บทที่ 58 หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นแขก

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 58 หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นแขก

บทที่ 58 หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นแขก

“เข้ามาสิครับ ผมอาศัยอยู่ที่นี่” ผ่านไปไม่กี่นาที อู๋ฝานจึงนำหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับมาถึงบ้านพักของตนเอง

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินเข้าไปโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย สายตาสำรวจมองสภาพแวดล้อมภายในห้องตามปกติ มันแตกต่างจากท่าทีของเยี่ยเฟยเฟยก่อนหน้านี้

“ทางนั้นมีห้องอยู่สามห้อง อันที่จริงผมเช่าอยู่แค่ห้องหนึ่งจากในบรรดาห้องที่มีครับ ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นคนของมหาวิทยาลัยเจียงโจว อีกห้องยังว่างอยู่ครับ” อู๋ฝานแนะนำสถานที่ให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ฟัง

เดิมนั้นอู๋ฝานคิดแค่ให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์นั่งในห้องโถง ไม่ได้คิดพาเธอเข้าห้องของตนเอง อย่างไรแล้วห้องของเขาก็เล็กและเต็มไปด้วยสิ่งของ จึงไม่เหมาะที่จะใช้รับรองแขก

เพียงแต่ ในตอนที่อู๋ฝานกำลังจะเดินกลับเข้าห้องตนเอง หลิ่วเหยียนเอ๋อกลับตามติดเข้ามา เธอไม่มีความคิดจะอยู่ห้องโถง เห็นได้ชัดว่าอยากดูห้องของอู๋ฝาน

“ห้องของผมทั้งเล็กทั้งรกครับ” อู๋ฝานเปิดประตูพร้อมกับตอบด้วยความเขินอาย

“ทำบาร์บีคิวหรือคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อพบเห็นเตาย่างบาร์บีคิวในห้องของอู๋ฝานจึงถาม

“ครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ขายที่ถนนตรงหน้ามหาวิทยาลัยของคุณนั่นแหละครับ ขายมาได้เกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ เธอย่อมรู้จักถนนดังกล่าว เพียงแต่ไม่เคยไปมาก่อน แต่ก็ทราบว่ามีร้านอาหารขนาดเล็กและแผงลอยมากมายแวะเวียนมาขาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่อยู่รอบมหาวิทยาลัย มีของหลากหลายและราคาค่อนข้างถูก

หรือบางที ถัดจากนี้คงต้องไปรับชม?

“กลับไปห้องโถงเถอะครับ ที่นี่ไม่เหลือที่ให้นั่งด้วยซ้ำ” อู๋ฝานบอกกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานครับ”

ที่ภัตตาคารเมื่อครู่ ไม่ใช่มีเพียงอู๋ฝานที่ไม่ได้ทาน แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ยังไม่ได้ทานเช่นกัน ดังนั้นคนทั้งสองตอนนี้จึงค่อนข้างท้องว่างพอสมควร

ได้ยินอู๋ฝานบอกว่าจะทำอาหาร ดวงตาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงกับเกิดประกายขึ้น “ข่งไห่หลินบอกว่าฝีมือทำอาหารของคุณดีกว่าเชฟใหญ่ของคัลเลอร์แมนอีกหรือคะ?”

“ดีกว่านิดนึงครับ” พูดถึงเรื่องนี้ อู๋ฝานไม่คิดปฏิเสธ แต่ก็ไม่คุยโว “เพราะงั้นวันนี้ถือว่าคุณโชคดีแล้ว ฮ่าฮ่า”

หลิ่วเหยียนเอ๋อหัวเราะตอบรับ น้อยครั้งที่เธอจะยิ้ม และอู๋ฝานก็ไม่คิดว่าเธอจะยิ้มได้อบอุ่นและงดงามเพียงนี้ ถึงกับทำเขาต้องชะงักงันไปชั่วครู่

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่รู้สึกตัวจึงหน้าแดง รอยยิ้มที่ใบหน้าจางลง อู๋ฝานจึงตอบสนอง กระแอมไอสองครั้ง ก่อนจะเร่งรีบออกจากห้อง ตรงเข้าครัว และเริ่มลงมือทำอาหาร

ภายหลังอู๋ฝานออกไปแล้ว หลิ่วเหยียนเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึก ราวกับเมื่อครู่นี้เธอเองก็กระอักกระอ่วนใจเช่นกัน แต่เพียงไม่ช้าก็กลับคืนเป็นปกติ ก่อนจะออกจากห้องของอู๋ฝาน และนั่งลงกับเก้าอี้ที่โต๊ะในห้องโถง เพื่อรอคอยอู๋ฝานทำอาหาร

“หือ?” พอนั่งลงกับเก้าอี้ หลิ่วเหยียนเอ๋อจึงได้เห็นว่าชั้นรองเท้าใกล้ประตูหน้า มันมีรองเท้าผู้หญิงอยู่คู่หนึ่ง เมื่อครู่ตอนที่ผ่านประตูเข้ามา เธอไม่ได้สังเกตเห็นแม้แต่น้อย

สีหน้าของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด เพียงแค่กระพริบตา

“อาหารได้แล้วครับ!”

ใช้เวลาไม่นาน อู๋ฝานจึงกลับมาพร้อมอาหาร ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ขาดแคลนวัตถุดิบ เขาก็ทำอาหารสองจานพร้อมกับน้ำซุปมาถ้วยหนึ่งในเวลาอันสั้น

“ลองสิครับ ดูว่ารสชาติเป็นยังไง” อู๋ฝานนั่งลงตรงข้ามกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่มากมารยาท เธอตักเนื้อหมูสันในผัดเปรี้ยวหวานส่งเข้าปาก ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะเริ่มเคี้ยว สุดท้ายความเร็วการเคี้ยวก็เริ่มเร็วขึ้น

“เป็นยังไงครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ไม่เลวเลย!” หลิ่วเหยียนเอ๋อที่กลืนอาหารไปคำหนึ่ง จึงเอ่ยคำชม “รสชาติดีกว่าอาหารส่วนใหญ่ที่ฉันเคยได้ทานด้วยซ้ำค่ะ”

อู๋ฝานพอคาดเดาได้นานพอสมควรแล้ว จากท่าทีและคำพูดของหลิ่วเหยียนเอ๋อ เธอย่อมไม่ใช่คนจากตระกูลธรรมดา วันนี้ได้พบข่งไห่หลินจึงยิ่งเป็นการยืนยัน ไม่แปลกหากว่าเธอจะเคยได้ลิ้มรสอาหารที่ดียิ่งกว่านี้มาบ้าง

“ในเมื่อไม่แย่กับหิวด้วยก็ทานต่อเถอะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

จบคำ เขาก็เริ่มทานในส่วนของตนเอง

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงทานต่อเนื่อง แต่ภายหลังกลืนไปหลายคำ เธอจึงถามขึ้นมาอย่างเป็นกันเอง “ผู้เช่าอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงหรือคะ?”

“รู้ได้ยังไงกันครับ?” อู๋ฝานมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยความสงสัยพลางถาม “เป็นผู้หญิงจริงครับ เป็นญาติของเจ้าของบ้านหลังนี้ ครอบครัวของเธออยู่เมืองหลวง เธอมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว เพราะครอบครัวเป็นกังวล จึงให้มาอยู่กับญาติ แต่เธออยากอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัยมากกว่า เพราะแบบนั้นจึงไม่ค่อยกลับมาครับ ผมเองก็ชอบความเงียบ เลยได้อยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ แต่พูดไปแล้ว ผมก็ทำเงินได้ไม่น้อยนะ ฮ่าฮ่า”

ได้ยินคำของอู๋ฝาน หางตาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงผ่อนคลายอ่อนนุ่มลง ถัดจากนั้น ราวกับเธอนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม “ใช่คนที่คุณไปส่งในวันรายงานตัวหรือเปล่าคะ?”

ตอนที่อู๋ฝานรับหน้าที่ไปส่งเยี่ยเฟยเฟยรายงานตัว เขาบังเอิญได้พบกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

“ใช่ครับ เธอคนนั้น” อู๋ฝานตอบกลับ “เจ้าของบ้านมีธุระที่จัดการเสร็จไม่ทัน เลยขอให้ผมช่วยไปส่งแทนครับ”

“คุณใจดีเสียจริง” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับ

อู๋ฝานไม่ทันได้ตระหนักถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ดังนั้นจึงยิ้มตอบ “เป็นเรื่องที่โดนขอให้ช่วยทำน่ะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์วางถ้วยข้าวกับตะเกียบลง “อิ่มแล้วค่ะ คงต้องกลับแล้ว”

เพียงเธอพูดจบคำจึงลุกขึ้นเตรียมกลับไป ทุกการเคลื่อนไหวหมดจดและเรียบร้อย

“ทานไม่กี่คำก็อิ่มแล้วหรือครับ? ไม่ทานเพิ่มสักหน่อยหรือ?” อู๋ฝานเร่งร้อนถาม

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่พูดตอบ แต่เดินมุ่งตรงออกไป

“ผมไปส่งนะครับ” อู๋ฝานเร่งรีบเดินตามเธอไปยังประตู

“ไม่เป็นไรค่ะ” คำพูดของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ในยามนี้ กลับเย็นเยือกกว่าก่อนหน้า และเป็นการปฏิเสธที่ชัดเจน

อู๋ฝานคิดตาม ฝีมือของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดีเสียยิ่งกว่าตัวเขาในตอนนี้ ดังนั้นไม่ไปส่งเธอก็ไม่น่าเป็นอะไร

ด้วยเหตุนั้น เขาจึงยืนที่หน้าประตูและพูดตอบ “ระหว่างทางระวังด้วยครับ”

ถัดจากนั้น เขาจึงปิดประตูและกลับเข้าไปทานต่อ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินลงบันไดไป จนกระทั่งพ้นจากสายตาแล้ว ร่องรอยความหงุดหงิดของเธอจึงปรากฏบนใบหน้า พร้อมกับเอ่ยคำเสียงเบา “คนโง่!”

“ผู้หญิงนี่กินน้อยจริง” อู๋ฝานกลับไปยังโต๊ะทานเข้า พลางบ่นพึมพำถึงปริมาณการทานอาหารของหลิ่ว เหยียนเอ๋อร์ “ทานไปได้ไม่กี่คำก็อิ่มแล้ว ไม่เป็นไร สำหรับเราถ้ากินไม่หมดก็เสียของแย่”

ท้ายที่สุด อาหารสองจาน และน้ำซุปหนึ่งถ้วย ยกเว้นส่วนที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทานเข้าไปไม่กี่คำ ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ได้ลงไปอยู่ในท้องของอู๋ฝาน

อู๋ฝานได้พบ ว่าตั้งแต่ที่ตนเองสามารถเทเลพอร์ต ความอยากอาหารก็มากขึ้นกว่าที่เคยเป็น หากคนอื่นได้เห็นปริมาณที่เขาต้องทานเข้าไป เขาคงไม่อาจหลีกหนีพ้นจากฉายา “ถังข้าว” เดินได้อย่างแน่นอน

ภายหลังทำความสะอาดจาน ชามและตะเกียบเรียบร้อย เขาจึงไปอาบน้ำ ตอนนี้ยังเหลือเวลาก่อนจะเที่ยงคืน อู๋ฝานนอนลงกับที่นอน พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลเรื่องของไม้เป็นครั้งสุดท้าย

อู๋ฝานตัดสินใจหาเงินทุนก้อนแรกเพื่อเริ่มต้นธุรกิจในโลกความเป็นจริงโดยการขายไม้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหลอกลวง ตัวเขาจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของกิจการด้านนี้เพิ่มเติม นอกจากสอบถามจากพื้นที่แหล่งค้าขาย ยังจำเป็นต้องศึกษาในอินเตอร์เน็ตอีกหลายส่วน ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตก้าวหน้าไปมาก ข้อมูลมากมายล้วนถูกเก็บเอาไว้ทั้งในรูปแบบสารานุกรมและบทความ ตราบเท่าที่ค้นหาอย่างถี่ถ้วน ย่อมได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย