิงเฉิงมองค้อนเขาแต่ก็ไม่โกรธ มันเหมือนกับตอนพี่สาวที่ตีน้องชายด้วยความรัก

“ชิงเฉิง!’

ดวงตาของหวงปู้ชิงหยุนเริ่มเย็นชา เขาถูกกระตุ้นความโกรธด้วยการกระทำของจั๋วฝานที่กระจายความขัดแย้งระหว่างหมู่ตึกฮัวอวี่กับตำหนักกระบี่

แต่ทว่า ฉู่ชิงเฉิงไม่สังเกตเห็น นางจึงเร่งเร้า”ชิงหยุน มันยากที่จะรวมเจ็ดตระกูลใหญ่ก่อนงานไป่ตาน อย่างที่เจ้าเห็น โปรดอย่าถือสานายน้อยเซี่ยเลย”

“ฮ่าๆ ข้าจะไปถือสาได้ไง?ข้ามาเพราะเจ้าอยู่แล้วนี่”

ดวงตาของหวงปู้ชิงหยุนไหววูบขณะพูด”เริ่มได้ ตอนนี้ทุกตระกูลต่างมากันครบแล้ว มาจัดการเรื่องระหว่างหมู่ตึกฮัวอวี่กับโถงราชาเม็ดยากัน’

ฉู่ชิงเฉิงมีความสุข[ด้วยการคงอยู่ของประตูจักรพรรดิ สุนัขแก่นั่นจะต้องยอมมอบยาแก้พิษให้ข้า]

แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ราชาเม็ดยาอสูรเองก็คาดหวังสิ่งนี้เช่นกัน…